ขณะที่พูด ฉินฝานก็ได้รินเหล้าให้กับตนเองหนึ่งแก้ว จากนั้นก็พูดว่า: “พวกเขาจะตอบว่า องค์ชายก็เป็นแค่สถานะที่กำเนิดขึ้นมาเท่านั้น หากองค์ชายต้องการที่จะได้รับความเคารพจากผู้อื่น ก็จะต้องประพฤติตนอย่างถูกต้อง มีหลักมีเหตุผล คนจำพวกนี้ ฉันประเมินว่า เสแสร้งจอมปลอม ความสงบนิ่งของพวกเขานั้นก็แค่เสแสร้งออกมา แต่เมื่อนายนำมีดมาจ่อที่คอของเขาแล้ว พวกเขาก็จะคุกเข่าลงเพื่อร้องขอชีวิต ยังมีอีกประเภทหนึ่ง จะตอบว่า ในฐานะที่ฉันเป็นนักบู๊ จะคุกเข่าให้กับพ่อแม่และฟ้าดิน เมื่อพบเจอกับกษัตริย์ก็ยังไม่ทำความเคารพเลย นับประสาอะไรกับองค์ชายล่ะ คนประเภทนี้ ฉันจะประเมินว่าเป็นพวกโง่เขลา เพราะพวกเขาคงจะคาดเดาไม่ถึงว่า อีกไม่นานฉันก็จะทำให้เขาหมดโอกาสที่จะเป็นนักบู๊ต่อไป แต่สำหรับคำตอบของนายนั้น ฉันไม่เคยพบเจอมาก่อน จึงไม่สามารถที่จะประเมินได้”

ฉินฝานจิบเหล้าหนึ่งคำ และพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม

ลู่ฝานได้ยินที่เขาพูด ก็ขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า: “พระองค์ใส่ใจกับคำตอบของคนอื่นมากเลยเหรอ? ”

ฉินฝานเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าและพูดว่า: “หรือว่าไม่ควรจะใส่ใจเหรอ? ”

ลู่ฝานส่ายศีรษะและพูดว่า: “ถึงอย่างไรฉันก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว พระองค์ เรามาพูดคุยเรื่องที่จริงจังกันเถอะ”

ฉินฝานพลันหยุดพูดลง เงียบไปชั่วขณะ เขาเริ่มที่จะสังเกตลู่ฝานโดยละเอียดแล้ว

ลู่ฝานไม่เข้าใจว่าองค์ชายรองคนนี้คิดที่จะทำอะไรกันแน่ แต่ในเมื่อเขาอยากจะมอง เขาก็ไม่สามารถบอกว่าห้ามมองได้ ตนเองจึงรินเหล้าให้กับตนเอง แล้วก็ดื่มไปทีละแก้วทีละแก้ว

ทันใดนั้น ฉินฝานก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ลู่ฝาน ชื่อของนายและของฉันต่างก็มีคำว่าฝานเหมือนกัน คำว่าฝานของนายนั้นหมายความว่าอย่างไร”

ลู่ฝานครุ่นคิดชั่วครู่แล้วพูดขึ้นว่า: “พ่อของฉันหวังให้ฉันมีชีวิตอยู่อย่างธรรมดาเรียบง่าย ดังนั้นจึงตั้งชื่อนี้ให้ฉัน”

ฉินฝานดวงตาเป็นประกายและพูดขึ้นว่า: “ดูเหมือนว่านายจะเหมือนกับฉันเลย คำว่าฝานของฉันก็มีความหมายแบบนี้เช่นกัน แล้วนายชอบคำว่าฝานนี้ไหมล่ะ? ”

ลู่ฝานครุ่นคิดและพูดว่า: “ก็พอได้ ฟังหลายครั้งแล้ว ก็คุ้นเคยแล้ว คิดจะเปลี่ยนก็สายเกินไปแล้ว”

ฉินฝานพยักหน้าและพูดว่า: “ใช่เลย ก็ต้องคุ้นเคยกับมันต่อไป อืม มาพูดเรื่องจริงจังกันดีกว่า”

