ตอนที่ 573 สำเร็จเป็นอาวุธเวท

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 573 สำเร็จเป็นอาวุธเวท โดย Ink Stone_Fantasy

“…… ได้ยินข่าวหรือยัง ผู้สังหารปีศาจหยินหยางเป็นศิษย์สายนอกผู้หนึ่งที่ชื่อหลิ่วหมิง ดูเหมือนว่าเพิ่งจะเข้านิกายได้ไม่นาน คิดไม่ถึงว่าจะมีพลังน่าตกใจเช่นนี้…..” ศิษย์หญิงสองคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่ได้ใจจดใจจ่ออย่างเจียหลาน ขณะนี้กำลังกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนเลยแม้แต่น้อย

พอเจียหลานได้ยินคำว่า ‘หลิ่วหมิง’ นางก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ราวกับว่านึกอะไรขึ้นมาได้

……

ภายในบ้านหลังคามุงจากแห่งหนึ่ง หลงเหยียนเฟยกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ หน้าผากขาวราวกับหยกของนางมีแผ่นหยกสีขาวแปะไว้ หลังจากผ่านไปพักใหญ่ๆ ถึงนำมันออกมา

“หลิ่วหมิง…… ปีศาจหยินหยาง……” นางพูดพึมพำด้วยแววตาประหลาดใจ

……

ภายในถ้ำแห่งหนึ่งบนยอดเขากระบี่สวรรค์ ซาทงเทียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้พนักพิงตัวหนึ่ง เขาก้มหน้าฟังศิษย์ชุดเหลืองที่กำลังพูดอะไรบางอย่างเบาๆ ได้ยินลางๆ ว่ามีหลิ่วหมิง การประลอง บัญชีความเป็นความตาย เป็นต้น

“เอาล่ะ! ออกไปเถอะ!” ซาทงเทียนฟังจบก็โบกมืออย่างทนรำคาญไม่ได้

ศิษย์ชุดเหลืองโค้งคารวะแล้วถอยออกไป จากนั้นซาทงเทียนก็นั่งตัวตรงด้วยสีหน้าอึมครึม มือขวาลูบถุงกระบี่บนเอวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก……

……

หลังจากได้ถ้ำที่พักกลับคืนมาแล้ว หลิ่วหมิงก็ทำการแก้ไขห้องหลอมอาวุธที่ก่อนหน้านั้นใช้งานน้อยมาก และนำความรู้ที่บรรยายไว้ในคัมภีร์หลอมอัคคีมาผนึกกับการบอกเล่าของผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถที่หอร้อยล้อม โดยขุดร่องลึกฉื่อกว่าๆ  กว้างจั้งกว่าๆ ไว้ตรงกลางห้อง

สำหรับเขาที่กลับนิกายมาแล้ว วัสดุที่ใช้ประทับชั้นจำกัดสุดท้ายบนโล่เก้ากะโหลก เพื่อทำให้มันกลายเป็นต้นแบบอาวุธเวทนั้น ได้เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

และระดับการหลอมอาวุธของหลิ่วหมิงในตอนนี้ ตั้งแต่มีประสบการณ์ของผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธอย่างเหยียนเจวี๋ยคอยช่วยเสริม เขาก็มีความเชื่อมั่นในความสำเร็จไม่น้อย

ตอนนี้เขาเพียงแค่ใช้เวลาในการหาอาวุธจิตวิญญาณที่มีคุณภาพสูงมาฝึกฝนเพิ่มอีกเล็กน้อย ก็สามารถลงมือได้แล้ว

หลังจากหลิ่วหมิงจัดการถ้ำที่พักเสร็จ ก็ไปที่ตลาดของนิกายอีกครั้ง เขาใช้หลายแสนหินจิตวิญญาณซื้ออาวุธจิตวิญญาณระดับกลางสิบกว่าชิ้น และวัสดุหลอมอาวุธจิตวิญญาณมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็กลับไปยังห้องหลอมอาวุธที่เขาทำการปรับแต่งใหม่ และเก็บตัวหมกมุ่นอยู่กับการหลอมอาวุธจิตวิญญาณ

เวลาในหนึ่งเดือนกว่าต่อมา เขาลองประทับชั้นจำกัดลงบนอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางติดต่อกันสิบกว่าชิ้น

