Ch.39 – กลับเป็นไก่

Translator : Asiran / Author

 

ตอนที่****39 – กลับเป็นไก่

 

นักเล่นเกมอาชีพมาอยู่ในเกมย่อมต้องมีแรงค์ไม่ต่ำทราม และแอคเคาท์เกมที่พวกเขาใช้ในการแข่งขันเป็นสิ่งที่ KPL มอบให้ เป็นไปไม่ได้ที่จะเอามาเล่นเป็นการส่วนตัว แอคเคาท์เกมที่เล่นส่วนตัวต่างก็เป็นแอคเคาท์ที่พวกเขาสมัครเข้ามาด้วยตนเองไม่แตกต่างจากผู้เล่นทั่วไป แล้วก็มีแอคเคาท์ของนักเล่นเกมอาชีพบางส่วนที่ถูกแฉออกมาแล้ว แต่แมวของชเรอดิงเงอร์งั้นเหรอ โจวม่อที่สนอกสนใจวงการอาชีพเป็นอย่างมากยังไม่เคยได้ยินเลยว่ามีนักเล่นเกมอาชีพคนไหนที่ใช้ไอดีชื่อนี้

แน่นอนว่านี่ยังไม่รวมไปถึงแอคเคาท์ที่ยังไม่ถูกค้นพบหรือว่าเพิ่งจะสร้างใหม่ ตอนนี้เองโจวม่อก็ได้เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปที่หน้าข้อมูลผู้เล่นของ The Kings of Glory เริ่มต้นเปิดดูข้อมูลเกมทั้งสองฝ่ายของแมวของชเรอดิงเงอร์

คลิปรีเพลย์ยังดำเนินต่อไป อาธีน่าฆ่าหลิวปังเสร็จแล้วก็ไปฆ่า Abyssal Dragon เวดป่าด้านบัฟฟ้า ล้วงเข้าป้อมไปฆ่าเตียวฉานได้สำเร็จ จากนั้นก็ย้ายไปทางป่าโซนบัฟแดงและเลนล่าง กุ่ยกู๋จื่อซ่อนอยู่ในพุ่มตรงช่องระหว่างกำแพง นางก็เดินอ้อมไปด้านหลังในทิศทางตรงกันข้าม เล่นโดยที่คำนึงถึงปฏิกิริยาของผู้เล่นทั่วไปที่ทำตามสัญชาตญาณด้วยออกมา

เพียงแต่รายการต่อไปก็เป็นตอนของเหออวี้แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงการหนีเอาชีวิตรอดแต่การใช้ครีปคาดการณ์เวลาที่อีกฝ่ายจะเข้ามาโจมตี การใช้ตาเหยี่ยวอย่างถูกจังหวะเพื่อตรวจสอบความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย การทิ้งกับดักร้อยสังหารรอไว้ล่วงหน้า การเคลื่อนที่อย่างแม่นยำเพื่อเดินขึ้นไปและการ Flicker หนีอย่างทันท่วงทีก่อนที่จะถูกหมื่นชีวิตมีวิญญาณของกุ่ยกู๋จื่อดึงตัวเข้ามา…ล้วนน่าทึ่งมาก

เหออวี้ภาคภูมิใจในตัวเองเล็กน้อย หันไปมองเกาเกอด้วยสีหน้าที่บอกว่า “ชมผมหน่อย”

“ก็ไม่เลว” เกาเกออมยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดออกมา

เหออวี้ยิ่งภาคภูมิใจไปกันใหญ่ เผอิญว่ารีเพลย์เกมมันไม่มี progress bar ใต้คลิปที่ใช้ควบคุมการเล่นได้ ไม่งั้นเกรงว่าเขาคงจะลากกลับไปชื่นชมฉากนั้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแน่ ๆ

“เฮ้ย สงสัยจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพแล้วล่ะ!” โจวม่อที่ตอนนี้กำลังดูข้อมูลเกมของแมวของชเรอดิงเงอร์จากโทรศัพท์มือถือของตัวเองตะโกนออกมา

เหออวี้กับเกาเกอหันไปดูด้วยกัน โจวม่อก็จิ้มให้คนทั้งสองดูหน้าต่างที่เขาเพิ่งจะเปิดดูทีละอัน

อันดับแรก จำนวนการเล่นรวมของแมวของชเรอดิงเงอร์ค่อนข้างมาก แต่เมื่อมองแต่ละซีซั่นแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ก็แค่เล่นทุก ๆ วันวันละสองสามเกมเพื่อผ่อนคลายเท่านั้น

