ภายในรถม้า ฉินฝานหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ดปาก ด้วยท่าทางที่สง่างามและสุภาพเรียบร้อย

“เก็บไปซะ เก็บไปซะ วันนี้ใครเป็นคนทำอาหาร รสชาติแย่มากเลย หักเงินเดือนของเขาหนึ่งเดือน ต่อไปหากทำอาหารรสชาติย่ำแย่แบบนี้อีก เขาก็เตรียมตัวออกจากงานไปได้เลย! ”

ฉินฝานพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่โมโห พวกองครักษ์เกราะทองก็พลันคุกเข่าลงไปที่พื้น และขานรับเสียงดัง

ลุกขึ้น ฉินฝานโบกมือสั่งให้คนจัดเก็บโต๊ะเก้าอี้ขึ้น

ที่จริงแล้วการนั่งเก้าอี้แบบนี้ เขาจะรู้สึกทรมานอยู่ตลอดเวลา

เมื่อมาถึงตำหนัก ฉินฝานก็เดินเข้าไปด้านในอย่างอกผายไหล่ผึ่ง

แม้ว่าเขาจะเดินกะเผลก แต่เวลานี้ ท่วงท่าที่แสดงออกมาจากร่างกายของเขานั้น มีเพียงแต่ความสูงศักดิ์

ซึ่งก็คือความสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด เป็นความสูงศักดิ์ที่คนอื่นยากจะเลียนแบบได้

มีบางคนที่ใช้เวลาทั้งชีวิต ต้องการทำให้ตนเองแปรเปลี่ยนจากความหยาบกระด้างเป็นความสูงศักดิ์ แม้ว่าความประพฤติการปฏิบัติตัวของพวกเขาจะสง่างาม แต่ก็มักจะไม่มีท่วงท่าที่หยิ่งทะนงแบบนี้

แต่ความสูงศักดิ์ในตัวของฉินฝานนั้น กลับถูกจงใจทำเป็นท่าทีที่หยาบกระด้าง

นี่ก็คือการเสแสร้ง เพียงแต่คนที่หยาบคาบแล้วแกล้งทำเป็นสูงศักดิ์นั้น จะถูกจับผิดเอาได้ง่าย ส่วนคนที่สูงศักดิ์แล้วแกล้งทำเป็นหยาบคายนั้น มันง่ายต่อการที่จะเรียนรู้

ฉินฝานนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงใจกลางของตำหนัก โดยเก้าอี้มีขนาดกว้างใหญ่ ปูด้วยหนังสัตว์ที่อ่อนนุ่ม ฝังอัญมณีระยิบระยับ และถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของตำหนัก ยืนอยู่ที่ด้านข้างของฉินฝาน และพูดเบา ๆ ขึ้นว่า: “พระองค์ ทำไมท่านจะต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ? ”

ฉินฝานเงยหน้าขึ้นมองคนผู้นี้ และพูดว่า: “อาจารย์ว่านเจิน ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพื่อต้องการให้พี่ของฉันคนนั้น รู้สึกลำบากใจ สร้างความยุ่งยากให้กับเขาเท่านั้นเอง”

ว่านเจินขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า: “ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่งนี้เหรอ ก็สามารถทำให้องค์รัชทายาทลำบากใจแล้ว? ”

ฉินฝานพยักหน้าและพูดว่า: “แน่นอน พี่ชายของฉันคนนั้น ไม่ยินยอมให้คนอื่นแย่งชิงเงินทองจากเขาเป็นแน่ การประลองของลู่ฝานในวันนี้ก็สามารถเห็นถึงเบาะแสบางอย่างได้ ก็แค่การประลองวิทยายุทธของนักบู๊แดนปราณชีวิตทั่วไป พี่ชายที่รักคนนั้นของฉัน ยังจะส่งผู้ตรวจการแปดจูจวิ้นของเขามาร่วมชมด้วย นี่มันหมายความว่าอย่างไร? ก็เพื่อต้องการที่จะดูความสามารถของลู่ฝานนั้นว่าเป็นอย่างไรแค่นี้เหรอ ไม่แน่จูจวิ้นนั้นอาจจะได้รับคำสั่งมาว่า เมื่อการประลองเสร็จสิ้นลงก็จัดการสังหารลู่ฝานทิ้งซะ”

ว่านเจินพูดขึ้นว่า: “แล้วนี่มันเกี่ยวข้องอะไรกับการร่วมสาบานเป็นพี่น้องล่ะ? ”

ฉินฝานยิ้มและพูดว่า: “ยังพูดไม่จบเลย ในเมื่อพี่ชายคนนั้นของฉันมีจิตใจที่โหดร้ายอำมหิตขนาดนี้ ถึงขั้นที่ไม่สนใจผู้เก่งกาจมีความสามารถในประเทศเลย ถ้าอย่างนั้น ฉันเองก็คงจะอยู่เฉยต่อไปไม่ได้ ลู่ฝานจะต้องพบกับความยุ่งยากเป็นแน่ พี่ชายของฉันคนนั้น ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่ อย่างนั้นบทสรุปก็จะมีอยู่สองแบบ คือลู่ฝานจะต้องตายลงภายใต้น้ำมือพวกสุนัขรับใช้ของพี่ชายฉัน ไม่อย่างนั้นเขาก็เอาชนะสุนัขรับใช้ของพี่ชายฉันได้ จากนั้นก็จะยิ่งทำให้พี่ชายของฉันโกรธแค้นหนักขึ้นไปอีก”

ฉินฝานยิ้มเยาะเล็กน้อย ชะงักไปชั่วครู่ และก็พูดต่อว่า: “ความเป็นไปได้อย่างแรกนั้น ถ้าหากเขามีสถานะเดิมในตอนนี้ ไม่ว่าจะบาดเจ็บ หรือตายลงไป อย่างมากก็แค่เป็นที่วิพากษณ์วิจารณ์ของผู้คนทั่วไปเท่านั้น ข่าวคราวไม่สามารถกระจายไปถึงในพระราชวังได้ และยิ่งไม่มีทางที่ท่านพ่อของฉันจะรับทราบ แต่หากว่าฉันได้ร่วมสาบานเป็นพี่น้องกับเขาแล้ว เขาก็จะมีสถานะอีกระดับหนึ่งก็คือเป็นพี่น้องกับองค์ชายรอง เรื่องราวก็จะแตกต่างไปแล้ว ท่านพ่อที่อยู่ในพระราชวังก็จะต้องรับทราบ คนในพระราชวังและประชาชนทั่วไปก็จะรับทราบด้วย ถึงแม้องค์ชายรองอย่างฉันจะไม่ได้เรื่อง ไร้ความสามารถ แต่ก็ยังมีสถานะเป็นองค์ชาย พี่น้องของฉัน หากว่าตายลงไปอย่างไร้สิ้นเหตุผลแล้ว ใต้หล้านี้ยังจะมีกฎหมายกฎเกณฑ์อยู่อีกหรือไม่? ”

ว่านเจินพยักหน้าและพูดว่า: “ถูกต้อง มีสถานะอีกระดับหนึ่ง ก็ง่ายที่จะเกิดเป็นเรื่องยุ่งวุ่นวายใหญ่โตขึ้นได้ และหากเกิดเรื่องใหญ่โตแล้ว องค์รัชทายาทเองก็วางตัวลำบาก แล้วถ้าหากว่าลู่ฝานเป็นฝ่ายเอาชนะได้ล่ะ? ”