ชายหนุ่มสามคนและหญิงสาวอีกหนึ่งคนมาพร้อมกับมินิบัสที่เพิ่งเข้ามา พวกเขาคือเพื่อนสนิทที่สุดของอลิซและจอร์จินา บอนนี่ คาร์ไมน์ ชาร์ลอตต์ และคามิล
บอนนี่คือหญิงสาวชาวพื้นเมืองฮาวาย เธอมีตาชั้นเดียว จมูกแบน และความสูงเพียง 160 เซนติเมตร ภาพลักษณ์เธออาจดูธรรมดาแต่เธอมีร่างกายที่สมส่วนและเย้ายวน
คาร์ไมน์คู่รักของบอนนี่ เขาเป็นคนพื้นเมืองแท้ ๆ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้สูงมากขนาดนั้นแต่เขาก็ดูแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อสมส่วน
ชาร์ล็อตต์แฟนหนุ่มของจอร์จินาเป็นคนผิวขาวและผอม เขาสวมเสื้อยืดหลวม ๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อเท่าไหร่แต่น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยพลัง
คามิลเป็นชายหนุ่มผิวขาว เขาสวมแว่นตากันแดดสีดำปีกกว้าง ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างเงียบขรึมและเก็บตัวกว่าคนอื่น ๆ พอได้เจอกับอลิซและจอร์จินาเขาก็ทักทายโดยการแปะมือเสร็จแล้วก็กลับไปยืนเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรตามเดิม
เมื่อคนหนุ่มสาวได้มารวมตัวกันอลิซก็ได้แนะนำทุกคนและจางลี่เฉินให้ได้รู้จักกันและบอกให้ชาร์ล็อตต์พาทุกคนไปซุปเปอร์มาร์เก็ตโดยใช้มินิบัสคันนี้ก่อนที่จะเย็นเกินไป ทั้งเนื้อสัตว์ ขนมปัง ผักและผลไม้ที่ต้องการสำหรับบาร์บีคิวคืนนี้ล้วนแต่เป็นเงินของอลิซทั้งสิ้น
เมื่อเตรียมของครบหมดแล้วทุกคนก็ขึ้นรถเพื่อออกจากเมืองโฮโนลูลูไปพร้อม ๆ กับการร้องเพลงที่สนุกสนาน ด้วยการแสดงออกที่น่าตื่นเต้นของทุกคนทำให้อลิซลืมความตั้งใจเดิมของเธอที่ต้องการจะแก้แค้นจางลี่เฉินไปชั่วขณะ เธอดื่มด่ำกับความสุขของการออกไปตั้งแคมป์กับเพื่อน ๆ จนลืมทุกอย่าง
หลังขับรถออกมาได้เกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็ออกจากเส้นทางเมืองท่องเที่ยวมาเป็นถนนเลนกว้างแทน ทันใดนั้นคาร์ไมน์ก็ยืนขึ้นพร้อมปรบมือเสียงดังก่อนจะตะโกนออกมาว่า “เราออกจากเมืองกันมาแล้ว ชาร์ล็อตต์ เร่งเครื่องเร็วเข้า แล้วเปิดแต่เพลงสนุก ๆ ด้วยล่ะ! นายบอกว่าไปแก้เครื่องเสียงรถมาแล้วใช่ไหม?”
“โอ้ มันไม่ได้แค่แก้ไขเครื่องเสียงเท่านั้นหรอกนะเพื่อนแต่ฉันยังไปอัพเกรดระบบเสียงเพิ่มขึ้นอีกด้วย!” ชาร์ล็อตต์ที่คุมพวงมาลัยว่าก่อนจะเอื้อมมือไปกดปุ่มเพลงบนคอนโซลกลางรถ เมื่อเสียงพึมพำที่ดังกึก ๆ กังวานเขาก็สั่นร่างกายของเขาและตะโกนโต้กลับไปว่า “เป็นไงคาร์ไมน์ มันเจ๋งสุด ๆ ไปเลยใช่ไหม!”
