ตอนที่ 794 เพลงกองทัพดังก้องกังวาน ( 1 )

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 794 เพลงกองทัพดังก้องกังวาน ( 1 )

สุริยาค่อย ๆ เคลื่อนหายไปทางทิศตะวันตก

การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด

สนามรบถูกย้ายไปทางใต้ของแม่น้ำเซียว ส่วนค่ายทหารชาวฮวงทางเหนือของแม่น้ำเซียวมีอาณาเขตเพียงมิกี่ลี้ ซึ่งกำลังปรากฏม้าศึกหลายแสนตัวบนทุ่งหิมะเฝ้ามองหาอาหาร

เนื่องจากช่องว่างระหว่างแม่น้ำเซียวจึงทำให้ทหารชาวฮวงมิสามารถควบอาชาบุกเข้ามาได้ ดังนั้นม้าเหล่านี้จึงถูกปล่อยให้อดตาย

ฟู่เสี่ยวกวนถือกล้องส่องทางไกลมองดูสถานการณ์ในสนามรบ ฝ่ายตนและฝ่ายศัตรูอยู่ติดกันเกินไป คำสั่งทั้งหมดจึงไร้ความหมาย

พวกเขาล้วนแสดงความความกล้าหาญ ความกระตือรือร้นออกมา สิ่งเหล่านี้คือทักษะการสู้รบและความแข็งแกร่งของทหารแต่ละนาย

จนกระทั่งมีหนึ่งในนั้นล้มลง

เขาจึงยกกล้องส่องทางไกลขึ้นโดยบังเอิญ จากนั้นก็มองไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเซียว ทว่าต้องตื่นตกใจขึ้นมาทันพลัน !

ในตอนที่กำลังส่องดูสถานการณ์อยู่นั้น ก็ได้มีทหารหนึ่งกองปรากฏตัวขึ้น !

ไร้ธงสัญลักษณ์แสดงตนว่าอยู่ฝั่งใด แต่เส้นสีดำในกล้องส่องทางไกลนี้ ก็สามารถบ่งบอกได้แล้วว่ามีทหารจำนวนมากมายหลายแสนนาย

เขาขมวดคิ้วมุ่น เมื่อผู้ที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าคือ… เฟิงเสียนชู !

บัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดี ?

นี่เป็นสถานการณ์ที่นอกเหนือจากที่คาดการณ์เอาไว้ ตามแผนการเดิมคือให้ทหารดาบเทวะกองทัพที่สองบุกมายังเกาเชวียซายแล้วกำจัดเฟิงเสียนชูแห่งแคว้นอี๋เสีย แต่คาดมิถึงว่ากองทัพของเฟิงเสียนชูได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

ฟู่เสี่ยวกวนจึงคิดว่ากองทัพนี้ถูกเยียนเหลียงเจ๋อเรียกตัวกลับไปแล้ว ทว่าบัดนี้พวกมันกลับมาปรากฏตัวขึ้นอีกฟากหนึ่งของที่นี่

มันเหนือความคาดหมายของเขาไปมากโข !

นี่เรียกว่าคนคำนวณมิสู้ฟ้าดินลิขิตอย่างแท้จริง

หากกองทัพของเฟิงเสียนชูจำนวน 200,000 นายบุกเข้ามาร่วมวงด้วยอีก เกรงว่าทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งและสองจะต้องจบเห่ลงที่นี่เสียแล้ว

บัดนี้ไร้หนทางแล้วจริง ๆ เพราะถึงจะเรียกเผิงเฉิงอู่ให้ถอยทัพกลับมาก็สายเกินไปเสียแล้ว

เขายกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาอีกครา กองทัพของเฟิงเสียนชูมาถึงค่ายร้างทางเหนือของชาวฮวงแล้ว แน่นอนว่าพวกมัน…ก็กำลังมองมาทางนี้เช่นกัน

