บทที่ 1139 เทพธิดาโยวฉิน โดย Ink Stone_Fantasy
โอสถวิญญาณส่วนใหญ่มักเก็บไว้ในกล่องหยกปิดผนึก บางชนิดถึงขั้นต้องมีค่ายกลสนับสนุนบนกล่องหยกอีกชั้น ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้แก่นสำคัญในโอสถรั่วไหล
ปะการังโลหิตม่วงตรงหน้าวางอย่างเปิดเผย ย่อมเลี่ยงเรื่องที่จะไม่ให้แก่นสำคัญรั่วไหลไม่ได้
ภาพงานที่จัดอย่างหรูหราขนาดนี้ทำให้อี้อวิ๋นอดสงสัยไม่ได้ว่าเทพธิดาโยวฉินเป็นใคร?
“พี่ชายสองท่านนี้ ขอถามได้หรือไม่ว่าเทพธิดาโยวฉินที่พวกท่านบอกว่าจะมาวันนี้คือใครหรือ?”
อี้อวิ๋นถามจอมยุทธ์สองคนที่ก่อนหน้านี้คุยเรื่องปะการังโลหิตม่วง แม้ระดับยุทธ์พวกเขาจะปกติธรรมดาในสายตาอี้อวิ๋น ทว่าเสื้อผ้าที่ใส่ล้วนราคาแพง สวมเสื้อที่ทำจากผ้าไหมสวรรค์ กระบี่ที่เหน็บไว้ข้างเอวก็เลี่ยมฝังอัญมณีไว้ไม่น้อย อี้อวิ๋นเป็นผู้ใช้กระบี่ มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่ากระบี่สองเล่มนี้ระดับธรรมดา หรูหราแค่ภายนอกเท่านั้น
ดูแล้วสองคนนี้คงเป็นคุณชายจากตระกูลร่ำรวยเช่นกัน
“น้องชายมาจากต่างถิ่นสินะ? ไม่เคยได้ยินชื่อเทพธิดาโยวฉินหรือ?” ชายหนุ่มที่เอ่ยปากพูดสวมเสื้อผ้าสีผ้า ทว่าสิ่งที่ดูต่างจากเครื่องแต่งกายหรูหราของเขาคือชายหนุ่มคนนี้ดูค่อนข้างซื่อตรง ผิวหนังก็ดำคล้ำเล็กน้อย ดูเหมือนคนทำไร่ทำนาเล็กน้อย
อี้อวิ๋นพยักหน้า “ไม่รู้จักจริงๆ หวังว่าพี่ชายทั้งสองจะชี้แนะ”
คราวนี้ชายหนุ่มอีกคนเป็นฝ่ายพูด เขาคลึงลูกวอลนัทสองลูกไว้ในมือพร้อมพูดด้วยท่าทีดังผู้คงแก่เรียนว่า “พูดถึงเทพธิดาโยวฉินแล้วก็ต้องพูดเรื่องสำนักอภิรมย์ก่อน ว่ากันว่าผู้ก่อตั้งแรกเริ่มสุดของสำนักอภิรมย์มาจากร่องสมุทร ต่อมาสำนักอภิรมย์ก็อยู่ถาวรที่แดนสวรรค์สรรพสิ่ง กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลอันดับต้นๆ ของที่นี่ ศิษย์ในสำนักอภิรมย์เป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะสำนักนี้ให้ความสำคัญกับการปล่อยเนื้อปล่อยตัว เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของจอมยุทธ์ชายหลายคน นี่จึงทำให้สำนักอภิรมย์มีศิษย์มากขึ้นเรื่อยๆ”
“สำนักอภิรมย์จะเลือกผู้สืบทอดทุกหมื่นปี ปกติแล้วจะเป็นผู้ชาย ผู้สืบทอดจะได้รับ ‘สุดยอดวิชาอภิรมย์’ นับว่าได้เสพสมความสุขทั่วใต้หล้า”
“แต่…” ชายหนุ่มท่าทางเหมือนปัญญาชนพูดถึงตรงนี้ก็เปลี่ยนเรื่อง “มีน้อยครั้งที่สำนักอภิรมย์จะเลือกผู้สืบทอดหญิง หากเป็นเช่นนี้ก็จะไม่ธรรมดามาก ผู้สืบทอดชายมักมั่วโลกีย์ไร้ขอบเขต ส่วนผู้สืบทอดหญิงก็ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกนางสูงส่งบริสุทธิ์ ไร้ซึ่งความต้องการทางโลก”
“เทพธิดาโยวฉินก็คือผู้สืบทอดของสำนักอภิรมย์! นางปรากฏตัวครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน มีชื่อเสียงทั่วแดนสวรรค์สรรพสิ่งอย่างรวดเร็ว มีร่างคู่สามีภรรยา วิชาที่ฝึกก็ทำให้เมื่อชนะใจนาง ได้ร่วมเสพสมด้วย เวลานั้นผิวน้ำแข็งกระดูกหยกก็จะกลายเป็นน้ำพิสุทธิ์ที่ทอดยาวไม่หยุด หากได้มีความสุขสำราญเช่นนี้สักครั้ง ต่อให้ตายก็ไม่มีอะไรเสียดาย!”
