ตอนที่ 9-2 คำที่ไม่ได้เอ่ยออกไป

จังหวะรัก นักบัลเลต์

ตอนที่ 9-2 คำที่ไม่ได้เอ่ยออกไป

 

 

 

 

“ขอบคุณค่ะ!” 

 

 

แค่เพียงพริบตาเดียว การซ้อมรอบบ่ายก็สิ้นสุดลง ฉันโค้งลาเหล่ารุ่นพี่ที่เดินออกจากห้องซ้อมเต้นเหมือนปกติ  

 

 

แล้วฉันก็สัมผัสได้ว่ารุ่นพี่อีกงหยุดยืนอยู่หน้าประตู ก่อนจะหันหน้ามามองฉัน ทันทีที่ฉันเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้าๆ ฉันก็สบตากับรุ่นพี่เข้า พอฉันเผลอตัวยิ้มร่าออกมา รุ่นพี่เองก็หลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน 

 

 

“พวกนายไปก่อนแล้วกัน” 

 

 

ในตอนที่รุ่นพี่อีกงหันไปพูดกับพวกรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ข้างหน้า รุ่นพี่โซยอนก็แสดงท่าทีตกใจออกมาก่อนจะหันหน้ามา ดวงตาที่สั่นไหวของรุ่นพี่โซยอนนั้นกำลังจ้องมองมาที่รุ่นพี่อีกง และจู่ๆ ฉันรู้สึกกังวลขึ้นมา 

 

 

“ไม่ไปเหรอครับ” 

 

 

“พี่จะช่วยฮวีกยอมทำความสะอาดน่ะ” 

 

 

“โธ่ ถ้ารุ่นพี่อยู่ แล้วพวกเราจะทำยังไงล่ะครับ!” 

 

 

คำพูดของรุ่นพี่ฮยอนจุนทำให้พวกรุ่นพี่คนอื่นๆ เองก็ตะโกนออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ใช่ๆ  มีเพียงแต่รุ่นพี่โซยอนที่ปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไร แล้วจ้องมองมาที่ฉันเพียงอย่างเดียว 

 

 

“สองคนนี้ จริงๆ แล้วรักกันดีหรือ เกลียดกันกันแน่เนี่ย บางทีก็ดุด่าอย่างกับหมูกับหมา แต่ทีอย่างนี้กลับดูแลเป็นอย่างดี” 

 

 

“รักกันดีสิ โคตรรักกันเลยล่ะ เพราะงั้นก็เลิกสนใจ แล้วก็ได้โปรดออกไปซะทีสิครับ คุณรุ่นน้อง” 

 

 

ใบหน้าของรุ่นพี่ที่ตอบอย่างติดตลกพลางผลักไหล่ของพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ ออกไปนั้นกลายเป็นสีแดงก่ำ ฉันเอาแต่จ้องมองดูท่าทีของรุ่นพี่โซยอนด้วยสายตาเป็นกังวล แต่รุ่นพี่โซยอนกลับสะพายกระเป๋าด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วออกจากห้องซ้อมเต้นไปในทันที 

 

 

“หือ นี่ จองโซยอน!” 

 

 

รุ่นพี่ฮยอนจุนวิ่งตามหลังรุ่นพี่โซยอนออกไป ตอนนั้นเองที่พวกรุ่นพี่คนอื่นๆ จึงรีบแย่งกันออกจากห้องซ้อมไป 

 

 

ฉันจ้องมองรุ่นพี่อีกงด้วยใบหน้าเลิ่กลั่ก รุ่นพี่จึงยิ้มแล้วทำปากจุ๊ๆ พร้อมกับเอานิ้วมาทาบไว้ตรงริมฝีปากนั้น ฉันเผลอพยักหน้ารับโดยไม่รู้สึกตัว ขณะเดียวกันก็เอานิ้วขึ้นมาทาบไว้ที่ริมฝีปากเหมือนกับรุ่นพี่เช่นกัน รุ่นพี่จึงหัวเราะออกมาเสียงดัง พร้อมกับเดินเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ 