อย่างที่สอง แมวของชเรอดิงเงอร์ใช้ฮีโร่หลากหลายมาก เล่นทั้งห้าตำแหน่ง ใช้ฮีโร่ทุกตัว สิ่งที่เหมือนกันก็คือมีอัตราชนะที่สูงมาก ๆ เอาเป็นว่าทั้งหมดต่างก็ 70% ขึ้นไป ที่สูงกว่า 80% ก็ยังมี ควรทราบว่าสำหรับผู้เล่นทั่วไปแล้ว ยิ่งมีแรงค์สูงอัตราชนะก็ยิ่งต่ำลง คนที่อยู่ในแรงค์ conqueror นี้ส่วนมากต่างก็มีอัตราชนะอยู่ที่ระหว่าง 50% ถึง 60% การขึ้นไปสูงกว่า 60% ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน แต่แมวของชเรอดิงเงอร์คนนี้กลับใช้ฮีโร่ที่หลากหลายซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ชนะสูงมาก

สุดท้ายก็คือ ประวัติการเล่นของแมวของชเรอดิงเงอร์ถูกซ่อนอยู่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นข้อมูลเกมแต่ละเกมที่เขาเล่นโดยเฉพาะได้

เมื่อรวมข้อมูลทั้งสามอย่างเข้าด้วยกัน ดูยังไงก็เหมือนกับว่าจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพจริง ๆ ปกติแล้วจะใช้แอคเคาน์ซ้อมกับแอคเคาน์แข่งขัน ส่วนแอคเคาน์ส่วนตัวก็ใช้เพื่อความสนุกสนาน เกมที่เล่นไม่มาก ฮีโร่ตัวไหนก็เล่นเป็น แล้วก็มีอัตราชนะสูง สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ย่อมต้องมีความเข้าใจเกมอย่างลึกซึ้งและกว้างขวาง ส่วนที่ซ่อนประวัติเกมก็อาจจะเป็นเพราะว่าต้องการซ่อนเงื่อนงำที่จะระบุตัวตนของเขาออกมาก็ได้

“พวกนายคิดว่าไง” หลังจากให้คนทั้งสองดูข้อมูลไปทีละเรื่องแล้วโจวม่อก็กล่าวขึ้นมา

“อาจจะ” เกาเกอแสดงออกว่าไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก เหออวี้เองตอนนี้ก็หันกลับไปสนใจดูเกมรีเพลย์แล้วเหมือนกัน

“ดูสิ นี่แหละสกิลที่สองนั่น!” เมื่อเกมดำเนินมาถึงตอนที่เตียวฉานลากอาธีน่ามาหาเจงกิสข่านแล้วเหออวี้ก็รีบชี้ให้ดู

“เห็นแล้ว” เกาเกอพยักหน้า “แต่ว่าอาธีน่าเองก็จงใจรออยู่เหมือนกัน ถึงไม่มีสกิลที่สองอันนั้นก็สงสัยว่าจะเล็งยิงนายได้นะ”

“ไม่ใช่แค่รอหรอกครับ” เหออวี้ที่มองดูรีเพลย์อยู่สังเกตเห็นรายละเอียดที่มากกว่าเดิมเล็กน้อย โชคร้ายที่ไม่สามารถลากกลับไปเล่นใหม่ได้ ตอนนี้ได้แต่นึกทบทวนในสมอง “นางเป็นคนที่เดินออกไปล่อให้เตียวฉานทำอย่างนี้”

“ทำได้ถึงขั้นนี้ สงสัยว่าจะเป็นนักเล่นเกมอาชีพจริง ๆ ซะแล้วสิ” เกาเกอหันไปมองโจวม่อ

“ฉันก็บอกแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นคนไหนกันนะ….” โจวม่อยังคงส่องดูข้อมูลฮีโร่ที่แมวของชเรอดิงเงอร์ใช้บ่อย ๆ จากหน้าต่างเกม The Kings ในมือต่อไป นักเล่นเกมอาชีพส่วนมากต่างก็มีตำแหน่งเฉพาะตัว ปกติแล้วฮีโร่ที่ใช้ฝึกซ้อมก็มีวงจำกัดอยู่ มีหลายคนมากที่เป็นที่รู้จักว่าเล่นฮีโร่บางตัวเก่งเป็นพิเศษ เช่นกวนอวี่ของหยางเมิ่งฉี หานซิ่นของหลี่เหวินซาน จูเก่อเลี่ยงของโจวจิ้น เป็นต้น นี่ล้วนเป็นตัวที่มืออาชีพเหล่านี้เก่งที่สุด แฟน ๆ ต่างก็ตั้งตารอชมพวกเขาได้เล่นมันในสนามแข่ง แต่เพราะว่าระบบเกมมันมี BP บรรดาฮีโร่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเหล่ามหาเทพพวกนี้ก็เลยไม่ค่อยได้ปรากฏตัวขึ้นในเกม เพราะว่าแข็งแกร่งเกินไปก็เลยถูก respect ban เป็นอันดับแรกตลอด