ชายหนุ่มท่าทางปัญญาชนพูดถึงตรงนี้ก็เหมือนวิญญาณออกจากร่าง อี้อวิ๋นรู้สึกน่าขัน คนผู้นี้ดูสูงส่ง แต่แท้จริงก็เป็นคนหมกมุ่นในโลกีย์
ตอนนี้ชายหนุ่มท่าทางซื่อตรงพูดต่อว่า “ฮ่าฮ่า หญิงชั้นยอดเช่นนี้ไม่ใช่คนที่พวกเราจะเพ้อฝันได้ ทำแบบน้องชายเจ้าดีกว่า เลี้ยงสาวใช้น่ารักไว้ข้างกาย ทั้งน่ารักทั้งเชื่อฟัง ตกกลางคืนก็คอยรับใช้ เป็นความสุขที่ไม่น้อย!”
ขณะที่ชายหนุ่มท่าทางซื่อตรงพูดก็มองหรูเอ๋อร์แล้วมองอี้อวิ๋นด้วยสีหน้าที่ผู้ชายรู้กันจนหรูเอ๋อร์หน้าแดงไปหมด
คนผู้นี้กำลังพูดบ้าอะไรน่ะ นางไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี ส่วนอี้อวิ๋นก็ทำแค่หัวเราะแต่ไม่อธิบายอะไร
ในตอนนี้เองที่จู่ๆ ภายในห้องโถงก็วุ่นวายขึ้นมา ผู้ดูแลตรอกสมบัติสวรรค์สองสามคนพากันเดินออกไป สาวงามยืนเรียงเป็นแถว
“หืม? มีคนใหญ่คนโตมาแล้ว”
หลายคนพากันออกไปต้อนรับ เหล่าผู้ดูแลพูดด้วยเสียงอันเคารพนบนอบพร้อมกันว่า “ยินดีต้อนรับคุณชายเฮ่าอวี้!”
“ข้าก็คิดว่าใครกันที่ได้รับความสำคัญจากตรอกสมบัติสวรรค์ถึงเพียงนี้ ที่แท้ก็จั่วชิวเฮ่าอวี้จากหอเซียนสรรพสิ่ง” ชายหนุ่มปัญญาชนพูดอย่างอิจฉา
คุณชายจากหอเซียนสรรพสิ่ง?
