ตอนที่ 1909

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,909 : สิ้นสุดการประเมินพรสวรรค์

 

“กลืนรากวิญญาณของผู้อื่นมาเสริมสร้างรากวิญญาณของข้างั้นเหรอ?”

 

ลูกตาของต้วนหลิงเทียนทอประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันใดหลังได้ยินคำผู้เฒ่าหั่ว!

 

หากวิธีนี้ใช้ได้ผลอาจเป็นทางลัดแล้วจริงๆ!

 

อย่างน้อยๆมันก็น่าจะเป็นไปได้มากกว่าตามหาทรัพยากรที่เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอนั่น!

 

“ถูกแล้ว เป็นการกลืนกินรากวิญญาณ ช่วงชิงพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่น”

 

ผู้เฒ่าหั่วกล่าว “อย่างไรก็ตามวิธีนี้ยังเป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น มิว่าจะกระทำได้หรือไม่ได้เจ้าต้องฝึกฝนทดลองกระทำด้วยตัวเอง! และข้าจะกล่าวบอกอันใดไว้อีกอย่าง ผู้ที่ถูกเจ้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ แม้ไม่ตายแต่พวกมันก็จักสูญเสียพรสวรรค์รากวิญญาณไปอย่างถาวร…”

 

“หากเป็นคนตายก็มิเป็นไร..แต่หากมันยังมีลมหายใจหลังถูกเจ้ากลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณ เช่นนั้นพลังฝึกปรือของมันก็ได้แต่หยุดอยู่แต่เพียงเท่านั้นไปตลอดชีวิต มิมีวันบ่มเพาะฝึกปรือให้ก้าวหน้าได้อีก…”

 

ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ

 

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า

 

ถึงแม้ว่าการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นจะฟังดูแล้วโหดร้ายนัก

 

แต่เขาก็ไม่คิดจะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นอย่างไร้เหตุผล! เขาจะทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกสารเลวน่าตายที่ทะลึ่งมาหาเรื่องเขาเท่านั้น!

 

ด้วยวิธีนี้เขาย่อมไม่มีความรู้สึกผิด!

 

ถึงแม้ว่าโลกใบนี้จะยึดกฏแห่งป่า ‘เข้มแข็งอยู่อ่อนแอตายตก’ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังมีมโนธรรมในใจไม่ได้ไร้จิตสำนึก!

 

หากใจอำมหิตลงมืออย่างไร้มนุษย์ธรรม เช่นนั้นเขายังต่างอะไรจากสัตว์เดียรัจฉาน?

 

เมื่อไร้ซึ่งความเป็นคนเช่นนั้นเขาก็มิใช่ผู้คน!

 

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้กลวิธีการใช้เวทย์พลังปฐมเวทย์กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้อื่นมันจะฟังดูโหดร้ายไปอยู่บ้าง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดปฏิเสธมัน เพราะเขาไม่คิดจะฮุบพรสวรรค์ของผู้คนพร่ำเพรื่อ!

 

เขาจะกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้ที่สมควรโดนดีเท่านั้น!

 

ตัวอย่างเช่นหลี่อัน!

 

ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนพลันเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่อันอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ที่อีกฝ่ายเองก็กำลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาเหยียดหยาม ‘ด้วยพลังฝีมือของข้าในตอนนี้กับอีแค่เข้าใกล้มันยังยาก แล้วจะนับประสาอะไรกับกลืนกินรากวิญญาณของมัน…พลัง…ต้องมีพลังมากกว่านี้ ตอนนี้ข้ามันอ่อนแอเกินไป!’

 

เผชิญหน้ากับหลี่อัน แม้ตอนนี้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนตะไม่ใช่ชั่ว แต่ก็ยังไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าหลี่อัน

 

เพราะหลี่อันไม่เพียงแต่จะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนสวรรค์เท่านั้น อีกฝ่ายยังเป็นชนชั้นยอดฝีมือ ที่ติด300 อันดับแรกในรายนามยอดเซียน! ตอนนี้เขาไม่อาจต่อกรกับมันได้เลย!