เพียงแต่แมวของชเรอดิงเงอร์คนนี้ โจวม่อก็ดูไม่ออกว่าเป็นแอคเคาท์ของนักเล่นเกมอาชีพที่เขารู้จักคนไหน การเลือกใช้ฮีโร่มันหลากหลายเกินไปจริง ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นแอคเคาท์ส่วนตัวที่ใช้สำหรับเล่นสนุกก็เลยไม่ได้มีตำแหน่งการเล่นที่เหมือนกับตำแหน่งในเกมอาชีพของเขา

โจม่อที่สุดท้ายแล้วก็ยังดูอะไรไม่ออกเก็บโทรศัพท์มือถือแล้วหันไปดูรีเพลย์ตามเหออวี้กับเกาเกอต่อ ตอนจบคือทีมไฟต์หน้า Dark Slayer ที่เป็นศึกตัดสินผลลัพธ์สุดท้ายของเกมเกมนี้ แล้วก็ยังเป็นช่วงเวลาที่อาธีน่าเปล่งประกายออกมามากที่สุดอีกด้วย การใช้สกิลที่หนึ่งเดินทัพศักดิ์สิทธิ์อย่างแม่นยำเพื่อหลุดจากการถูกควบคุมตามมาด้วยสกิลที่สองเข้าใส่เจงกิสข่าน จากนั้นก็เป็นการเดินที่คล่องแคล่วและการโจมตีที่ลื่นไหลต่อเนื่อง ทำให้คนทั้งสามดูแล้วก็เกิดคำว่าถ้าหากในใจขึ้นมานับไม่ถ้วน

ถ้าหากตรงนี้….

ถ้าหากตรงนั้น….

พวกเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่มีโอกาสเอาเสียเลย ท่าอัลติของจางเฟยกับตั๊กม้อจะอย่างไรก็ควบคุมตัวอีกฝ่ายได้เกือบทั้งหมดแล้ว ในทีมไฟต์รอบนี้พวกเขาได้เปรียบอยู่ โชคร้ายที่พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งอาธีน่าได้เลย

ความคิดตามไม่ทันเหรอ ใช่

การควบคุมตามไม่ทันเหรอ ก็ใช่

ดังนั้นเอง ถ้าหากทั้งหมดพวกนั้นพวกเขาก็เลยทำไม่สำเร็จ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ตั้งใจเล่น ที่จริงแล้วเป็นเพราะว่าศัตรูแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก ก็อย่างเหออวี้ตอนที่เห็นอาธีน่าหลุดจากท่าอัลติควบคุมสนามมาได้ก็รู้สึกว่าเจงกิสข่านของตัวเองงานเข้าแล้ว สุดท้ายในตอนนั้นเขาก็ได้มีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา ตอนนั้นเจงกิสข่านยังมีโอกาสที่จะมุดเข้าไปในพุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ตัวเอง แต่ว่ามือของเขามันช้าไป ตอนที่มุดเข้าพุ่มอาธีน่าก็ได้แทงดาบปลายปืนมาถึงแล้ว เขาก็ได้แต่กล่าวคำว่า “ถ้าหาก” ในตอนที่เรื่องทั้งหมดจบลงแล้วเท่านั้น

“น่าเสียดายจริง ๆ”

หลังจากดูรีเพลย์ช่วงนี้จบแล้ว จิตใจของคนทั้งสามก็เหมือน ๆ กัน แต่ว่าในเกมนี้ที่มีแต่คำว่า “ถ้าหาก” ที่ทำไม่สำเร็จเต็มไปหมดนั้นก็มีอะไรให้เหออวี้ได้ครุ่นคิด ทำให้เขาได้รู้ถึงนิสัยและสไตล์การเล่นของเกาเกอและโจวม่อบางส่วน จึงยังถือได้ว่ามีผลรับอยู่บ้าง

“พวกเราต่อเถอะ” หลังจากดูรีเพลย์และวิเคราะห์เกมกันสักพักแล้วเกาเกอก็กล่าวขึ้นมา

“เล่นสามคนต่อเหรอครับ” เหออวี้ถาม

“สามคนเถอะ ถ้าเกิดว่าแอคเคาท์นี้ของนายไม่มีอะไรที่ไม่สะดวกอะนะ” เกาเกอกล่าว

“นั่นไม่มีหรอกครับ ต่อเถอะ” เหออวี้พูด

ทั้งสามคนเล่นต่อ หลังจากนั้นพวกเขาก็เล่นติดต่อกันเจ็ดเกม ชนะสองแพ้ห้า ถ้านับรวมเกมแรกแล้วก็เป็นชนะสองแพ้หก ใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงกว่า ๆ ดาวก็หายไปสี่ดวงแล้ว

