ตอนที่ 1221 พระจันทร์สีแดงที่ไม่มีอยู่จริง โดย Ink Stone_Fantasy
โรแลนด์รู้สึกประทับใจในตัวหัวหน้าโหราจารย์คนนี้อย่างมาก เขาไม่เพียงแต่รักษามารยาทต่างๆ ได้อย่างเคร่งครัด แต่เขายังรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมีผลงานด้านการดูดาวสักท่าไร แต่เขากลับบริหารจัดการสถาบันคณิตศาสตร์ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแต่จะผลิตบุคลากรที่มีความสามารถขึ้นมาให้เมืองเนเวอร์วินเทอร์ได้หลายคน แต่เขายังมีส่วนร่วมในการคำนวณสถิติต่างๆ ของหน่วยงานต่างๆ ในสำนักบริหารด้วย เรียกได้ว่าสมาคมโหราศาสตร์ที่อยู่ภายใต้การนำของเขาค่อยๆ สร้างชื่อเสียงขึ้นมาจนทัดเทียมกับสมาคมเล่นแร่แปรธาตุ
วันแรกที่พระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นมา สแคทเทอร์สตาร์ได้เดินทางมาขอรับโทษอยู่หลายครั้งเนื่องจากไม่สามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ แต่โรแลนด์นั้นมัวแต่ยุ่งอยู่กับการจัดการเรื่องต่างๆ ที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นมาในเมืองเนเวอร์วินเทอร์ เขาจึงให้องครักษ์ไล่อีกฝ่ายกลับไป เพราะอันที่จริงก็ไม่มีใครที่จะคิดถึงว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะปรากฏขึ้นมาเร็วขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาเองก็ไม่ได้หวังพึ่งให้สมาคมโหราศาสตร์ค้นพบพระจันทร์สีแดงแต่แรกด้วย ที่เขาพานักโหราศาสตร์เหล่านี้มาก็เพราะมองเห็นความสามารถในการคำนวณของพวกเขา
แต่คนที่รักษามารยาทขนาดนี้กลับใช้คำว่า ‘จำเป็นต้อง’ กับเขา เห็นได้ชัดว่าการค้นพบของเขาคงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว หลังวางโทรศัพท์ลง โรแลนด์ก็รีบเดินทางไปยังสถาบันคณิตศาสตร์ภายใต้การคุ้มครองขององครักษ์ทันที
ความจริงแล้วหอดูดาวที่ว่าก็เป็นห้องใต้หลังตาของสถาบันคณิตศาสตร์เท่านั้น ก่อนที่เหล่านักโหราศาสตร์จะย้ายเข้าไปยังตึกปาฏิหาริย์ ที่นี่ได้กลายเป็นสถานที่สำหรับดูดาวชั่วคราวของพวกเขา เนื่องจากเวลาในการก่อสร้างตึกปาฏิหาริย์นั้นยาวนานกว่าที่คิดเอาไว้ โรแลนด์จึงได้สร้างกล้องดูดาวขนาดใหญ่ และเปลี่ยนห้องใต้หลังคาให้กลายเป็นสถานที่สำหรับดูดาวให้พวกเขา
หลังเข้ามาในสถาบัน สแคทเทอร์สตาร์ก็พาเหล่านักโหราศาสตร์มารอเข้าเฝ้าเขา เมื่อเห็นโรแลนด์เดินเข้ามา ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง “ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
“ลุกขึ้นเถอะ” โรแลนด์โบกมือ “เข้าเรื่องกันเลยเถอะ พวกเจ้าเจออะไร?”
