ตอนที่ 1763 แทนที่

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

ในขณะนั้นเองที่โลกด้านนอกกำลังมองเห็นอีกภาพตรงหน้าไปอีกอย่าง

เมื่อเกมเริ่มขึ้น ทุกสิ่งอย่างภายในมันก็จะถูกปกปิด

กระดานเกมจะส่องแสงจ้า ส่องภาพขึ้นไปบนฟ้ากว้างเป็นภาพของกระดานอันใหญ่ยักษ์

และพร้อมๆ กันนั้นมันก็จะมีภาพของสองยักษ์ใหญ่กำลังนั่งหันหน้าเข้าหากันบนท้องฟ้าเป็นภาพที่แสนน่าอัศจรรย์

ตอนนี้เกมได้เริ่มไปนานมากแล้ว แต่ทั้งสองฝ่ายก็ยังไม่มีใครขยับใดๆ

ฉีหยูขมวดคิ้วแน่น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันจึงยังไม่เริ่มอีก?”

นิคุนบอกด้วยหน้าตาได้ใจ “ไอ้เด็กคนนั้นมันคงไม่สามารถจะทานทนจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ใช่ไหม? ดูท่ามันจะมีพรสวรรค์มหาศาลแต่จิตใจอ่อนแอ!”

สิ่งที่เจ้า ‘อย่าถาม’ นี้ทดสอบมันคือพลังจิตใจของนักบวชที่เข้าทดสอบ

ยิ่งคนผู้นั้นมีจิตใจใฝ่หาความรู้มากเท่าไหร่ พวกเขาก็จะยิ่งก้าวไปได้ไกลกว่าเก่า

ตอนนี้เย่หยวนกลับไม่สามารถจะก้าวไปได้แม้แต่ก้าว มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าพลังจิตของเขานั้นอ่อนแอและไม่สามารถทนทานจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เลย

ในฝูงชนที่มองดูอยู่ ซิ่วกำลังมองภาพตรงหน้าด้วยคิ้วที่ขมวดจนติดกัน

“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าเด็กคนนี้กัน? หรือว่ามันจะไม่สามารถทนจิตแรกของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้เลย? หรือว่าข้า… จะมองเขาผิดไป?”

ดูแล้วเขาก็กำลังกังวลเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมากเช่นกัน

แต่คงหยุนกลับหัวเราะลั่นออกมา “ไอ้เด็กคนนี้มันคงไม่ได้โดนจิตของท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทำลายไปแล้วหรอกใช่ไหม? อัจฉริยะ? น่าขันสิ้นดี!”

ฉีเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มตอบขึ้น “หากมันถูกบดทับไปจริงๆ มันคงได้กลายเป็นเรื่องตลกที่สุดในเผ่าอสูรเราแน่! อัจฉริยะที่ไม่มีปัญญาจะทนทานจิตแรกได้ มันคงเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคิดและคาดว่าจะเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม?”

ที่ด้านนอกคนทั้งหลายกำลังรุมว่าความโชคร้ายนี้อยู่

แต่ด้านใน ‘อย่าถาม’ นั้นเย่หยวนกลับมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ พร้อมปะทะกับภาพร่างอันยิ่งใหญ่นี้

“หากไม่ยอมเป็นหมากให้ผู้คน คนผู้นั้นก็ต้องมีพลังฝีมือที่พร้อมจะทำลายทุกชีวิต! เจ้ายังไม่เก่งพอ! หากเจ้าคิดที่จะรับมันไว้อย่างนั้น ก็จงรับความพิโรธของข้าผู้นี้เสีย!”

เมื่อเสียงของร่างยักษ์นั้นจางหายไป มันก็มีพลังที่ราวกับโลกจะถล่มลงตรงหน้าปล่อยออกมา

พลังจิตที่แสนรุนแรงพุ่งเข้ามาหาเย่หยวนในทันที

คลื่นพลังจิตอันรุนแรงนี้มันถล่มลงมาราวกับฟ้าดินจะพังทลาย ทำลายทุกสิ่งอย่างที่ขวางทางมัน

ตอนนั้นไข่มุกสยบวิญญาณก็ค่อยๆ ปล่อยพลังบางๆ ออกมาคลุมจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนไว้

แม้ว่าพลังจิตนี้มันจะรุนแรงแค่ไหนมันก็ยังไม่ใช่ ‘อย่าถาม’ ของจริง

ด้วยพลังของหวู่เฉินในตอนนี้ เขาสามารถที่จะตั้งรับพลังระดับนี้ได้ไม่ยาก

แต่กลับเป็นเย่หยวนที่กล่าวออกมา “ผู้อาวุโสท่านไม่ต้องลงมือหรอก! ในเรื่องความแน่วแน่ของจิตแล้วข้าเย่หยวนไม่มีทางพ่ายแพ้แก่ใครแน่! ต่อให้เป็นมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลก็ตาม!”