 

ต่อให้เขาจะใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมด แต่ก็คงไม่อาจทำร้ายหลี่อันได้แม้ปลายผม เผลอๆยังจะถูกฆ่าทันทีที่ลงมือ!

 

ช่องว่างระหว่างเขากับหลี่อันตอนนี้มันกว้างเกินไป

 

‘ตอนนี้ถ้าข้าผ่านบดทดสอบของแท่นบูชาเต่าทมิฬหลี่อันนั่นคงไม่คิดจะลงมือกับข้าตรงๆอีกต่อไป ลองข้ามีรากวิญญาณสีครามขึ้นมาถึงแม้จะเป็นที่น่าต้องตาพึงใจจ้าวลัทธิ ทว่าหลี่อันมันต้องคิดตัดไฟแต่ต้นลมแน่นอน กลายเป็นมันต้องหาโอกาสลงมือฆ่าข้าให้เร็วที่สุดด้วยตัวเอง! ตอนนี้พอมันเห็นว่าข้ามีรากวิญญาณสีเหลืองก็ดีไปอย่าง เพราะมันคงคิดว่าข้าไม่คู่ควรให้มันต้องลงมือด้วยตัวเองสืบไป…’

 

หากหลี่อันมาได้ยินความคิดนี้ของต้วนหลิงเทียนคงได้ตกใจไม่น้อย

 

เพียงเพราะมันคิดแบบนี้จริงๆ!

 

ตอนแรกหลี่อันได้เตรียมใจไว้แล้ว ว่าหากพรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนออกมาเป็นรากวิญญาณสีครามจริงๆล่ะก็ แม้จะเสี่ยงแต่มันจะลงมือฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ได้โดยเร็วที่สุดด้วยมือของมันเอง!

 

ทว่าพอมาตอนนี้เมื่อเห็นว่าที่แท้พรสวรรค์รากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนกลับเป็นเพียง ‘รากวิญญาณสีเหลือง’ ที่ไม่ต่างอะไรกับศิษย์ดาษดื่นในลัทธิบูชาไฟ หลี่อันก็ไม่เห็นต้วนหลิงเทียนเป็นภัยคุกคามอะไรอีกสืบไป…

 

ก็แค่เฒ่าชรามีทักษะประหลาดปกปิดพรสวรรค์ต่ำต้อย ด้วยการเสแสร้งเป็นเด็กน้อยเท่านั้น…

 

ตัวไร้ราคาพรรค์นี้ มันคร้านจะลดตัวลงไปให้แปดเปื้อน!

 

‘อย่างไรก็ตามแม้หลี่อันมันจะไม่คิดลงมือกับข้าด้วยตัวเอง แต่ไม่วายต้องส่งลิ่วล้อทหารเลวออกมารังควาญข้าไม่เลิกแน่…ไหนจะยังมีคนของอาวุโสลำดับ 5 ของวังอุดรไพศาล หยางชง อะไรนั่นอีก…แต่ให้พวกมันมาเถอะ ไม่ว่าจะเสนอหน้ามากี่คนข้าจะกลืนพรสวรรค์รากวิญญาณพวกมันให้เหี้ยน! เอามาเสริมสร้างรากวิญญาณของข้า!!’

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นคึกคักขึ้นมา ร้อนวิชานัก!

 

กระทั่งยังแอบหวังว่าขอให้หยางชงกับหลี่อันรีบส่งคนมาเล่นงานเขาเร็วๆทีเถอะ!

 

‘นี่ข้าใจเร็วด่วนได้ไปรึเปล่า…ผู้เฒ่าหั่วเพียงบอกว่าเรื่องใช้ปฐมเวทย์กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณนั่น มันก็ยังเป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น ไม่รู้จะนำไปปฏิบัติจริงได้หรือไม่…ข้าจะกลืนกินรากวิญญาณผู้อื่นมาส่งเสริมพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเองได้รึเปล่า ก็ยังไม่ใช่เรื่องแน่ว่าจะทำได้…’

 

พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนเสมือนถูกน้ำเย็นราดรดศีรษะเต็มถัง ปลุกสติให้ตื่นจากอาการฝันกลางวันทันที…

 

เมื่อทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณเสร็จแล้วต้วนหลิงเทียนก็ล่าถอยกลับมารอที่เดิม

 

ทว่านับเป็นหนังคนละม้วนเลยก็ว่าได้ พอพบว่ารากวิญญาณของต้วนหลิงเทียนที่แท้เป็นแค่รากวิญญาณสีเหลือง ก็ไม่มีใครสนใจใยดีต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป

 

เพราะในสายตาของคนส่วนใหญ่

 

ต้วนหลิงเทียนก็เป็นแค่เพียงคนธรรมดาสามัญเหมือนกับพวกมันเท่านั้น!