“นายคือเพื่อนที่เยี่ยมที่สุดไปเลยชาร์ล็อตต์!” คาร์ไมน์เขย่าร่างกายตัวเองอย่างตื่นเต้นไปกับเสียงเพลงที่อึกทึก เขาเคลื่อนไหวตัวไปหาชาร์ล็อตต์พร้อมกับท่าเต้นจากเพลงเร็กเก้จากนั้นคนขับรถก็ปล่อยมือทั้งสองข้างออกจากพวงมาลัยเพื่อมาสนุกด้วยตาม
“พอได้แล้ว! พวกนายจะบ้ากันไปใหญ่แล้วนะ! ชาร์ล็อตต์ตั้งใจขับรถแล้วมองทางด้วยสิ!” เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากทั้งสองคนสาว ๆ ในรถก็เริ่มตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ อย่างไรก็ตามเสียงของพวกเธอไม่ใช่เสียงดุที่หมายถึงการไม่พอใจอะไร
ภายใต้แสงของพระอาทิตย์ที่กำลังตกดิน มินิบัสได้เคลื่อนตัวเข้าไปยังลานจอดรถขนาดใหญ่ที่สุดขอบถนนด้วยเสียงเพลงที่ยังคงดังกึกก้องมาตลอดทาง
เมื่อมินิบัสหยุดนิ่งจางลี่เฉินที่ซบเซาด้วยเสียงเพลงดัง ๆ ก็มองออกไปรอบ ๆ หน้าต่างก่อนจะพูดว่า “พวกเรามาถึงแล้วงั้นหรอ? แต่นี่มันยังห่างจากภูเขาอีกมากเลยนี่”
“ถนนสิ้นสุดแค่ตรงนี้ เราต้องเดินเท้ากันไปเองในส่วนที่เหลือ” อลิซยิ้มตอบ “ใช่แล้วมิสเตอร์ลี่เฉิน ทุกคนต้องแบ่งเบาภาระข้าวของที่นำมาด้วยกันหากต้องการตั้งแคมป์บาร์บีคิวใกล้ภูเขาไฟ ฉันแนะนำให้คุณทิ้งของต่าง ๆ ไว้ในรถนี่ก่อนจะดีกว่า เพราะหากตัดสินใจจากร่างกายของคุณแล้วมันคงจะหนักสำหรับคุณเกินไป”
แม้เขาจะทิ้งโครโคดราก้อนไว้ที่นิวยอร์กและเหลือเพียงเมานท์โทดและเกาะมังกรอยู่ข้างกายเขาก็ไม่ได้กลัวว่าอลิซจะทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อเขาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามการเล่นตลกโดยไม่มีคำอธิบายก่อนล่วงหน้ามันทำให้เขารู้สึกรำคาญใจเล็กน้อยขึ้นมาแทน
หลังจากเห็นทุกคนเริ่มแบกข้าวของไว้บนหลังอย่างง่าย ๆ ราวกับพวกมันคือพลาสติกที่นำมาด้วยแล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจัดสิ่งของต่าง ๆ ให้เหมาะสม
โชคดีที่พื้นที่ในกระเป๋าเดินป่าผ้าใบของเขาที่เต็มไปด้วยเมานท์โทดมีขนาดใหญ่มากพอ หลังจากยัดรังผึ้งที่เพิ่งซื้อมาใส่เข้ากระเป๋าเสร็จจางลี่เฉินก็เดินออกจากรถเพื่อไปสูดอากาศบริสุทธิ์
แม้ว่าที่ลานจอดรถที่สุดขอบถนนนี้จะมีขนาดใหญ่แต่ก็มีรถยนต์จอดอยู่เพียงไม่กี่คัน มีบ้างที่มีคนหนุ่มสาวปรากฏตัวแต่พวกเขาก็ล้วนแต่มีร่างกายที่แข็งแรงทั้งสิ้น
เมื่อจางลี่เฉินถือกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาและกำลังเดินไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับอลิซและคนอื่น ๆ พวกเขาก็เหลือบไปเห็นรถเอสยูวีที่ส่งเสียงดังพุ่งเข้ามาในลานจอดรถและหยุดตัวในทันทีเข้าเสียก่อน
หน้าต่างรถเอสยูวีถูกเลื่อนลงเผยให้เห็นชายหนุ่มสวมเสื้อกล้ามพร้อมโชว์แขนหนาและรอยสักกะโหลกสีเงินของเขายื่นหัวออกมาก่อนที่จะตะโกนด้วยรอยยิ้ม “เฮ้! คาร์ไมน์! ไม่คิดว่าจะได้เจอนายที่นี่นะเนี่ย! โอ้ สวัสดีทุกคน! ไม่เห็นพวกนายออกมาตั้งแคมป์บาร์บีคิวกันตั้งนาน”
“แอนเน็ตต์เพื่อนรัก! นายมีพ่อที่ดีดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วนายจึงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ แต่เราไม่ได้รับอิสระแบบนั้นนายก็รู้!” ค่อนข้างน่าแปลกใจที่คาร์ไมน์กล่าวทักทายกับชายที่มีรอยสักรูปกระโหลกคนนั้นอย่างกระตือรือร้น
“ฟอร์ตคันใหม่ใช่มั้ยเนี่ย! นี่นายใช้เงินจากพ่อไปเท่าไหร่แล้วเนี่ยห้ะ?!” ชาร์ล็อตต์วิ่งไปที่ด้านข้างของรถด้วยความตื่นเต้นอีกคนก่อนจะแสดงความคิดเห็นพร้อมกับหัวเราะ
“รถคันเก่าน่ะ ตอนนี้ฉันขอซื้อรถใหม่ ๆ ไม่ได้เลย” แอนเน็ตต์ส่ายหัวก่อนจะพูดเสียงดังเพื่อแสดงความรู้สึก “ฉันพาเพื่อนใหม่สามคนมาตั้งแคมป์ที่นี่ด้วยแล้วก็บังเอิญเจอกับพวกนายเข้าพอดี ทำไมเราไม่ไปตั้งแคมป์ด้วยกันเลยล่ะ?”