 

 

“อึดอัดใช่ไหม ก็พูดอะไรไม่ได้นี่นะ” 

 

 

“เปล่าค่ะ ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่ามันจะทำให้รุ่นพี่ลำบาก” 

 

 

“…เธอน่าจะลำบากกว่าพี่อีกไม่ใช่เหรอ” 

 

 

ก็การซุบซิบนินทาของผู้หญิงมันน่ากลัวนี่นา คำพูดของรุ่นพี่อีกงที่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฉันทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมา ก็จริง แค่เซจิน ยังโดนเรียกว่า ยัยตัวร้าย ยัยตัวแสบเลย แล้วถ้าเป็นนักเรียนหญิงทั้งโรงเรียน ฉันไม่โดนกระชากวิญญาณหลุดออกจากร่างเลยเหรอ 

 

 

“ดูเหมือนจะรู้ตัวดีสินะคะว่าตัวเองน่ะดังมาก” 

 

 

ฉันแกล้งพูดหยอกรุ่นพี่เล่น แต่รุ่นพี่กลับมาโอบเอวของฉันไว้จากทางด้านหลัง พร้อมกับบ่นพึมพำอย่างเหนื่อยล้า 

 

 

“แต่พี่ก็ยังเป็นแฟนเธออยู่ดีนะ” 

 

 

โอ๊ย คำพูดคำนั้นของรุ่นพี่ทำให้หัวใจของฉันเต้นจนจะหลุดออกมา แฟน คำๆ นี้ที่ไม่คุ้นหูทำให้หัวใจฉันรู้สึกจั๊กจี้ไปหมด บางทีหน้าเองก็คงจะแดงแปร๊ดขึ้นมาด้วย แต่โชคดีที่รุ่นพี่ไม่ได้เห็นมันเข้า ฉันกำไม้ถูพื้นไว้อย่างลนลาน พลางแกล้งทำเป็นบ่นออกมา 

 

 

“ทะ ทำความสะอาดสิคะ เดี๋ยวก็มืดก่อนพอดี” 

 

 

เสียงที่ฉันพยายามเปล่งออกมานั้นสั่นมากเสียจนตัวเองถึงกับต้องตีโพยตีพายอยู่ภายในใจ ยัยโง่ ยัยโง่เอ๊ย ฉันเองก็อยากจะเป็นแฟนที่มีความกล้าและมั่นใจอยู่หรอกนะ แต่พอยืนอยู่ต่อหน้ารุ่นพี่ปุ๊บ มันก็ไม่เคยเป็นไปอย่างที่ใจคิดเลยสักครั้ง รุ่นพี่เดินมาอยู่ข้างๆ ฉันที่ทำท่าทางแบบนั้น เขาถือไม้ถูพื้นอีกอันอยู่ ก่อนจะหันมามองฉันแล้วยื่นมือเปล่ามาให้ 

 

 

“ขอจับมือหน่อยสิ” 

 

 

“…คนอื่นเห็นเข้าจะทำยังไงล่ะคะ” 

 

 

“ก็… ก็ทำอะไรไม่ได้แหละนะ” 

 

 

“เร็วสิ”  

 

 

น้ำเสียงของรุ่นพี่ที่เร่งเร้า พร้อมกับมือที่ยื่นมา ทำให้ฉันจับมือนั้นอย่างง่ายดายด้วยใบหน้าที่งุนงง ฝ่ามือของรุ่นพี่ที่เย็นเพราะเหงื่อแนบชิดสนิทกับฝ่ามือของฉัน 

 

 

“รู้ไหม” 

 

 

“อะไรเหรอคะ” 

 

 

มือข้างหนึ่งจับกันเอาไว้แน่น และมืออีกข้างหนึ่งก็ถูพื้นด้วยไม้ถูพื้น พร้อมกับที่รุ่นพี่ถามออกมาอย่างเงียบๆ ฉันหยุดมือที่กำลังขะมักเขม้นอยู่ลง แล้วหันไปมองรุ่นพี่ 