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเบิกบานใจก็คือ ในระหว่างเวลานี้ นอกจากจะประทับชั้นจำกัดไม่สำเร็จแค่สามครั้งแล้ว ที่เหลือล้วนสำเร็จทั้งหมด ทั้งยังมีอาวุธจิตวิญญาณสองสามชิ้นที่เพิ่มชั้นจำกัดได้มากถึงสองชั้น

และสามครั้งที่ล้มเหลว เขาก็ไม่ได้ทำให้พลังจิตวิญญาณของอาวุธเหล่านี้เสียหายแต่อย่างใด สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงมีความมั่นใจมากขึ้น หลังจากเตรียมการไปหนึ่งรอบแล้ว เขาก็เตรียมทำการเพิ่มชั้นจำกัดสุดท้ายให้กับโล่เก้ากระโหลก

วันนี้หลิ่วหมิงหยุดพักสองสามชั่วยาม หลังจากปรับสภาพร่างกายและจิตใจจนถึงระดับที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ก็นำวัสดุที่จำเป็นต้องใช้ในการประทับชั้นจำกัดโล่เก้ากระโหลกออกมาวางไว้ด้านข้าง

เขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งหยิบธงค่ายกลสามสี่ชุดที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกออกมา จากนั้นก็โยนไปยังมุมทั้งสี่ของห้อง

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาถึงนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะผืนหนึ่ง และร่ายคาถาออกมา ระหว่างที่โบกแขนเสื้อไปยังทั้งสี่ด้าน เขาก็เปลี่ยนท่ามืออยู่ไม่หยุด และปล่อยพลังเวทใส่ธงค่ายกล

ทันใดนั้นธงค่ายกลก็เปล่งแสงสีต่างๆ ออกมา แสงจิตวิญญาณหลากสีพุ่งยิงทอสลับกันไปมา และกลายเป็นม่านแสงสีทองจางๆ ทำให้เงาร่างของหลิ่วหมิงพร่ามัว

พอเขาโบกมือสะบัดแขนเสื้อ ก็ค่อยๆ ใส่น้ำหยินโสมม ผงปีศาจอีกา และวัสดุอื่นๆ ลงในร่องตรงหน้าจนเต็ม ขณะเดียวกัน กลิ่นคาวเลือดแสบจมูกจากบ่อก็แผ่กระจายไปทั่วห้องหลอมอาวุธ

ผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา โลหิตในบ่อตรงหน้าก็พวยพุ่ง ขณะเดียวกันก็ปล่อยม่านแสงสีเลือดออกมา ลวดลายค่ายกลสีแดงสดในบ่อก็เริ่มชัดเจนขึ้น ลวดลายค่ายกลเหล่านี้ประสานสลับกันไปมาอย่างไม่ขาดสาย  และโยงใยเข้าด้วยกันจนก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดจั้งกว่าๆ และโลหิตในบ่อก็รวมตัวกันตรงใจกลางค่ายกล

พอหลิ่วหมิงขยับแขนข้างหนึ่ง กล่องหยกโปร่งใสใบหนึ่งก็เปิดออกมา ผงสีขาวพุ่งเข้าไปในบ่อโลหิตอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ละลายหายเข้าไปในบ่อโลหิต

โลหิตในบ่อพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีดำ และเหนียวขึ้นมากขึ้น

ดวงตาของหลิ่วหมิงเป็นประกาย พอโบกแขนเสื้อ โล่เล็กสีดำก็พุ่งออกมา หลังจากหมุนติ้วๆ กลางอากาศหนึ่งรอบแล้ว ก็กลายเป็นโล่สีดำที่มีขนาดจั้งกว่าๆ และลอยอยู่เหนือค่ายกล

หลังจากปล่อยพลังออกไปสายหนึ่งแล้ว ลวดลายจิตวิญญาณบนโล่สีดำก็เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด หมอกดำพวยพุ่งอยู่บนพื้นผิว ใบหน้าปีศาจอัปลักษณ์เก้าตัวที่มีขนาดเท่ากำปั้นยื่นออกมาจากโล่ แสงสีเขียวเปล่งประกายในแววตาอยู่ไม่หยุด

ขณะที่หลิ่วหมิงกระตุ้นพลังเวทอย่างต่อเนื่อง โลหิตสีดำในบ่อก็พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง และค่อยๆ ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นสีดำ

ขณะนี้ โล่ที่อยู่กลางอากาศเริ่มสั่นสะท้านเบาๆ และหัวกระโหลกทั้งเก้าก็อ้าปากดูดซับอย่างเต็มที่

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็หยุดทำท่ามือลง มือข้างหนึ่งชี้ไปทางค่ายกลที่อยู่บนอากาศ เสาวารีสีดำขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ หมุนวนขึ้นฟ้า

เมื่อเสาวารีอยู่ห่างจากแผ่นโล่ฉื่อกว่าๆ มันก็แยกตัวเป็นเสาวารีที่มีขนาดเท่าปากถ้วยจำนวนแปดสาย และม้วนตัวเข้าไปในปากของหัวกระโหลกทั้งเก้า

หัวกะโหลกทั้งเก้าค่อยๆ ดูดกลืนของเหลวสีดำ!