 

ไม่คู่ควรให้พวกมันให้ความสนใจอะไร

 

อีกทั้งตอนนี้พวกมันยังปักใจเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนใช้ทักษะลับประหลาดบางประการที่ปกปิดได้กระทั่งอายุเพื่อแสร้งทำตัวไร้เดียงสา พวกมันยังถึงกับมองเหยียดต้วนหลิงเทียนด้วยสายตารังเกียจ

 

“เป็นเฒ่าชราพันปีแท้ๆ กลับเสแสร้งเป็นทารกน้อย เลอะเทอะยิ่งนัก!”

 

บางคนยังมองมาพร้อมกล่าวปรามาสต้วนหลิงเทียนอย่างไม่รู้ตัว

 

“หากเพียงเสแสร้งเป็นทารกน้อยก็ยังพอเข้าใจได้ แต่ครั้งนี้มันทำเกินไป! กล้าหลอกอาวุโสเพลิงเงินสองคนของแท่นบูชาเต่าทมิฬว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะ!ยังดีนักที่เรื่องจริงปรากฏขึ้นตอนทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณเช่นนี้!”

 

“คนเช่นนี้น่าขยะแขยงยิ่งนัก! ตอนแรกข้าหลงคิดว่าจะได้พบกับอัจฉริยะเยาว์วัยไร้ผู้ต้านเสียแล้ว แต่ไม่คิดเลยที่แท้กลับเป็นเฒ่าเหลวไหล ชมชอบละเล่นเป็นทารกน้อย!”

 

“ฮึ! หลอกลวงผู้คนพรรค์นี้ สมควรถีบส่งไปนรกขุมที่ 18 นัก! น่ารังเกียจยิ่ง!!”

 

……

 

ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจใยดีอะไรต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป แต่ก็มีบางคนที่อดไม่ได้จะมองเหยียดทั้งกล่าวล้อเลียนเสียดสีออกมาโดยไม่ทน

 

‘ไอเจ้าพวกนี้นี่…’

 

ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นขณะว่ายตามองไปยังผู้ที่กำลังมองเขาด้วยสายตาราวกับเห็นแมลงสาป แถมปากยังกล่าวเย้ยว่าเขาไม่หยุด ‘ข้าไปมีเรื่องอะไรกับพวกมันหรือก็เปล่า คนที่บ่นว่าข้าปลอมตัวมาเพราะความไม่รู้ก็ว่าไปอย่าง แต่เจ้าบ้านั่นมันไหวหรือไม่ อยู่ดีๆมาแช่งข้าให้ลงนรกขุมที่ 18 แบบนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยรึไงหา?’

 

คนที่มองเหยียดทั้งปากกล่าววาจาล้อเลียนต้วนหลิงเทียนนั้น ก็ลอยร่างอยู่ไม่ได้ไกลจากเขาสักเท่าไหร่ จึงเห็นชัดถนัดตายามเขาขมวดคิ้วมองมาด้วยความไม่พอใจ

 

“เฒ่าชราเจ้ามองหาอะไร? หรือเฒ่าชราเจ้าหงุดหงิดที่พวกเรากำลังกล่าวถึงเจ้า?”