ในฐานะที่หอเซียนสรรพสิ่งเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในแดนสวรรค์สรรพสิ่ง คนที่ถูกเรียกว่าเป็นคุณชายได้ย่อมมีตำแหน่งไม่ธรรมดาในหอเซียนสรรพสิ่ง ไม่แปลกที่จะได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
“คุณชายเฮ่าอวี้มาด้วยเช่นกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว เรื่องที่จั่วชิวเฮ่าอวี้ตามจีบเทพธิดาโยวฉินไม่ใช่ความลับอะไร หากเขาชนะใจเทพธิดาโยวฉินสำเร็จก็จะได้เสพสุข ไม่พูดถึงประโยชน์ด้านพลังยุทธ์ที่ได้จากร่างคู่สามีภรรยา ตำแหน่งของเขาที่หอเซียนสรรพสิ่งจะพัฒนาขึ้นอีกขั้นเพราะเป็นพันธมิตรกับสำนักอภิรมย์สำเร็จอีกด้วย”
ขณะที่ผู้คนกำลังคุยกัน คนแถวหนึ่งก็เดินเข้ามาจากนอกประตู คนที่เดินนำหน้าเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาที่สวมเสื้อผ้าหรูหรา คงจะเป็นจั่วชิวเฮ่าอวี้
คนผู้นี้องอาจห้าวหาญ กลิ่นอายดุจกระบี่ที่ออกจากฝัก มองดูก็รู้ว่าเป็นมังกรหงส์ท่ามกลางมนุษย์
ผู้ดูแลตรอกสมบัติสวรรค์พาจั่วชิวเฮ่าอวี้ไปที่ห้องรับรองบนชั้นสอง แต่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ นี้กลับทำให้หลายคนสนใจ
ห้องรับรองที่สูงศักดิ์ที่สุดของตรอกสมบัติสวรรค์คือห้องระดับสวรรค์และห้องระดับพิภพที่รองลงมา
ห้องระดับพิภพมีหลายห้อง แต่ห้องระดับสวรรค์มีเพียงห้องเดียว
ตอนแรกทุกคนคิดว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้จะเข้านั่งที่ห้องระดับสวรรค์ คิดไม่ถึงว่าผู้ดูแลจะพาเขาไปยังห้องระดับพิภพ
จั่วชิวเฮ่าอวี้เองก็ขมวดคิ้วเบาๆ ให้กับการจัดการเช่นนี้ แต่จากนั้นผู้ดูแลก็อธิบายข้างหูเขาสองสามประโยค จั่วชิวเฮ่าอวี้มีสีหน้าเข้าใจขึ้นมาทันทีและเข้าสู่ห้องระดับพิภพอย่างเป็นธรรมชาติ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่อยู่ในห้องรับรองระดับสวรรค์มีตำแหน่งสูงกว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้
เรื่องนี้ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันที่อยู่ในห้องรับรองระดับสวรรค์
คนในเมืองสรรพสิ่งที่ตำแหน่งสูงศักดิ์กว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้ย่อมมีไม่น้อย อย่างเช่นผู้อาวุโสจากกลุ่มอิทธิพลชั้นยอด
แต่ผู้อาวุโสเหล่านี้ไม่มาฟังเทพธิดาโยวฉินดีดฉินที่ตรอกสมบัติสวรรค์แน่นอน อย่างไรที่นี่ก็เป็นโลกของหนุ่มสาว
ในตอนนี้เองที่ในห้องโถงมีเสียงฉินอันแผ่วเบาดังขึ้นอย่างฉับพลัน
เสียงฉินนี้น่าประทับใจมาก ดุจดั่งดนตรีเซียนอันล่องลอย
แม้แต่อี้อวิ๋นก็ยังหวั่นไหว คลื่นเสียงแต่ละคลื่นเหมือนเพลงแต่ก็เหมือนเสียงร่ำไห้
ช่างเป็นเสียงฉินที่พิเศษยิ่งนัก
อี้อวิ๋นมองชายหนุ่มสองคนที่คุยกับเขาเมื่อครู่แล้วก็พบว่าพวกเขาถูกเสียงฉินสะกดอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่พวกเขา ทุกคนในห้องโถงต่างมีสีหน้าเคลิบเคลิ้มกันหมด
เสียงฉินนี้ไม่ธรรมดา!