“คิดว่าไง” เกาเกอถามเหออวี้ ในแปดเกมที่ผ่านมา เกมที่ชนะเจงกิสข่านของเหออวี้ล้วนทำดาเมจได้มากกว่า 20% ส่วนอีกหกเกมทำได้ประมาณ 10%-15% ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าดาเมจของเขามีผลต่อเกมขนาดไหน ในเกมที่พ่ายแพ้ทั้งหกเกมนอกจากเกมแรกแล้วอีกห้าเกมต่อมาเขาต่างก็ถูกเพื่อนร่วมทีมด่า มีสองเกมที่โดนด่าจนจนแทบทนไม่ได้ แม้แต่ในเกมที่ชนะก็ยังโดนเพื่อนร่วมทีมถามว่า “เล่นอะไรอยู่” ซึ่งความจริงแล้วดาเมจ 20% สำหรับแครี่หนึ่งตัวว่าไปแล้วก็เป็นเปอร์เซ็นต์ดาเมจที่น่าขายหน้ามากจริง ๆ

“ยังดีครับ ได้อะไรมามากเลย สมแล้วที่เป็นเกมระดับสูง” คำด่าพวกนี้ไม่ทำให้เหออวี้สะดุ้งสะเทือน เพราะว่าตัวเขาเองรู้ดีอยู่แล้วในทุก ๆ ครั้งว่าปัญหาของเขาอยู่ตรงไหน ความนึกคิดของเขามันกระจ่างชัดมาโดยตลอด ทุก ๆ ครั้งเขาก็มีไอเดียอย่างชัดเจนว่าควรจะทำอะไร แต่เนื่องจากการควบคุมยังไม่ได้ สุดท้ายแล้วส่วนมากก็เลยกลายเป็น “ถ้าหาก” ปัญหาที่มีความตระหนักรู้แต่ไม่สามารถเล่นได้แบบนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ในทันที แต่ในเกมระดับสูงนี้อย่างน้อยก็ทำให้เหออวี้พิสูจน์ความถูกต้องของความตระหนักรู้และไอเดียของเขาได้ ตราบใดที่การควบคุมของเขาตามได้ทัน เขาก็คิดว่าตัวเองจะต้องน่ากลัวมากแน่ ๆ เลย

ดังนั้นเอง คำด่าที่แข็งกร้าวพวกนี้ไม่เพียงไม่ทำให้เขาจิตใจสั่นไหวเท่านั้น แต่พวกมันกลับช่วยให้เขามั่นใจในตัวเองมากขึ้นไปอีกต่างหาก

“งั้นก็ดี ตัวนายเองรู้ตัวเองก็ใช้ได้แล้ว” เกาเกอกล่าว

“เพียงแต่ทำให้พวกพี่อันดับร่วงไปด้วยน่ะสิครับ” เหออวี้กล่าว

“ไม่สำคัญ เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว สิ่งที่พวกเราต้องการก็คือแชมป์ของลีกภายในมหาวิทยาลัย” เกาเกอพูด

“ไม่ใช่แชมป์ของ KPL เหรอครับ” เหออวี้พูดแซว เขารู้ว่าทั้งสองคนต่างก็กระตือรือร้นต่อวงการอาชีพมากกว่า

“นั่นมันเรื่องของอนาคต ยังบอกไม่ได้หรอก” เกาเกอกลับไม่ได้ถ่อมตัวเท่าไหร่เลย

“งั้นถ้าพวกพี่เข้าวงการอาชีพได้แล้วอยากจะเข้าทีมไหนล่ะครับ” เหออวี้ถาม

“เวยเฉิน! พี่ชอบหยางเมิ่งฉี” โจวม่อพูดขึ้นมาทันที เห็นได้ว่าเขาเฝ้าฝันถึงเรื่องนี้มาเนิ่นนานแล้ว

“งั้นนายก็อยากจะไปเป็นตัวสำรองให้เขาเหรอ” เกาเกอน้ำเสียงไม่ค่อยดี ตำแหน่งของหยางเมิ่งฉีก็คือออฟเลน เป็นตำแหน่งเดียวกับโจวม่อเป๊ะเลย

“ไม่ใช่แค่พูดกันเล่น ๆ เหรอ…” โจวม่อเกาศีรษะอย่างเขินอาย

“รุ่นพี่ล่ะครับ” เหออวี้หันไปถามเกาเกอ

………………………………………………

นักเล่นเกมอาชีพเล่นได้ทุกตำแหน่ง แค่ก รู้สึกเหมือนมีคนที่แค่ไม่ได้เล่นเลนกลางก็งอแงแล้วเหมือนกันนะ?