เฟิงเสียนชูรู้สึกตกตะลึงงันขึ้นมาทันใด

สนามรบอันกว้างใหญ่ มีทหารอย่างน้อยสามถึงสี่แสนนายกำลังต่อสู้กันอยู่ในสนามรบแห่งนี้

เขาทราบสถานการณ์ระหว่างทหารดาบเทวะของฟู่เสี่ยวกวนและกองทัพของชาวฮวงอยู่แล้ว เขาจึงเฝ้ามองการต่อสู่นี้อย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็สั่งให้ทหารภายใต้บัญชาเข้าปล้นเสบียงในค่ายของชาวฮวงให้หมด

เขามิสามารถสู้รบกับฟู่เสี่ยวกวนได้ เพราะมิรู้ถึงสถานการณ์ในแคว้นอี๋ ณ ปัจจุบันนี้เลย

หากทำสงครามกับฟู่เสี่ยวกวนในขณะที่ราชวงศ์อู๋ครอบครองแคว้นอี๋ไปแล้ว เขาและกองทัพ 200,000 นายจะไร้ที่อยู่อาศัยโดยสิ้นเชิง

แล้วข้าต้องเข้าไปช่วยฟู่เสี่ยวกวนหรือไม่ ?

ในกรณีที่ราชวงศ์อู๋ยึดครองแคว้นอี๋มิได้ หลังจากช่วยฟู่เสี่ยวกวนแล้ว ข้าควรกราบทูลต่อฝ่าบาทเยี่ยงไรดี ?

มันจะดีกว่าถ้าหายไป โดยมิต้องตกอยู่ในภาวะกลืนมิเข้าคายมิออกเช่นนี้

เขาจึงตัดสินใจสั่งให้ทหารชาวอี๋ออกไปนำเสบียงและอาชาศึกของชาวฮวงในค่ายร้างนี้มาให้หมด จากนั้นก็มิได้ออกคำสั่งใดอีก

เขาเพียงอยากเห็น

อยากเห็นว่าทหารดาบเทวะในตำนานแข็งแกร่งมากเพียงใด

เขาต้องการดูว่าสถานการณ์ของสงครามในครานี้จุดจบจะเป็นเยี่ยงไร

ทหารชาวฮวงหรือกองทัพดาบเทวะผู้ใดจะได้รับชัยชนะ ?

เขาเพียงแค่อยากรู้อยากเห็นและมิมีความคิดอื่นใดอีก

เยี่ยงไรเสีย การเคลื่อนไหวของเขามิเพียงแต่ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมิสบายใจเท่านั้น แต่ยังทำให้ท่าป๋าหยูรู้สึกกังวลหลังจากที่ได้รับรายงานอีกด้วย

ท่าป๋าหยูก็มิรู้เช่นกันว่ากองทัพที่อยู่อีกฟากเป็นผู้ใด และบัดนี้ควรทำเยี่ยงไรดี ?

ด้านหน้าคือกองทัพทหารดาบเทวะ ด้านหลังคือกองทัพที่มิรู้จัก พวกมันเข้ามาแย่งชิงเสบียงและอาชาของตน… กองทัพที่อยู่ด้านหลังมิได้บุกเข้ามาโจมตี ดูเหมือนมิได้เป็นศัตรู แต่พวกมันก็ได้ปล้นม้าศึกและเสบียงของข้าไป…นี่มันเรื่องอันใดกัน ?

หรือจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นตอ ?

เดิมทีท่าป๋าหยูต้องการยุติสงครามเซียวเหอหยวนโดยเร็วที่สุด จากนั้นก็กวาดล้างทหารดาบเทวะทั้งหมดให้สิ้นซาก เขาถึงจะนำกองทัพกลับไปยังฮวงถิง

เขามิได้คาดคิดเลยว่า ทหารดาบเทวะจะกล้าหาญและแข็งแกร่งมากถึงเพียงนี้

ทหารชาวฮวงดูเหมือนจะจมลงไปในโคลน เขารู้ว่าสงครามย่อมเกิดการสูญเสียเป็นธรรมดา… ทว่ากองทัพทหารกว่าครึ่งล้านที่สู้รบมาได้เพียงครึ่งวัน บัดนี้พวกเขาสูญเสียไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว !

แล้วฝ่ายทหารดาบเทวะเล่า ?

จากการประเมินเบื้องต้น เสียชีวิตไปเพียง 30,000 นาย !

ทหารดาบเทวะที่เหลืออีก 60,000 นายยังคงดำเนินการสู้รบต่อไป เกรงว่าทหารชาวฮวงราว 250,000 นายต้องทิ้งชีวิตอยู่ที่นี่เสียแล้ว

จะถอยทัพได้เยี่ยงไร ?

เหตุผลที่ถอยทัพจะทูลต่อฝ่าบาทว่าเยี่ยงไร ?

ท่าป๋าหยูรู้สึกกังวลมากยิ่งนัก จากนั้นจึงเริ่มวางแผนในการถอยทัพออกจากสนามรบ

ทว่าในยามนั้น อยู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงร้องเพลงดังมาจากเบื้องหน้าเยื้องไปทางซ้ายมือ

เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยท่าทีประหลาดใจ เมื่อมองไปที่นั่นมันคือสนามรบของกองทัพดาบเทวะ

เขาเห็นพวกคนบ้าถือดาบ แหกปากร้องเพลง เหวี่ยงดาบในมือไปมา

“เผชิญคลื่นใหญ่อย่างทะนง

ข้าจะสังหารเจ้าเสีย…

เลือดร้อนแรงดั่งสุริยัน…สังหารได้อีกคนแล้ว

กระดูกเอ็นแกร่งดั่งเหล็กกล้า…ไปตายเสีย !

ปณิธานที่ทอดยาว…”

พลังของเฮ้อซานเตาเริ่มลดลง มิรู้ว่าตนได้สังหารศัตรูไปแล้วกี่นาย รู้เพียงแค่ว่าเมื่อเทียบกับสงครามที่ท่าชุนเฟิงแล้ว ศัตรูที่ตายด้วยดาบของตนมีจำนวนมากกว่าห้าเท่า !

แม้จะฝึกฝนจนมีกำลังแข็งแกร่งมากมายเพียงใด ทว่าศัตรูก็มีมากเสียเหลือเกิน

เขารู้สึกว่ามือที่ถือดาบทั้งสองข้างเริ่มชาและเจ็บปวด อีกทั้งยังรู้สึกมิค่อยมีสติ

ยังตายมิได้ !

ข้าต้องการเป็นผู้บัญชาการกองพลที่หนึ่งของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่ง !

เขาพลันนึกถึงบทเพลงกองทัพขึ้นมา จากนั้นจึงแหกปากร้องเพลงกองทัพเสียงดังลั่น

ใบหน้าของสหายมากมายที่อยู่รอบกายของเขาเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตัวเขาย่อมรู้ดีว่าใบหน้าที่หายไปนั้นคือตกตายไปเสียแล้ว

แต่ข้ายังมิตาย อีกทั้งข้ายังเป็นเสาหลักของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งอีกด้วย !

ยังมีทหารจากกองพลน้อยที่สามหลงเหลืออยู่ ดังนั้นควรบุกเข้าประชิดตัวศัตรู !

ต้องบุกโจมตีอย่างรวดเร็ว !