 

หนึ่งในนั้นกล่าวเย้ยต้วนหลิงเทียนออกมาพร้อมแสยะยิ้ม

 

หากต้วนหลิงเทียนเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินหรือสีครามจริงๆ พวกมันย่อมไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงใกล้ๆ ด้วยกลัวว่าจะเป็นการสร้างความไม่พอใจให้ต้วนหลิงเทียน…

 

แต่ตอนนี้พอพวกมันรับทราบว่าต้วนหลิงเทียนก็แค่ รากวิญญาณสีเหลือง พวกมันก็เสมือนได้ทีขี่แพะไล่ ต่อให้พลังฝีมือพวกมันมีไม่เท่าต้วนหลิงเทียน แต่พวกมันก็พยายามจะด่าว่าทับถมลดความโดดเด่นของต้วนหลิงเทียนลง

 

กระทั่งการกระทำเช่นนี้เผลอๆ จะได้ใจอาวุโสเพลิงเงินอย่างหลี่อันที่ไม่ค่อยพอใจในตัวต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ แล้วไฉนพวกมันจะไม่กระทำ?

 

“เจ้าคิดจะพูดอะไรก็ระวังปากไว้บ้าง…”

 

ต้วนหลิงเทียนมองตอบมันด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย น้ำเสียงระอา

 

เขาพอจำชายวัยกลางคนที่กล่าวแขวะเขาคนนี้ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีรากวิญญาณเป็นสีเขียว และหากเขาจำไม่ผิดมันสมควรเรียกว่า กู่ชุน

 

ตอนนี้ยามกู่ชุนมองต้วนหลิงเทียน ไม่เพียงแววตาจะเผยความดูแคลน ยังแสยะยิ้มเย็นชาคล้ายเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับเขามาก่อนซะอย่างนั้น

 

“เฮอะ! อาศัยจอมยุทธ์เฒ่าที่มีรากวิญญาณสีเหลืองเช่นเจ้ากล้าชักสีหน้าปั้นปึ่งไม่พอใจใส่ข้างั้นหรือ?”

 

กู่ชุนอึ้งไปเล็กน้อย

 

แทบจะพอดีกันกับที่กู่ชุนสบถกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ พลันมีชายอีกคนที่คล้ายกลัวโลกหล้ายังวุ่นวายไม่พอกล่าวแทรกขึ้นมาว่า “กู่ชุน เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่ามันกล้ากระทั่งฆ่าลูกชายของอาวุโสลำดับ 5 แห่งวังอุดรไพศาล เช่นนั้นคนไร้หัวนอนปลายเท้าเช่นมันมีหรือจะกริ่งเกรงเจ้า!”

 

พอได้ยินวาจาของชายผู้นี้ กู่ชุนพลันนึกขึ้นได้ว่าต้วนหลิงเทียนหักคอหยางหวู่ตายคามือไปเมื่อวาน

 

ใจมันสะท้านไปทันใด

 

บางทีพรสวรรค์ของอีกฝ่ายอาจจะไม่สูงส่งเท่ามัน

 

ทว่าตัดสินจากการลงมือของอีกฝ่าย เห็นชัดว่ามิใช่ชนชั้นใจดีมีเมตตา กระทั่งกล้าลงมือสังหารหยางหวู่อย่างอำมหิตต่อหน้าอาวุโสหลี่อันโดยไม่กลัวเกรง!

 

จังหวะนี้เรียกว่าหน้าของกู่ชุนถอดสีไปทันที ไม่กล้าทำตัวร้ายกาจใส่ต้วนหลิงเทียนอีก!

 

จริงๆแล้วไม่ใช่อะไร…แค่มันกลัวโดนดีเท่านั้น!

 

เห็นหน้ากู่ชุนที่ตอนแรกคล้ายดั่งราชสีห์ดุร้ายแต่กลับกลายเป็นแมวเซาหลังได้ยินคำกล่าวของชายอีกคน ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่ากู่ชุนกำลังคิดอะไรอยู่…

 

เช่นนั้นเขาก็เพียงมองกู่ชุนทั้งแสยะยิ้มเยาะด้วยความดูถูกไปทีหนึ่ง ก่อนที่จะเลิกสนใจมันและหันไปดูชมผู้ที่เข้าร่วมทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณต่อ

 

เจอต้วนหลิงเทียนชักสีหน้าดูถูกยิ้มเยาะใส่แบบนี้ กู่ชุนถึงกับรู้สึกอับอายขายหน้านัก ยังรู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในใจ สองหมัดกำแน่นจนกระดูกลั่น ฟันกรามขบกันดังกรอดๆ

 

แต่สุดท้ายมันก็ไม่กล้าลงมืออะไร

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตปฐพีขั้นต้น แต่มันก็ไม่กล้าลงมืออย่างวู่วาม จนกว่าจะรู้พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนแน่ชัด…

 

ใครจะไปรู้ เกิดต้วนหลิงเทียนคนนี้มีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางหรือสูงกว่าขึ้นมา มันจะสู้อย่างไร?