อี้อวิ๋นรู้สึกได้ว่าในเสียงฉินมีกำลังจิตที่พิเศษมากแฝงอยู่ มันส่งผลกระทบต่อจิตวิญญาณผู้ฟัง
อีกอย่าง เมื่อคลื่นเสียงกระเพื่อมออก กฎในอากาศที่อยู่รอบๆ ก็รวมตัวกันเองตามธรรมชาติจนกลายเป็นอักขระเสียงที่มองไม่เห็นและร่ายรำกลางอากาศ
ฉินหนึ่งตัวไม่ได้ดีดอักขระเสียงออกมา มันดีดกฏออกมาต่างหาก
วิถีฉิน…
ทั้งยังมีกฎแห่งจิตวิญญาณ
อี้อวิ๋นพิจารณาในใจ
“นี่คือเสียงฉินของเทพธิดาโยวฉิน!”
ไม่รู้ใครกันที่พูดประโยคนี้ ทุกคนมองตามที่มาของเสียงฉินก็พบว่ากลางห้องโถงมีผ้าแพรสีขาวหลายสิบเส้นลอยลง หมอกเซียนลอยวน เงาร่างคนผู้หนึ่งปรากฏ ผมสีดำปลิวสยาย ดุจนางฟ้านางสวรรค์ลงมาโลกมนุษย์
นิ้วมือเรียวยาวบรรเลงไปบนฉิน เสียงฉินกระเพื่อมออกเป็นระลอกไปทั่วทุกทิศ ระลอกดังน้ำสะท้อนลงบนใบหน้าที่ค่อยๆ เงยขึ้นของนาง
ทันใดนั้นทั่วทั้งห้องโถงก็ประหนึ่งถูกขโมยสีสันทันที แม้แต่ปะการังโลหิตม่วงอันงดงามก็เหมือนจะจืดจางลงเล็กน้อย
อี้อวิ๋นเองก็อดที่จะประทับใจไม่ได้เมื่อเห็นใบหน้านี้
ช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ หาจุดบกพร่องไม่เจอแม้แต่น้อย
ทั้งๆ ที่อยู่ในสถานที่ทิวทัศน์เช่นนี้ ทว่าเทพธิดาโยวฉินที่เป็นผู้สืบทอดของสำนักอภิรมย์กลับสูงส่งบริสุทธิ์มากจนไม่อาจเกิดความคิดดูหมิ่น
หลายคนมีสีหน้าหลงใหลท่ามกลางเสียงฉิน ดุจดั่งยินดีตายเพื่อเทพธิดาโยวฉิน
แต่แน่นอนว่าอี้อวิ๋นไม่ได้รับผลกระทบ จิตวิญญาณเขาแข็งแกร่ง ไม่ถูกมอมเมาง่ายๆ
เทพธิดาโยวฉินคนนี้…เหมือนว่าเราจะไม่เคยเจอมาก่อน
อี้อวิ๋นมองใบหน้าอันงามเลิศของเทพธิดาโยวฉินพร้อมครุ่นคิด แต่เขาก็นึกไม่ออกว่านางคล้ายใคร เดิมทีเขาคิดว่าหญิงปริศนาที่สวมทางกันนอกตรอกสมบัติสวรรค์อาจเป็นเทพธิดาโยวฉิน แต่ดูจากตอนนี้แล้วเขาคงเดาผิดไป
“ได้ยินว่าแขกผู้มีเกียรติมาถึง โยวฉินขอต้อนรับด้วยบทเพลง” เสียงอันงามเรียบดั่งเพลงดังออกมาจากไอหมอก เสียงนี้ประหนึ่งส่งเข้ากระดูกโดยตรง วนเวียนอ้อยอิ่งและความหมายลึกซึ้ง
คนที่ถูกเสียงฉินส่งผลกระทบต่างหลงใหลในเสียงของเทพธิดาโยวฉิน
คุณชายจั่วชิวพูดพร้อมหัวเราะว่า “ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงว่าวันนี้เทพธิดาโยวฉินจะไม่ใช้ผ้าคลุมหน้า ช่างเป็นโชคดีของพวกข้าจริงๆ”
เมื่อก่อนที่เทพธิดาโยวฉินปรากฏตัวก็ใช้ผ้าคลุมหน้าตลอด แต่วันนี้กลับไม่ใส่จนทุกคนได้เห็นหน้าตาที่แท้จริง
แม้จั่วชิวโฮ่วอวี้จะบอกว่าโชคดี แต่แท้จริงแล้วใจเขาไม่พอใจมาก เขาเป็นคนที่มีความเป็นเจ้าของรุนแรง เขาอยากให้เทพธิดาโยวฉินใช้ผ้าคลุมหน้าไปตลอดจนกว่าเขาจะพิชิตนางสำเร็จ ให้นางเผยหน้าอันงดงามเป็นเอกให้เขาเห็นแค่คนเดียว
การได้ครอบครองหญิงชั้นเลิศอย่างสมบูรณ์ทำให้จั่วชิวโฮ่วอวี้เกิดความรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
จอมยุทธ์ระดับล่างพวกนั้นมีสิทธิอะไรมาเห็นหน้าภรรยาในอนาคตของเขา?