 

 

“เวลาที่พี่สบตากับเธอ พี่จะคิดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ” 

 

 

“…ทำไมล่ะคะ” 

 

 

“นั่นสิ ทำไมกันน้า” 

 

 

รุ่นพี่หัวเราะแบบไม่มีเสียง พร้อมทั้งมองออกไปไกลๆ เขากุมมือของฉันเอาไว้แน่น แล้วพูดต่อด้วยเสียงทุ้มต่ำ 

 

 

“ก็แค่คิดถึงเรื่องอื่นไม่ออกเลย แล้วก็อยากรีบวิ่งเข้าไปกอดอย่างเดียวน่ะสิ” 

 

 

อีกแล้ว หัวใจมันเต้นตึกตัก! ไม่สิ โครมครามเลยต่างหาก ความรู้สึกชาๆ ที่แล่นจากศีรษะลงมาจนถึงปลายเท้าทำให้ฉันถึงกับผงะ พร้อมกับบ่ายหน้าหนี 

 

 

หมู่นี้รุ่นพี่ชักจะเกินไปแล้วนะ เอาแต่พูดจาชวนฝันโดยที่ไม่บอกล่วงหน้าแบบนี้ จนฉันชักจะเริ่มกลัวว่าถ้าหยุดหายใจไปจริงๆ ขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ แล้วรุ่นพี่เดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะอ่อนโยน แล้วก็ทำตัวหวานเกินไป อย่างกับเป็นชายในฝันเลย 

 

 

ฉันกลั้นลมหายใจอันแสนกระวนกระวาย ขณะเดียวกันก็กำไม้ถูพื้นไว้แน่นอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับถูพื้นเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด รุ่นพี่หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นพลางถามว่า เขินเหรอ  

 

 

เพราะถูกจับได้ ฉันจึงแกล้งทำหน้าบึ้ง แต่กลับกันรุ่นพี่กลับยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม พร้อมกับจับมือฉันไว้แน่น มันเลยทำให้ฉันเผลอหัวเราะตามไปด้วยแทน  

 

 

ฉันรู้สึกอารมณ์ดีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของรุ่นพี่ดังก้องไปทั่วทั้งห้องซ้อม จนฉันไม่รู้สึกถึงทั้งความร้อนอบอ้าว ทั้งอากาศที่อึดอัดเลยสักนิด พอได้มองดูใบหน้ายิ้มแย้มของรุ่นพี่แล้ว มันก็ทำให้ใจของฉันรู้สึกจั๊กจี้อีกครั้ง โอ๊ย ให้ตายสิ ตอนนี้ฉันมีความสุขสุดๆ ไปเลย 

 

 

“ฮวีกยอม เธอน่ะ ไม่ใช่ว่านอกจากพี่แล้ว ยังจ้องคนอื่นเขม็งแบบนี้หรอกนะ” 

 

 

“…จ้องเขม็งแบบนี้ นี่หมายถึงยังไงเหรอคะ” 

 

 

“อืม…” 

 

 

รุ่นพี่ปิดปากเงียบเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะก้มลงมาจนอยู่ในระดับสายตาเดียวกัน ทันใดนั้น เขาก็ประกบปากลงมาที่ริมฝีปากของฉันเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะผละออก สัมผัสนั้นทำให้ฉันตกใจเสียจนตัวแข็งทื่อเป็นเสาไฟ และได้แต่กะพริบตาปริบๆ แต่แล้วรุ่นพี่ก็ยกมือขึ้นมาดึงแก้มของฉัน 

 

 

“ก็เธอจ้องมาด้วยตาที่ทำให้พี่อยากจะทำอย่างนี้ยังไงล่ะ” 

 

 

“…ไม่มีทางค่ะ!” 