 

‘ต้วนหลิงเทียน พรสวรรค์ของข้าสูงกว่าเจ้า ถึงแม้ตอนนี้ข้าจะยังสู้เจ้าไม่ได้ แต่ลูกผู้ชายล้างแค้นสิบปีไม่สาย วันใดที่พลังฝึกปรือข้าเหนือกว่าเจ้า วันนั้นข้าจะทุบตีเจ้าจนกระทั่งมารดาเจ้ายังจดจำหน้าตาเจ้าไม่ได้! ยังจะให้เจ้ามาคุกเข่าขอขมา! โขกหัวให้ข้าเสียหลายๆที!!’

 

กู่ชุนได้แต่คำรามออกมาในใจด้วยโทสะ ตอนนี้มันโมโหจนหายใจแทบไม่ทัน!

 

ความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆระหว่างกู่ชุนกับต้วนหลิงเทียนไม่ได้เอิกเกริกอะไรมากมาย คนส่วนใหญ่ยังคงให้ความสนใจกับการทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณ

 

หลังจากนั้นอีกพักใหญ่ การทดสอบพรสวรรค์รากวิญญาณก้จบลง และก็มีผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวปรากฏตัวขึ้นอีก 2 คนเท่านั้น

 

‘รากวิญญาณสีเขียว…’

 

มองไปยังสองคนที่มีรากวิญญาณสีเขียว ในสายตาของต้วนหลิงเทียนก็เผยความอิจฉาขึ้นมา เพราะจะอย่างไรรากวิญญาณของเขามันก็แค่สีเหลืองเท่านั้น

 

หลังจากประเมินพรสวรรค์รากวิญญาณเสร็จสิ้นแล้ว ต่อไปก็เป็นการเริ่มทดสอบพลังฝีมือ

 

การประเมินทดสอบพลังฝีมือนั้นแบ่งออกเป็น 2กลุ่ม

 

กลุ่มแรกคือการประเมินทดสอบของผู้ที่มีรากวิญญาณสีเขียว และการประเมินดังกล่าวก็ค่อนข้างง่ายดายนักขอเพียงบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ก็นับว่าผ่านแล้ว

 

ส่วนอีกกลุ่มนั้นสำหรับผู้ที่มีรากวิญญาณสีเหลือง เปรียบเทียบกับของอีกกลุ่มแล้ว การประเมินของคนกลุ่มนี้ยากกว่ากันมาก เป็นไปไม่ได้เลยีท่จะผ่านเกณฑ์หากพลังฝีมือไม่โดดเด่นและอยู่เหนือผู้อื่นในขอบเขตพลังเดียวกันจริงๆ และอย่างน้อยๆก็ต้องบรรลุขอบเขตเซียนปฐพีขั้นต้นก่อนด้วย…

 

“เหล่าผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวมากับข้า”

 

ตอนนี้เองอาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ หลี่อัน ในที่สุดก็กล่าวคำออกมาเสียที และหลังจากที่มันพูดจบมันก็นำคน 9 คนที่มีรากวิญญาณสีเขียวรวมถึง กู่ชุน ไปกับมันด้วย

 

มันมีหน้าที่ประเมินพลังฝีมือของคนกลุ่มนี้

 

และก่อนที่หลี่อันจะเหินร่างจากไป มันก็ไม่ลืมจะหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอาฆาต แววตาเย็นชาเปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหาร!

 

อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสแม้แต่น้อย

 

เรื่องนี้ยิ่งทำให้สีหน้าหลี่อันที่กำลังพาคนจากไปกลายเป็นถมึงทึงมากขึ้น…!