ถนนหินบลูสโตน กำแพงเมืองเก่า เวลาผ่านไปจนหลงลืม

นี่เป็นครั้งแรกที่เล่หรูหั่วเป็นฝ่ายชวนเฉินโม่เดินเล่น หนึ่งวันก่อนจากลา ท่ามกลางกลุ่มคนที่ส่งเสียงเอะอะ

“หลังจากนายทำลายตระกูลหยุน พ่อฉันซึมเศร้าไม่น้อย แม้เขาไม่พูดอะไร แต่ฉันดูออกว่าเขากำลังเสียใจ” สายตาเล่หรูหั่วมองไปยังกลุ่มคนด้านหน้า แต่ในแววตากลับว่างเปล่า

เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร ความเสียใจขอเล่ชิงชางอยู่ในการคาดเดาของเขา เพราะพลาดคนใหญ่คนโตที่สามารถทำให้เขาตำแหน่งสูงขึ้นได้ จากนิสัยของเขา ไม่เสียใจก็เป็นไปไม่ได้

“หอการค้าโม่เจียกลายเป็นอำนาจใหญ่อันดับหนึ่งของจงไห่อย่างมั่นคง เหมือนอำนาจทั้งหมดยอมศิโรราบให้หอการค้าโม่เจีย” ตอนพูดประโยคนี้ออกมา เหมือนน้ำเสียงของเล่หรูหั่ว แฝงด้วยความเยาะเย้ยเล็กน้อย

เหมือนกำลังขำอำนาจในจงไห่พวกนั้น ปัดแข้งปัดขาเกือบร้อยปี สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ไม่ใช่หรือไง

เฉินโม่หันมามองเล่หรูหั่ว ชาติที่แล้วเขาติดหนี้เธอ เกิดใหม่ชาตินี้ เขาสาบานว่าจะไม่ติดหนี้เธออีก

แต่สุดท้ายเขาก็ต้องติดหนี้เธออีก

“ถ้าเธอต้องการ ฉันเอาหอการค้าโม่เจียให้เธอก็ได้” เสียงเฉินโม่ราบเรียบ เอาอำนาจมูลค่าเป็นหมื่นล้านให้คนอื่น เหมือนกับให้ผักกาดขาวหนึ่งหัวอย่างไรอย่างนั้น

เล่หรูหั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง มองเฉินโม่แล้วหัวเราะทันที “ถึงฉันได้มาแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”

“นายน่าจะรู้ว่าฉันต้องการอะไร”

เฉินโม่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้จักนิสัยของเล่หรูหั่ว เธอไม่ได้แสวงหาอำนาจและเงินทอง

อีกทั้งเฉินโม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร แต่ถึงเฉินโม่ฝึกถึงกษัตริย์เซียน ก็ไม่สามารถให้สิ่งที่เธอต้องการได้

เดิมทีคิดว่าชาตินี้เขาไม่ได้พูดคุยกับเล่หรูหั่วเท่าไรนัก จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่สุดท้ายประวัติศาสตร์ไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขาก็ยังเข้าไปอยู่ในใจเล่หรูหั่วเหมือนเดิม

เฉินโม่ไม่ได้ตอบอะไร เหมือนเล่หรูหั่วรู้อยู่แล้วว่าผลจะเป็นแบบนี้ เดินเล่นครู่หนึ่ง เล่หรูหั่วถอนหายใจออกมา “กลับกันเถอะ”

“อืม”

เวลาไม่กี่วันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ถึงตอนที่ต้องจากกันจริงๆ แล้ว

แม้เตรียมตัวมาล่วงหน้าสองสามวัน แต่เมื่อถึงวินาทีนี้จริงๆ ทุกคนไม่สามารถใช้จิตใจที่เป็นปกติปฏิบัติต่อกันได้ คนจำนวนมากมีใบหน้าอาลัยอาวรณ์

แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา สุดท้ายทุกคนก็ต้องแยกจากกัน

เฉินโม่กลับมาที่เหม่ยหวา กรุ๊ปก่อน

หลี่ซู่เฟินกลับมาทำงานอีกครั้ง ความเคยชินหลายปีทำให้เธอว่างไม่ได้ ถึงเห็นเฉินโม่กลับมา ก็พูดกำชับง่ายๆ แค่ไม่กี่ประโยค แล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ

เวินฉิงแอบบอกเฉินโม่ ตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว อีกทั้งเหม่ยหวา กรุ๊ปเพิ่งเจอวิกฤตมาด้วย เป็นช่วงที่มีหลายสิ่งหลายอย่างรอให้ทำ ดังนั้นหลี่ซู่เฟินจึงยุ่งขนาดนี้

เฉินโม่แสดงออกว่าเข้าใจได้ เพราะความเคยชินของคนมาตั้งหลายปี จะให้เปลี่ยนมันยากมาก

เฉินโม่อยู่ที่เหม่ยหวา กรุ๊ป เขาว่างมากสุดๆ แบบไม่มีอะไรทำ เฉินจิงเย่โทรมาหาเขาพอดี

“เสี่ยวโม่ นายปิดเทอมหรือยัง” เฉินจิงเย่ถามขึ้น

“อืม ตอนนี้ผมอยู่กับแม่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เฉินโม่ถาม

เฉินจิงเย่พูดว่า “นายกลับมาก่อนเถอะ ฉันจะพูดเรื่องอะไรกับนายหน่อย จากนั้นเราไปอู่โจวด้วยกัน”

“ได้ครับ”

เฉินโม่คิดว่าถึงตัวเองอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้กลับไปฟังว่าพ่อมีเรื่องอะไรจะพูดดีกว่า

แนะนำการฝึกฝนให้เฉินซงจื่ออยู่ครู่หนึ่ง เฉินโม่จึงกลับไปที่อำเภอเฟิ่งซานบ้านเกิด

ครั้งนี้เฉินจิงเย่หยุดพักล่วงหน้าซึ่งมีไม่บ่อย รอเฉินโม่อยู่ที่บ้าน ที่ผ่านมาเขาจะทำงานจนถึงวันก่อนวันปีใหม่

เมื่อเห็นเฉินโม่กลับมา เฉินจิงเย่ชี้ไปที่โซฟาแล้วพูดว่า “นั่งสิ”

เฉินโม่นั่งลง มองเฉินจิงเย่แล้วพูดว่า “พ่อเรียกผมกลับมามีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

สีหน้าเฉินจิงเย่เคร่งขรึมเล็กน้อย ยกแก้วชาขึ้นดื่ม จากนั้นพูดว่า “นายยังจำกฎตระกูลเฉินของเรา ที่ฉันเคยพูดกับนายก่อนหน้านี้ได้ไหม”