บทที่ 746 เนื้อหาในแฟลชไดรฟ์

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 746 เนื้อหาในแฟลชไดรฟ์
“พี่เทียน เกิดเรื่องที่วัดโบราณเมืองพุทธแล้ว สถานการณ์ค่อนข้างหนักเลยครับ คนของเราบาดเจ็บสาหัส พี่รีบมาเถอะครับ”

เมื่อได้รับสายจากเย่ว์อิ่นหลง เย่เซิ่งเทียนก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า“พวกนายอย่าพึ่งบุ่มบ่ามไป รอฉันไปก่อน”

เมื่อวางสาย เย่เซิ่งเทียนก็ไม่มีเวลาได้ครุ่นคิด เขารีบให้เวินเฉินเตรียมตั๋วเครื่องบินไปเมืองพุทธทันที

แม้แต่เย่ว์อิ่นหลงยัขอความช่วยเหลือ ดูท่าสถานการณ์ที่วัดโบราณเมืองพุทธจะหนักหนาสาหัสจริงๆ

เย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้ว ทางด้านเมืองพุทธพบร่องรอยที่ตาเฒ่าหลินหลงเหลือไว้ เย่เซิ่งเทียนจึงยิ่งรู้สึกว่า อาจารย์คนนี้ลึกลับขึ้นเรื่อยๆ

เขาไม่เพียงแต่พาตัวเองนำทางฝึกฝน ยังมอบสัญลักษณ์ของฟ้าสยบให้เขาอีกด้วย โดยคิดว่าเขาเป็นตัวทดลองของตระกูลลี้ลับ เย่เซิ่งเทียนอดคิดไม่ได้ว่า ตาเฒ่าหลินคนนี้ตั้งใจหรือว่าเป็นโชควาสนากันแน่?

ตาเฒ่าหลินรู้เรื่องพวกนี้หรือไม่?

น่าเสียดาย ตาเฒ่าหลินไม่อยู่แล้ว เขาเป็นคนฝังด้วยตัวเอง

ตอนนั้นเขาเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลลี้ลับวางเกมอะไรไว้ ไม่เช่นนั้นคงจะถามให้รู้แล้วรู้รอด

“ตาเฒ่าหลินไปเมืองพุทธทำไม?”

เย่เซิ่งเทียนยิ่งคิดยิ่งรู้ว่า ตาเฒ่าหลินลึกลับเกินไป ถึงแม้ว่าจะเป็นอาจารย์ของเขา แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าตาเฒ่าหลินเป็นใครกันแน่

เย่เซิ่งเทียนเคยถามเขามาก่อน แต่ตาเฒ่าหลินพูดแค่ก่อนตายว่า เขาเหลือของบางสิ่งบางอย่างไว้บนโลกใบนี้ ถ้าหากเย่เซิ่งเทียนมีโชควาสนา ก็ไปหาดู มันเกี่ยวข้องกับหนทางในอนาคต

ถ้าไม่มีโชควาสนา ก็เหลือไว้เพียงแค่พรหมลิขิต

เย่เซิ่งเทียนในตอนนั้นไม่ได้สนใจอะไร หลังจากนั้นก็ค่อยๆเติบโตในกองทัพ กลายเป็นเทพเจ้าแห่งต้าเซี่ย เขาพึ่งรู้สึกว่า อาจารย์คนนั้นของตัวเองน่ากลัวแค่ไหน

ดังนั้นจึงได้ให้คนแอบตามสืบร่องรอยของตาเฒ่าหลินในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่

ก่อนหน้านั้นคนของหอเทพมังกรค้นพบวัดโบราณในวังใต้ดินของเมืองพุทธ คนที่เข้าไปมีแต่บาดเจ็บสาหัส หลายวันก่อนเขาให้เย่ว์อิ่นหลงทางนั้นรับผิดชอบ คิดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องอีกครั้ง

วังใต้ดินของวัดโบราณ ตกลงอะไรอยู่ในนั้นกันแน่?

เย่เซิ่งเทียนไม่มีความเห็นอะไร ทางด้านเย่ว์อิ่นหลงไม่มีข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์

เขาขยี้ตาตัวเอง เย่เซิ่งเทียนเปิดแฟลชไดรฟ์ที่เหย้ซูหลิงให้มา ด้านในมีข้อมูลของตระกูลลี้ลับบางส่วน

เย่เซิ่งเทียนยิ่งดูยิ่งตกใจ อดีตจอมพลเจียงลั่วเสินเดาถูกแค่บางส่วน ตระกูลลี้ลับแท้จริงแล้วเป็นผู้สืบทอดผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินแต่กลับไม่ถูกต้อง

เพราะประวัติความเป็นมาของผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินยิ่งลึกลับเข้าไปใหญ่

ในข้อมูลบอกว่า ผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินเผ่าโบราณ วิชาที่ฝึกฝนคือวิชาซากศพโบราณ มีต้นกำเนิดมาจากเผ่าเทพโบราณกาล

“เผ่าเทพโบราณกาล?มีเผ่าเทพจริงๆหรอ?”