 

 

พอได้ยินเสียงของรุ่นพี่ที่เหมือนจะหยอกล้อนั่น มันก็ทำให้ฉันโบกมือปฏิเสธ พร้อมกับก้าวถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว แต่รุ่นพี่ก็คว้ามือฉันเอาไว้อีกครั้ง พลางทำปากจู๋ 

 

 

“จริงๆ นะ” 

 

 

“…ไม่ใช่ซะหน่อย” 

 

 

“…” 

 

 

“ไม่ใช่จริงๆ นะคะ…” 

 

 

ฉันเอาหลังมือกดลงบนริมฝีปากที่ยังมีความรู้สึกหลงเหลืออยู่ พร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 

 

 

“ไม่ใช่ที่ไหนเล่า…” 

 

 

ตอนนั้นเอง จู่ๆ ประตูห้องซ้อมเต้นก็เปิดออก แล้วเสียงที่คุ้นเคยก็ดังเข้ามา ฉันสะดุ้งตกใจ พลางบิดมือที่ถูกรุ่นพี่จับอยู่เพื่อจะสลัดออก แต่รุ่นพี่กลับกุมมือฉันเอาไว้พลางออกแรงจับให้แน่นยิ่งขึ้น 

 

 

ข้างหลังประตูห้องซ้อมเต้นที่เปิดอ้าอยู่นั้น มีอีเซยืนพิงอยู่พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย เขามองจ้องฉันที่กำลังทำตัวไม่ถูก ก่อนที่จะเคลื่อนสายตาไปยังรุ่นพี่อีกงในทันที แม้แต่ฉันเองก็ยังเผลอหันหน้าไปจ้องรุ่นพี่อีกงเหมอนกับเขา แต่ใบหน้าของรุ่นพี่ที่อีเซกำลังจ้องอยู่นั้น ดูเคร่งเครียดอย่างประหลาด 

 

 

“…มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ” 

 

 

น้ำเสียงทุ้มต่ำของรุ่นพี่อีกงดังกังวานไปทั่วห้อง ส่วนอีเซก็ยังคงจ้องมองรุ่นพี่อีกงด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ก่อนจะล้วงพวงกุญแจออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วโยนให้รุ่นพี่อีกง เสียงกระทบของเหล็กดังขึ้นพร้อมกับพวงกุญแจที่ตกลงไปบนมือของรุ่นพี่ 

 

 

“วันนี้ผมไม่กลับบ้าน เพราะงั้นพี่ก็เอาไปซะ” 

 

 

“…แล้วนายจะไปไหนน่ะ” 

 

 

“อย่ามายุ่งนา” 

 

 

อีเซโต้ตอบอย่างแข็งกระด้างราวกับจงใจพูดตัดบท แล้วจึงเดินออกจากห้องซ้อมเต้นไปโดยที่ไม่หันหลังกลับมามองเลยสักนิด ปัง เสียงประตูที่ถูกปิดดังขึ้นมา ฉันกลืนน้ำลายลงคอ พร้อมกับดึงมือของรุ่นพี่ 

 

 

“ยังไม่คืนดีกันอีกเหรอคะ” 

 

 

“…” 

 

 

“ทำไมถึงทะเลาะกันล่ะคะ” 

 

 

รุ่นพี่ยิ้มเจือนๆ พลางถอนหายใจเบาๆ มือของรุ่นพี่ที่กุมมือของฉันเอาไว้อย่างแนบสนิทกำลังค่อยๆ คลายออก ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันจึงคว้าชายเสื้อของรุ่นพี่เอาไว้ ทำให้รุ่นพี่หันมามองฉัน แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา 

 

 

“เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก” 

 

 

“…” 

 

 

“มารีบทำความสะอาดกันเถอะ” 

 

 

รุ่นพี่หยิบไม้ถูพื้นที่ตกลงไปอยู่บนพื้นขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังคงเศร้าและดูเคร่งเครียด มีเพียงเสียงของไม้ถูพื้นเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ในห้องซ้อมเต้น รุ่นพี่ไม่ยอมพูดอะไรอยู่สักพักใหญ่ๆ