“ฝ่าบาท เชิญเสด็จตามกระหม่อมมาเลยพ่ะย่ะค่ะ” ปราชญ์แก่เชิญเขาไปยังห้องใต้หลังคาด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง
เมื่อผลักประตูเข้าไป โรแลนด์ก็เห็นบนพื้นมีแผ่นกระดาษที่เขียนสูตรการคำนวณและแผนที่ที่วาดด้วยมือวางอยู่เต็มพื้น ด้วยความรู้ทางดาราศาสตร์อันน้อยนิดของเขา นั่นน่าจะเป็นการคำนวณวิถีวงโคจรของกลุ่มดาวกลุ่มไหนซักกลุ่ม ความจริงความรู้เรื่องดาราศาสตร์ที่เขามีอยู่นั้นก็แค่พอจะใช้สอนเหล่านักโหราศาสตร์ในตอนแรกได้เท่านั้น แต่พอนักโหราศาสตร์เหล่านี้ได้เรียนฟิสิกส์พื้นฐานและคณิตศาสตร์มาเป็นเวลาสองปี ตอนนี้ความสามารถในการคำนวณวิถีดวงดาวของนักโหราศาสตร์เหล่านี้เรียกได้ว่าแซงหน้าเขาไปแล้ว
นอกจากสแคทเทอร์สตาร์แล้ว นักโหราศาสตร์คนอื่นๆ ต่างยืนเฝ้าอยู่นอกประตู วินาทีที่ประตูปิดลง โรแลนด์พลันสังเกตได้ถึงสีหน้าที่คร่ำเคร่งของชายแก่ผมขาวคนนี้ ราวกับว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดหลังจากนี้นั้นเป็นคำสั่งเสียของเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ฝ่าบาท…” ไนติงเกลดึงชายเสื้อเขาเบาๆ
โรแลนด์พยักหน้าโดยสีหน้าไม่เปลี่ยน เมื่อมีไนติงเกลของปกป้องอยู่ข้างหลัง เขาไม่กังวลว่าจะมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ภายในใจเขาเพียงแค่รู้สึกสงสัยว่าการค้นพบแบบไหนกันถึงได้ทำให้นักโหราศาสตร์เหล่านี้เคร่งเครียดได้ขนาดนี้
“ฝ่าบาท หลายวันมานี้ทุกคนต่างก็เฝ้าสังเกตดูวิถีการโคจรของพระจันทร์สีแดงอยู่ตลอด อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากมันด้วย” หลังนิ่งเงียบไปครู่ ในที่สุดสแคทเทอร์สตาร์ก็เอ่ยปากขึ้นมา “ในเมื่อไม่สามารถทำนายการมาถึงของมันได้ พวกกระหม่อมจึงอยากจะทำอะไรเพื่อชดเชยในเรื่องนี้ อย่างเช่นคำนวณเขตดวงดาวและขนาดของมัน ไม่อย่างนั้นคำสั่งที่สมาคมโหราศาสตร์ได้รับมอบหมายมาตั้งแต่แรกคงกลายเป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย แต่ผลลัพธ์จากการเฝ้าสังเกตในช่วงหลายวันนี้กลับทำให้พวกระหม่อมรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”
หวาดกลัว…อย่างมาก? โรแลนด์คิ้วขมวดขึ้นมา นี่มันดูเหมือนจะไม่เชื่อมโยงกับคำว่าค้นพบเลย “หมายความว่ายังไง? อธิบายหน่อยสิ”
“พ่ะย่ะค่ะ” โหราจารย์พูดเสียงเบา “ฝ่าบาท กระหม่อมเกรงว่าดวงดาวมรณะอาจจะเป็นเรื่องหลอกลวง พระจันทร์สีแดงมัน…ไม่มีอยู่จริงพ่ะย่ะค่ะ”
เขาตกตะลึงไปทันที จากนั้นเขาจึงหันมองออกไปนอกหน้าต่าง วงกลมสีแดงยังคงลอยอยู่ที่เก่า ดูแล้วไม่ได้มีทีท่าว่าจะหายไปไหนเลย
“เจ้าบอกว่าเจ้าสิ่งนั้น…ไม่มีอยู่จริงงั้นเหรอ?”
“ตอนแรกที่ได้ข้อสรุปนี้ออกมา กระหม่อมเองก็รู้สึกว่ามันน่าขันอย่างมาก แต่เมื่อสังเกตไปเรื่อยๆ ภายในสมาคมโหราศาสตร์ก็ไม่มีใครที่จะหัวเราะออกมาได้อีกเลยพ่ะย่ะค่ะ” สแคทเทอร์สตาร์ถอนหายใจ เมื่อได้พูดออกมา เขาก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก จากนั้นคำพูดก็ไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง “ใช่พ่ะย่ะค่ะ มันไม่มีอยู่จริง จากข้อมูลการสังเกตที่เก็บสะสมมาเป็นเวลาร้อยปีและความรู้ที่พระองค์ทรงถ่ายทอดให้ ทำให้พวกกระหม่อมมั่นใจว่าดวงดาวที่มีขนาดใหญ่ขนาดนี้ไม่มีทางที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อดาวดวงอื่นพ่ะย่ะค่ะ”
“แต่ทุกคนก็ยังเฝ้าติดตามและคำนวณแสงดาวที่อยู่ในเขตของดาวมรณะตามแผนที่ดวงดาวที่วาดขึ้นมาใหม่ ก่อนจะสังเกตเห็นว่าไม่มีดวงดวงไหนที่เปลี่ยนตำแหน่งเพราะมันเลย นี่แสดงให้เห็นว่าดาวมรณะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อดาวเหล่านั้น แล้วก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเราด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ใช่เท่านี้ มันไม่ได้ส่งผลกระทบแม้กระทั่งตัวมันเอง ก่อนหน้านี้ดาวมรณะไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวเลย สถานการณ์แบบนี้มักจะหมายความว่าความเร็วในการโคจรของมันกับพวกเราเท่ากัน แต่ตอนนี้มันก็ยังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิมอยู่ถึงแม้จะเข้ามาใกล้เราแล้ว มันดูแล้วไม่สมเหตุสมผลเลยพ่ะย่ะค่ะ”