เย่เซิ่งเทียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินเป็นบุคคลเมื่อสองพันกว่าปีก่อน เผ่าเทพโบราณกาลก็มีมาก่อน ต้องสืบย้อนไปถึงยุคสงครามการสถาปนาเทพ กระทั่งก่อนหน้านั้นอีก

ในข้อมูลบอกว่า สงครามหารสถาปนาเทพมีอยู่จริง แต่ไม่เหมือนกับในเฟิงเสินเหยียนอี้ แต่เป็นแทพสงครามแห่งเผ่าเทพ ในช่วงเวลานั้นพระเจ้าชางโจว้ให้การสนับสนุนเผ่าเทพแต่สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับพระเจ้าโจวอู่ ก็เหมือนกับสมัยสุยถังที่เหล่าตระกูลเก่าแก่เลือกที่จะหนุนหลังหลี่ถัง หรือจักรพรรดิสุยหยางนั่นเอง

แต่สำหรับสิ่งที่ทำให้เกิดสงครามครั้งใหญ่นั้น ในข้อมูลบอกว่าตอนนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ จึงให้ได้แค่การคาดเดา

การคาดเดาแรกก็คือ ทรัพยากรในการฝึกวรยุทธ์ขาดแคลน ระหว่างเผ่าเทพมีการแย่งชิงทรัพยากรกัน และเริ่มก่อเกิดมหาสงคราม

การคาดเดาที่สองก็คือ ความขัดแย้งระหว่างเทพเจ้าเก่ากับเทพเจ้าใหม่ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ไม่สามารถปรองดองกันได้ ในท้ายที่สุด เทพเจ้าเก่าที่สนับสนุนราชวงศ์ชางพ่ายแพ้ให้กับเทพเจ้าใหม่ที่สนับสนุนราชวงศ์โจว แต่ข้อมูลในนี้มีเครื่องหมายคำถาม ตกลงแล้วเทพเจ้าเก่ามีอยู่จริงหรือไม่?

การคาดเดาอย่างที่สามก็คือ เพื่อแย่งชิงโอกาสในการเติบโต ระหว่างเผ่าเทพจึงมีการลงไม้ลงมือกัน จนในที่สุดกระทบต่อราชวงศ์ฆราวาส ทำให้เกิดการเปลี่ยนยุคสมัย ในนี้เป็นเครื่องหมายคำถามเช่นกัน มันเติบโตได้จริงๆหรอ?

เย่เซิ่งเทียนอ่านต่อไป หลังจากนั้นก็ถึงบรรดาที่กล่าวถึงผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉิน

ในข้อมูลบอกว่ามีต้นกำเนิดสามแหล่ง แต่เป็นแค่การคาดเดาเฉยๆ

อย่างรกคือ ว่ากันว่าตอนนั้นมีคนเข้าไปในสนามรบของเทพสงคราม และได้รับโอกาสจากตรงนั้น และตั้งแต่วันนั้นก็มีการฝึกฝนวรยุทธ์ ถึงพึ่งมีผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินปรากฏขึ้นมา

อย่างที่สองก็คือ ผู้ฝึกชี่สมัยก่อนราชวงศ์ฉินได้รับการสืบทอดมาก่อนหน้านี้ นั่นก็คือช่วงเวลาของจักรพรรดิเหลือง

ทฤษฎีที่สามยิ่งแล้วไปกันใหญ่ พลิกโฉมความเป็นไปได้ของการมีอยู่ของเผ่าเทพทั้งหมด โดยกล่าวว่าวิธีการฝึกฝนเป็นวิธีการเสริมสร้างร่างกายที่รวบรวมไว้โดยรุ่นต่อรุ่น และในที่สุดในช่วงราชวงศ์ฉินก็รุ่งโรจน์ที่สุด มีผู้ฝึกชี่ปรากฏตัวขึ้น นั่นก็คือการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ และก็มีตระกูลลี้ลับอย่างทุกวันนี้

ทฤษฎีทั้งสามอย่างนี้เป็นการคาดเดา เพราะเหย้ซูหลิงบอกในข้อมูลว่า ตระกูลลี้ลับไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภ่ยใน

“ตกลงความจริงเป็นอย่างไร?เหย้ซูหลิงจงใจทำให้เขาสับสนรึเปล่า?”

เย่เซิ่งเทียนครุ่นคิด เขากุมของไว้มากเกินไป ได้เพียงแค่คาดเดาจากเบาะแสร่องรอย

แต่ด้วยความที่เขารู้มากเกินไป ดังนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าข้อมูลของเหย้ซูหลิงเป็เรื่องจริงหรือเท็จ