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมาไข่มุกสยบวิญญาณก็ดึงพลังกลับไปในทันทีทันใด

พลังจิตนี้ที่เรียกได้ว่าสามารถถล่มภูเขาทำลายแม่น้ำ พุ่งตรงลงมายังจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวนอย่างรุนแรง

ฟุบ!

เย่หยวนรู้สึกว่าสติของตัวเองเลื่อนลอยไปชั่ววินาที ร่างของเขารู้สึกราวกับถูกฟ้าฝ่าลงกลางหัวจนต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง

“คุกเข่า!” เสียงสนั่นลงมาถึงจิตศักดิ์สิทธิ์ของเย่หยวน

แต่ว่าเย่หยวนนั้นกลับยังอยู่แน่วแน่เหมือนหินที่ตั้งขวางน้ำตก ไม่ว่าพลังจิตนี้มันจะรุนแรงแค่ไหนเขาก็ยังยืนนิ่งอย่างไม่คิดจะไหวติง

“หึ ข้าเย่หยวน แม้แต่สวรรค์ข้าก็ไม่คิดจะคุกเข่าให้ ทำไมต้องมาคุกเข่าให้เจ้าด้วย? หากแค่เสี้ยววิญญาณของเจ้าข้ายังไม่มีปัญญาต้านทานข้าจะไปช่วยเหลือผู้ที่เป็นที่รักของข้าได้อย่างไร?!”

เย่หยวนกัดฟันแน่น คลื่นพลังจิตอันแสนดื้อด้านพุ่งขึ้นสูงทะลุฟ้า!

จากนั้นพลังในร่างของเย่หยวนก็ค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น จนสามารถที่จะเริ่มต่อต้านจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลได้ในที่สุด

นี่คือการปะทะกันของจิต!

เย่หยวนมายังมหาพิภพถงเทียนนี้ก็เพื่อที่จะช่วยมู่หลินเสวีย

เพื่อการนี้แล้วเขาจึงต้องเดินทางขึ้นไปยังยอดเขาแห่งถงเทียน และต้องมีพลังที่เหนือล้ำไร้ผู้ต่อต้าน

ชีวิตที่ใช้มาถึงครั้งที่สอง เดินทางบนเส้นทางแสนลำบากมากมาย เย่หยวนย่อมไม่คิดที่จะพึ่งพาเต๋าบรรพกาลคนใด

เย่หยวนเข้าใจดีว่าคนที่จะช่วยมู่หลินเสวียได้จริงๆ แล้วมันมีแค่ตัวเขาเท่านั้น!

เพราะฉะนั้นเขาจะแพ้พ่ายต่อใครไม่ได้อีก!

คนที่อยู่ต่ำกว่าเต๋าบรรพกาลนั้นล้วนแล้วแต่เป็นมดปลวก!

คนที่เก่งกาจระดับมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลนั้นมันเป็นได้แค่ตัวหมากเท่านั้น

ที่สำคัญเย่หยวนยังมีเขาน้อยถงเทียน สร้างวรยุทธบ่มเพาะของตัวเอง สายตาของเขาย่อมเหนือล้ำกว่าที่จะเอานักยุทธคนไหนมาเปรียบเทียบได้

เขารู้สึกได้ลึกๆ ว่าจริงๆ แล้วเต๋าบรรพกาลเองก็จะอาจจะเป็นได้แค่ตัวหมากหนึ่งของมหาพิภพนี้!

ตัวเขา เย่หยวนคนนี้จะไม่ยอมเป็นหมากให้ใคร!

เขาอยากจะสร้างชะตาของตัวเอง ด้วยมือของตัวเอง!

การปะทะกันของจิตนี้ สิ่งที่ยากที่สุดมันก็คือตอนแรก

หลังผ่านช่วงแรกมาได้ที่เหลือมันก็ไม่ได้ยากเย็นแล้ว

“เอ๋?”

เสียงร้องเบาๆ ดังออกมาจากปากของร่างยักษ์นั้น ดูท่าแล้วเขาคงตกตะลึงที่เย่หยวนยังไม่ถูกบดแหลกเป็นชิ้นๆ ไปอีก

“ดูท่าข้าผู้นี้จะดูถูกเจ้าไปหน่อย! หากเป็นเช่นนี้ก็จงรับความพิโรธไปอีกที!”