“เทพธิดาโยวฉินพูดเกินไปแล้ว ข้าเองก็เพิ่งเคยมาฟังเจ้าดีดฉินที่ตรอกสมบัติสวรรค์ครั้งแรก เมื่อฟังแล้วจึงเพิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองพลาดเสียงสวรรค์ไปมากแค่ไหน ช่างน่าเสียดายจริงๆ”
ในตอนนี้เองที่มีเสียงอันทรงพลังส่งออกมาจากห้องรับรองระดับสวรรค์ ทุกคนได้ยินแล้วก็ตกใจ ฟังจากเสียงแล้วก็เป็นผู้อาวุโสจริงๆ ด้วย!
ผู้อาวุโสที่ตำแหน่งสูงกว่าจั่วชิวเฮ่าอวี้ก็มาฟังเทพธิดาโยวฉินดีดฉินเช่นกัน?
ขณะที่ทุกคนกำลังส่งสัยว่าผู้อาวุโสคนนี้คือใครก็เห็นว่าห้องรับรองระดับสวรรค์เปิดออก ชายวัยกลางสวมชุดคลุมม่วงทองก้าวเท้าออกมา
ชายวัยกลางคนผู้นี้รูปร่างสูงใหญ่ คิ้วเข้มดุจกระบี่ กลิ่นอายไม่ธรรมดา
หลายคนตะลึงงันเมื่อเห็นชายผู้นี้ เขาคือ…ท่านเจ้าเมืองสรรพสิ่ง!
เมืองสรรพสิ่งก่อตั้งมาไม่รู้กี่ร้อยล้านปี แต่ตำแหน่งเจ้าเมืองกลับพิเศษมาก มันไม่เคยเป็นของกลุ่มอิทธิพลใดกลุ่มอิทธิพลหนึ่ง
ในฐานะที่เมืองสรรพสิ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการค้าของโลกสวรรค์เทพหยาง ประโยชน์ที่เจ้าเมืองสรรพสิ่งจะได้รับย่อมมากจนไม่อาจจินตนาการ ด้วยเหตุนี้ แม้กลุ่มอิทธิพลต่างๆ จะถ่วงดุลสมดุลซึ่งกันและกันแต่ก็ไม่อยากเป็นเจ้าเมืองและตกอยู่ในมือกลุ่มอิทธิพลคู่แข่ง ไม่เช่นนั้นสมดุลระหว่างแต่ละกลุ่มก็จะถูกทำลาย
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลุ่มอิทธิพลต่างๆ จึงไม่อาจไม่ยอมถอยคนละก้าวและเลือกยอดฝีมือผู้เป็นเอกที่เป็นกลางมารับตำแหน่งเจ้าเมืองสรรพสิ่ง คนที่เลือกมานี้ต้องมีพลังที่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ของกลุ่มต่างๆ ได้ระดับหนึ่ง
คนระดับนี้มาอยู่ที่นี่อย่างฉับพลัน คิดเอาก็รู้ว่ามีน้ำหนักขนาดไหน
ทุกคนต่างสงสัยว่าเหตุใดเจ้าเมืองสรรพสิ่งจึงมาตรอกสมบัติสวรรค์ พวกเขายังเห็นอีกด้วยว่าที่ด้านหลังท่านเจ้าเมืองมีหญิงชุดขาวที่กลิ่นอายสูงส่งบริสุทธิ์ผู้หนึ่งยืนอยู่
……………………………………………………