ลู่ฝานวางแก้วเหล้าลง พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันมากมายแล้ว ในที่สุดก็เข้าเรื่องสำคัญเสียที

เขาแสดงท่าทางที่ตั้งใจฟังอย่างมาก พร้อมกับจ้องมองไปที่ฉินฝาน

ส่วนฉินฝานก็เอาขาลงเลิกนั่งไขว่ห้างแล้ว จากนั้นก็ขยับร่างกายเอนมาด้านหน้าเล็กน้อยและพูดว่า: “ลู่ฝาน นายสนใจที่จะร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับฉันไหม”

ลู่ฝานสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ตกใจจนแทบจะล้มโต๊ะเลย

เขามองไปที่ฉินฝานด้วยความตะลึงและพูดว่า: “พระองค์ ท่านกำลังพูดล้อเล่นใช่ไหม”

ฉินฝานพูดว่า: “ฉันเป็นถึงองค์ชาย จะพูดล้อเล่นได้อย่างไรกัน ต่อให้คำพูดจะไม่มีน้ำหนักมาก แต่ก็พอที่จะมีน้ำหนักเชื่อถือได้อยู่ ฉันเห็นพี่ลู่ฝาน มีท่วงท่าที่ไม่ธรรมดา มีนิสัยบุคลิกภาพที่คล้ายคลึงกันกับฉัน อย่างนั้นวันนี้พวกเรามาร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันเลยไหม ไม่ขอว่าต้องเกิดในวันเดือนปีเดียวกัน แต่จะขอตายลงในวันเดือนปีเดียวกัน”

ขณะที่พูด ฉินฝานก็ลุกยืนขึ้น ใบหน้าที่ไม่หล่อเหลาของเขานั้น จริงจังหนักแน่น

เดินกะเผลก ไปข้างหน้ากี่ก้าว แล้วชี้มือข้างหนึ่งขึ้นฟ้า

ลู่ฝานกลืนน้ำลายลง เรื่องนี้ มันช่างเหมือนกับเด็กเล่นกันอย่างไรอย่างนั้น

เพิ่งจะพบเจอกันแค่ครั้งเดียว ก็จะร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันแล้ว? นี่มันอะไรกัน?

ฉินฝานเห็นว่าลู่ฝานไม่ได้เคลื่อนไหว จึงขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า: “พี่ลู่ฝานไม่ให้เกียรติฉันใช่ไหม ฉันที่เป็นถึงองค์ชายรองของประเทศอู่อาน มีสถานะที่สูงศักดิ์วันนี้ต้องการจะร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับนาย หรือว่านายคิดที่จะปฏิเสธอย่างนั้นเหรอ? ”

ขณะที่พูด ฉินฝานก็โบกมือ พวกกลุ่มองครักษ์ก็มองกันมาที่ลู่ฝานอย่างพร้อมเพรียง และยกอาวุธในมือขึ้นทั้งหมด เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว หากว่าลู่ฝานกล้าที่จะไม่ตกลง พวกองครักษ์กลุ่มนี้ คงจะพุ่งโจมตีใส่เขาเป็นแน่!

ลู่ฝานสูดหายใจลึกและพูดขึ้นว่า: “พระองค์ นี่มันจะง่ายดายเกินไปหน่อยไหม”

ฉินฝานยิ้มและพูดว่า: “ไม่เลย ก็ความมีน้ำใจชอบธรรมในยุทธภพยังไงล่ะ เน้นย้ำกันที่ความคิดที่ฉาบฉวย ลงมือรวดเร็ว พวกเราควรจะทำอะไรก็ลงมือทำเลย ในชีวิตคนเรา จะต้องบุ่มบ่ามมุทะลุแบบนี้บ้างสักครั้ง มาสิ เพื่อนลู่ฝาน พวกเรามาเชือดคอไก่ ดื่มเหล้าเลือด วันนี้ก็ทำการร่วมสาบานเป็นพี่น้องกันเถอะ”