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลาสามวันสามคืน

และหลังจากดูดกลืนของเหลวสีดำอยู่ไม่หยุด แสงสีเขียวในดวงตาของหัวกะโหลกก็ค่อยๆ กลายเป็นสีทองจางๆ

พริบตาที่ของเหลวสีดำข้นในบ่อถูกดูดกลืนไปจนหมดสิ้นนั้น ก็มีเสียงดังมาจากแผ่นโล่ในฉับพลัน

แสงสีทองในดวงตาของหัวกะโหลกทั้งเก้าเปล่งประกายออกมา จากนั้นก็พุ่งออกจากผิวโล่ และหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ มันพุ่งชนม่านแสงสีทองรอบด้านอยู่ไม่หยุด ทำให้ม่านแสงสั่นสะเทือนขึ้นมา ขณะเดียวกันพื้นในห้องหลอมอาวุธก็เริ่มสั่นไหวเบาๆ

หลิ่วหมิงกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา และชี้ไปกลางอากาศ จากนั้นโลหิตบริสุทธิ์ก็จมหายไปในโล่อย่างรวดเร็ว

ขณะนี้มีเสียงดังหวึ่งๆ กลางอากาศ หลังจากหมอกดำรวมตัวกันบนพื้นผิวโล่แล้ว มันก็ระเบิดออกมา และหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบก่อนพุ่งไปทางแผ่นโล่

“ตู้ม!”

จากนั้นก็มีเสียงดังออกมา หมอกดำที่พวยพุ่งแตกกระจายในทันที เผยให้เห็นโล่ที่มีแสงสีดำเปล่งประกาย และลวดลายชั้นจำกัดที่สามสิบหกก็ค่อยๆ ปรากฏบนแผ่นโล่ และชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

“สำเร็จแล้ว!”

หลิ่วหมิงพูดพึมพำด้วยความเบิกบานใจ

เขาแตะแผ่นโล่กลางอากาศเบาๆ พริบตานั้นมันก็ขยายใหญ่ห้าหกจั้ง ดูเหมือนว่าจะค้ำยันห้องหลอมอาวุธทั้งห้องไว้ หลังจากเปลี่ยนท่ามือ มันก็ลดขนาดลงเหลือหนึ่งชุ่นกว่าๆ

พอเขาโบกมือข้างหนึ่ง โล่เล็กสีดำก็พุ่งกลับมา และหายเข้าไปในปากของเขาอย่างไร้ร่องรอย

หลิ่วหมิงหลับตาทั้งคู่ลง พอกวาดจิตดูภายในทะเลจิตรับรู้ ก็ค้นพบว่าโล่อันนี้ลอยอยู่ข้างศิลาหุนเทียนอย่างเงียบๆ

“ไม่รู้ว่าเมื่ออาวุธจิตวิญญาณถูกยกระดับเป็นต้นแบบอาวุธเวทแล้ว จะมีอานุภาพเช่นใดกันแน่” เขาพูดพึมพำไปหนึ่งประโยค จากนั้นก็ตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอว และไอหมอกสีดำก็ม้วนตัวออกมาหนึ่งสาย ซึ่งก็คือแมงป่องกระดูกสีเงินนั่นเอง

“ยินดีด้วยนายท่าน ปรับแต่งต้นแบบอาวุธเวท……..สำเร็จแล้ว” พอแมงป่องกระดูกปรากฏตัวตรงหน้า เสียงเด็กสาวก็ดังขึ้นข้างหู

เทียบกับก่อนหน้านั้นแล้ว คำพูดของมันรื่นหูกว่ามาก

หลิ่วหมิงได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เชื่อมจิตกับมัน เมื่อมั่นใจว่าอาการบาดเจ็บที่ได้รับในวังมายานภาหยกได้ฟื้นฟูมาพอประมาณแล้ว เขาก็สั่งให้มันไปโจมตีโล่เก้ากระโหลก