ร่างยักษ์นั้นชี้นิ้วอันใหญ่ที่แฝงพลังจากยอดเต๋าและพลังจิตใจเข้ามาปะทะกับร่างของเย่หยวนอีกครั้งหนึ่ง

เย่หยวนหรี่ตาเล็ก มุมปากของเขาค่อยๆ เผยอออกมาเป็นรอยยิ้มขึ้นมา “นี่หรือคือเต๋าของเจ้า? รุนแรงเสียจริงๆ! น่าเสียดายที่เมื่อมาเจอข้ามันก็คงทำได้แค่นี้!”

เย่หยวนยกมือสองข้างขึ้นมาและส่งให้ยันต์แปดทิศอันใหญ่ปรากฏขึ้น!

“ยันต์แปดทิศยอดเต๋า! เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างยักษ์นี้แสดงความตื่นตกใจออกมา

เขานั้นไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเด็กน้อยที่เพิ่งอยู่อาณาจักรราชันพระเจ้าจะสามารถบ่มเพาะยันต์แปดทิศยยอดเต๋าได้อย่างไร!

ปัง!

ยอดเต๋าของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลและยันต์แปดทิศยอดเต๋าของเย่หยวนปะทะกันจนทำให้ห้วงมิติเกิดความบิดเบี้ยว

มันทำให้พื้นแผ่นดินและเทือกเขาสั่นสะเทือน!

ตอนนั้นเองทางโลกภายนอกก็รับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันนี้

มันราวกับว่ากระดานหมากนี้กำลังจะพังทลายลง

ซิ่วมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและกล่าวออกมา “นี่มัน… เขาจะไม่สามารถขยับหมากได้แม้แต่ตัวเดียวเลยจริงๆ หรือ?”

“ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กคนนี้มันเอาแต่อวดอ้างตัวอยากท้าทาย ‘อย่าถาม’ สุดท้ายกลับไม่สามารถขยับหมากได้แม้สักตัว น่าขันเสียจริง!” นิคุนหัวเราะลั่น

ผู้อาวุโสคนอื่นๆ เองก็ส่ายหัวออกมาตามๆ กันดูท่าแล้วพวกเขาเองก็คงทนดูสภาพตรงหน้านี้ไม่ไหว

คงหยุนนั้นมีรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่เต็มใบหน้า “อะไรคือสิ่งที่เรียกว่าประเมินตัวเองสูงเกินไป? นี่แหละสิ่งที่เรียกว่าประเมินตัวเองสูงเกินไป! ไม่มีปัญญาวางหมากแม้สักตัวและถูกจิตของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลทำลายจนสิ้น ครานี้… มันช่างเป็นเรื่องที่เหนือคาดทุกผู้คนนัก!”

ฉีเฟิงเองก็หัวเราะจนท้องแข็ง “เมืองจักรพรรดิต้นทรราชของเราเองก็คงต้องปิดบังเรื่องนี้ไว้ ไม่เช่นนั้นมันคงขายขี้หน้าเขาไปทั่ว”

ปัง!

ตอนนั้นเองที่เงาร่างของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลบนฟ้าแตกสลายหายไป กลายเป็นแค่ก้อนแสงน้อยๆ ลอยร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์

ซิ่วหน้าถอดสีทันที “นี่มัน… เกิดอะไรขึ้น? ตามหลักเกมมันน่าจะจบแล้วนี่ ทำไม… ทำไมเงาของโอสถบรรพกาลยังอยู่แต่เงาของท่านมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลกลับแตกสลายลงกัน?”

ฝีมือของเขานั้นเหนือล้ำ มันจึงทำให้เขามองเห็นภาพได้ชัดเจนกว่าที่คนอื่นๆ จะคาดคิด

ภาพตรงหน้านี้มันต่างจากที่เขาคาดเดาไปมาก

มันเป็นอะไรที่ผิดแปลก!

จู่ๆ ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกโพลง มองจ้องไปยังความว่างเปล่านั้นอย่างตกตะลึง

เพราะในที่ๆ เงาของมหานักบวชศักดิ์สิทธิ์บรรพกาลเคยอยู่นั้นมันกลับค่อยๆ มีเงาอีกร่างก่อตัวขึ้นมาแทน!

“นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร?”

ซิ่วมองดูที่ท้องฟ้าอย่างตื่นตระหนก รอให้ร่างนั้นค่อยๆ ก่อตัวชัดเจนขึ้น

ดูจากเงาตอนนี้แล้ว มันย่อมเป็นเงาร่างของเย่หยวนไม่ผิดแน่!

ตอนนี้สองฝั่งของกระดานยักษ์มันกลายเป็นเงาร่างของเย่หยวนและโอสถบรรพกาล!

และนั่นทำให้สีหน้าของทุกผู้คนที่มองดูอยู่ต้องเปลี่ยนไปไม่ต่างจากซิ่วนัก พวกเขาต่างตกตะลึงกับภาพที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นตรงหน้า!

……………………