เขามิคาดคิดมาก่อนว่าการร้องเพลงออกมาจะทำให้สหายที่อยู่รอบกายพากันร้องเพลงตามไปด้วย เพลงนี้เหมือนมีพลังเวทมนตร์บางอย่าง ในสนามรบขนาดใหญ่เหล่าทหารที่รอดตายของดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งจึงเริ่มร้องเพลงขึ้นมา…

เสียงร้องเพลงทำให้ท้องนภาสั่นสะเทือน ราวกับมีแรงกระตุ้นอันทรงพลังมาหล่อเลี้ยงร่างกายของทหารดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งซึ่งเหนื่อยล้ากันมากแล้ว

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้โดนปลุกขึ้นมาอีกครา ในยามที่เสียงร้องดังกังวานทหารที่ยังหลงเหลืออยู่ราว 10,000 นายของกองทัพที่หนึ่งก็ได้บุกเข้าโจมตีศัตรูอีกครา !

“…ฟ้าสมุทรหลอมรวมมาสู่ข้า !

ผืนดินเป็นพยาน สะท้อนปณิธานของข้า !

คลื่นซัดสาด นภากว้างงดงามและยิ่งใหญ่ !

ชายชาตรีต้องแข็งแกร่ง… ! ”

เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู เสียงเพลงก็ยิ่งทวีความดังก้อง รู้สึกถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายออกไป !

จิตสังหารนั้นราวกับคลื่นมหึมาซึ่งทำให้ศัตรูมิสามารถต้านทานพลังนี้ได้ !

ในเวลาเดียวกันทหารดาบเทวะกองทัพที่สองก็ได้บังเกิดอารามตกตะลึงอย่างอธิบายมิถูก เพลงนี้ช่างไพเราะมากยิ่งนัก !

เหตุใดกองทัพที่หนึ่งจึงสามารถร้องเพลงนี้ได้ ทว่าพวกเขากลับมิรู้จักเลยเล่า ?

มีรายงานว่านี่เป็นเพลงกองทัพดาบเทวะ ซึ่งองค์ชายทรงประพันธ์ให้กับดาบเทวะกองทัพที่หนึ่งด้วยพระองค์เอง

เหตุใดองค์ชายถึงได้ลำเอียงเยี่ยงนี้ ?

ในพระทัยขององค์ชาย พวกเราเทียบกับกองทัพที่หนึ่งมิได้เลยหรือ ?

มิได้การ “พวกเราทุกคน เพื่อเกียรติยศของกองทัพที่สอง สังหารศัตรูเสียให้สิ้น ! ”

ผู้ที่อยู่บนหลังอาชาเยี่ยงเฟิงเสียนชูพลันรู้สึกสั่นสะท้านขึ้นมาทันใด

แน่นอนว่าเขาได้ยินเสียงร้องเพลงของอีกฝ่าย และได้เห็นพลังการต่อสู้อันทรงพลังที่ระเบิดออกมาจากเหล่าทหารดาบเทวะ…ทหารชาวฮวงเริ่มถอยทัพหนีแล้ว เร็วขึ้น และเร็วขึ้น !

ทหารดาบเทวะบุกเข้าหาอย่างรวดเร็ว !

เห็นได้ชัดว่ากองทัพดาบเทวะนั้นมีจำนวนน้อยกว่ากองทัพทหารชาวฮวงมากนัก แต่ก็ยังบังเกิดภาพแปลกประหลาดเช่นนี้ขึ้น

ในช่วงเวลานี้พวกมันเปรียบดั่งหมาป่าและเสือที่ดุร้าย ส่วนชาวฮวงนั้น…ได้กลายเป็นลูกแกะไปเสียแล้ว

ระหว่างกระบวนการแปรทัพ เขาจึงรู้ว่าแนวโน้มด้านจำนวนของชาวฮวงนั้นลดน้อยลงมากนัก

นี่คือจิตวิญญาณของกองทัพ !

ทั่วทั้งใต้หล้านี้ผู้ใดจะเป็นศัตรูกับกองทัพเยี่ยงนี้ได้กัน !

“ออกเดินทางเถิด…”

เฟิงเสียนชูสูดลมหายใจเข้าลึก พลางมองไปยังสุริยาที่เริ่มลาลับขอบฟ้าแล้ว จากนั้นก็นำกองทัพเดินทางจากไป