โรแลนด์เข้าใจความหมายของโหราจารย์ทันที “ถ้าเราเอามันออกไปจากท้องฟ้า…”
“แบบนั้นทุกอย่างก็จะอธิบายได้พ่ะย่ะค่ะ” สแคทเทอร์สตาร์พยักหน้า “มีแต่ตอนที่มันไม่อยู่ สรรพสิ่งถึงจะกลับมาเป็นปกติ หรือพูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าพระจันทร์สีแดงจะอยู่ตรงนั้นหรือไม่ สำหรับโลกแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรต่างกันเลย”
โรแลนด์ตกอยู่ในความเงียบทันที
เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมหัวหน้าโหราจารย์ถึงได้ลังเลขนาดนี้ ตำนานเรื่องพระจันทร์สีแดงกับสงครามแห่งโชคชะตานั้นมาจากแม่มดทาคิลา ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของสถาบันคณิตศาสตร์ สแคทเทอร์สตาร์ย่อมต้องเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเธอมาบ้างในตอนที่สัมผัสกับร่างต้นแบบ ถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกยืนยันแล้วว่าเป็นคำพูดโกหกที่สมาพันธ์แต่งขึ้นมา มันก็อาจจะสร้างผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายได้
เพียงแต่โรแลนด์ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย หากเป็นผู้ปกครองคนอื่นบางทีอาจจะเกิดความระแวงเมื่อได้ยินเรื่องนี้เข้า แต่สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้เห็นเซลีนทำวิจัยลูกบาศก์เวทมนตร์ หรือว่าพาแม่มดอาญาสิทธิ์ได้เดินเที่ยวก็ล้วนแต่เป็นเรื่องที่มีความสุขอย่างมาก ต่อให้พวกเธอจะโกหกจริงๆ แต่เขาก็ไม่รังเกียจที่จะรักษาความสัมพันธ์นี้เอาไว้
ยิ่งไปกว่านั้นภัยจากปีศาจนั้นเป็นของจริง
“เจ้าแน่ใจนะว่าการวิเคราะห์อันนี้มันเชื่อถือได้?”
“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเองก็คิดถึงข้อสรุปนี้มาโดยตลอดเหมือกัน จนกระทั่งวันนี้ตอนเช้ากระหม่อมได้รับจดหมายจากเพื่อนเก่าคนที่เมืองหลวงเก่า กระหม่อมถึงได้มั่นใจในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ” สแคทเทอร์สตาร์ล้วงเอาจดหมายฉบับหนึ่งออกมากางให้เขา บนจดหมายเหมือนจะเป็นการวาดตำแหน่งของพระจันทร์สีแดงเอาไว้ “เนื่องจากตำแหน่งในการสังเกตการณ์ไม่เหมือนกัน ตำแหน่งของดวงดาวจึงมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ถึงแม้เพื่อนของกระหม่อมคนนี้จะเคยเป็นขุนนาง แต่เขากลับสนใจในเรื่องดาราศาสตร์อย่างมาก ด้วยเหตุนี้กระหม่อมจึงไหว้วานเขาให้เทียบเคียงเขตดวงดาวที่พระจันทร์สีแดงตั้งอยู่จากอีกที่หนึ่ง ผลปรากฏว่าตำแหน่งที่เขาคำนวณได้นั้นแตกต่างจากของพวกเราอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่ใช่การคลาดเคลื่อนเพียงนิดเดียวเลย! พูดอีกอย่างก็คือถ้ามองมันเป็นจุดอ้างอิงล่ะก็ ก็หมายความว่าไม่ว่าจะมองจากมุมไหน มันก็จะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่ใช่แค่ดินแดนที่เราอยู่เท่านั้น แต่สำหรับทุกคนแล้วมันก็หยุดนิ่งเช่นเดียวกันพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อฟังถึงตรงนี้โรแลนด์พลันใจเต้นขึ้นมาทันที
“ฝ่าบาท สรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแต่มีซ้ายขวาสูงต่ำ สิ่งที่ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนั้นมันไม่มีทางที่จะมีอยู่จริงพ่ะย่ะค่ะ!”
ในหัวโรแลนด์พลันมีภาพจุดสีแดงที่เขาเห็นในโลกแห่งความฝันปรากฏขึ้นมา ถึงแม้รูปร่างมันจะผิดปกติอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะหมุนมองจากมุมไหนมันก็เป็นรูปร่างเดียวกัน
ในโลกแห่งความฝันมันมีอีกชื่อหนึ่งว่า
การกัดกิน
……………………………………………………………………