พอเขาสะบัดแขนเสื้อ ก็มีไอหมอกพวยพุ่งบนโล่เล็กสีดำในมือ และขยายใหญ่จั้งกว่าๆ ก่อนที่จะขวางอยู่ตรงหน้าเขา

ร่างแมงป่องกระดูกขยายใหญ่สามสี่จั้ง ลวดลายจิตวิญญาณเปล่งประกายบนก้ามยักษ์ทั้งสอง จากนั้นก็ทุบลงพื้นอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น มีเสียงดังตูมตามภายในห้องหลอมอาวุธ พอก้ามยักษ์สัมผัสกับโล่อันนี้ มันก็สั่นสะท้านเล็กน้อย จากนั้นแมงป่องกระดูกก็ถูกดีดกระเด็นออกไปไกลหลายจั้ง

ไม่มีร่องรอยใดๆ บนโล่ยักษ์เลยแม้แต่น้อย

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?” หลิ่วหมิงหายวับมาปรากฏตัวข้างแมงป่องกระดูก และลูบก้ามยักษ์ของมันเบาๆ ก่อนกล่าวออกมา

แมงป่องกระดูกโบกก้ามยักษ์แสดงว่าตนเองไม่เป็นอะไรมาก

หลิ่วหมิงยังคงรู้สึกไม่วางใจเล็กน้อย เพราะอาการบาดเจ็บของแมงป่องกระดูกเพิ่งหายเป็นปกติ

พอเขาตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณบนเอว แมงป่องกระดูกก็กลายเป็นไอดำม้วนตัวเข้าไป

เขากวาดจิตดูถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณอีกใบ หัวบินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสในก่อนหน้านั้น ขณะนี้ยังคงหลับสนิทอยู่ข้างใน

หลิ่วหมิงมองดูโล่ยักษ์ที่ไม่มีร่องรอยความเสียหายเลยแม้แต่น้อย หลังจากพยักหน้าแล้ว มือทั้งสองก็เปลี่ยนท่ามืออีกครั้ง และปล่อยลำแสงเข้าไปในโล่

ทันใดนั้น โล่ยักษ์ก็พร่ามัวกลายเป็นไอหมอกแผ่กระจายไปทั่วห้องหลอมอาวุธ และเปลวไฟสีทองก็ปรากฏออกมาสิบแปดลูก ซึ่งก็คือเปลวไฟในตาดวงตาของหัวกะโหลกทั้งเก้า

หลิ่วหมิงชี้ไปยังก้อนหินสีดำตรงมุมห้องหลอมอาวุธ กะโหลกปีศาจทั้งเก้าปรากฏออกมาท่ามกลางหมอกดำ และพ่นเปลวไฟสีทองโจมตีลงบนหินเกือบจะพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

หลังจากมีเสียงดังอู้อี้ ก้อนหินสีดำก็ถูกเปลวไฟสีทองเผาไหม้จนกลายเป็นควันสีดำ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก!

หลังจากโล่นี้กลายเป็นต้นแบบอาวุธเวทแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะมีอานุภาพร้ายกาจถึงเพียงนี้!

หากว่าในขณะทำการต่อสู้กับศัตรู เขากักขังฝ่ายตรงข้ามไว้ในหมอกดำ ลำพังแค่หัวกะโหลกทั้งเก้า ก็สามารถทำให้ฝ่ายตรงข้ามป้องกันไม่หวาดไม่ไหว และสังหารฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร้ร่องรอย

ขณะที่หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอยู่นั้น ก็โบกมือข้างหนึ่งออกไป ไอหมอกดำในห้องหลอมอาวุธพวยพุ่งอย่างรุนแรงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ มารวมตัวกันใจกลางห้อง

ผ่านไปสักพัก ไอดำพวยพุ่งรวมตัวกันเป็นโล่ยักษ์สีดำอีกครั้ง หัวกะโหลกทั้งเก้าหัวเราะแปลกประหลาด และกลายเป็นภาพหัวกะโหลกเก้าใบที่ดูราวกับมีชีวิต

พอหลิ่วหมิงอ้าปาก แสงสีดำก็เปล่งประกายบนโล่และขยายใหญ่ชุ่นกว่าๆ หลังจากมีเสียงดัง “ฟู่!” มันก็กลายเป็นแสงสีดำจมหายเข้าไปในปากอย่างไร้ร่องรอย

………………………………