“เอ่อ…” ชาร์ล็อตต์และคาร์ไมน์หันหน้าไปมองอลิซด้วยความลังเล พวกเขาจ้องมองหญิงสาวที่คิดจะแกล้งจางลี่เฉินเลยเรียกรวมตัวเพื่อน ๆ ทุกคนมาเพื่อออกไปตั้งแคมป์บนเขตพื้นที่ภูเขาไฟเพื่อทำบาร์บีคิวเพียงเพื่อระบายความรำคาญของเธอก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ได้แน่นอน!”
“เยี่ยม! งั้นเดี๋ยวฉันจะเอารถไปจอดข้าง ๆ พวกนายเลยก็แล้วกัน!” แอนเน็ตต์ว่าก่อนจะเคลื่อนรถไปจอดข้าง ๆ รถพวกเขาอย่างสวยงาม จากนั้นเขาก็ลงมาจากรถพร้อม ๆ กับเพื่อนอีกสามคนของเขาซึ่งเป็นผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงสองคน
ผู้หญิงสองคนที่เดินลงจากรถมีผมสีบลอนด์ ริมฝีปากสีแดง และร่างกายที่แสนเซ็กซี่ แม้ว่าพวกเธอจะสวมใส่ชุดลำลองกลางแจ้งและไม่ได้สวยงามเท่าอลิซและจอร์จินาแต่วิธีการเคลื่อนไหวร่างกายของพวกเธอก็มีเสน่ห์มากในสายตาของผู้ชาย
“นี่คือแอชลีย์ แคโรไลน์ และเชลซี แอชลีย์และแคโรไลน์เป็นนางแบบจากลอสแองเจลิสที่มาฮาวายเพื่อพักร้อนส่วนเชลซีเป็นช่างภาพของพวกเธอ”
เมื่ออลิซได้ยินแอนเน็ตต์แนะนำผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาในฐานะนางแบบแล้ว ด้วยความไม่อยากยอมแพ้ของเธอเธอเลยแนะนำจางลี่เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปว่า “นี่คือมิสเตอร์จางลี่เฉิน แฟนหนุ่มของทีน่า ดั๊กลินลูกสาวประธานกลุ่มการเงินดั๊กลินของนิวยอร์ก! ฉันเพิ่งรู้จักกับทีน่าตอนที่เธอมาเที่ยวฮาวายเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาและพวกเราก็เข้ากันได้ดีมาก เธอมีเหตุจำเป็นต้องไปเกาะคาไวเธอเลยวานให้ฉันช่วยดูแลลี่เฉินแทน”
อาจกล่าวได้ว่านามสกุลดั๊กลินเป็นที่รู้จักกันดีทั่วอเมริกา เมื่อได้ยินการแนะนำของอลิซ แอนเน็ตต์และเพื่อนสามคนของเขาที่ไม่ได้สนใจชายหนุ่มร่างผอมคนนี้มาตั้งแต่ต้นก็เริ่มมองเห็นจางลี่เฉินได้อย่างชัดเจนแล้วในตอนนี้
“ฉันมักจะเห็นนามสกุลดั๊กลินอยู่บนหน้านิตสารตลอด เธอเป็นแฟนของคุณจริง ๆ น่ะเหรอ?” ทันใดนั้นแอชลีย์หนึ่งในสองนางแบบก็เอ่ยถามจางลี่เฉินด้วยท่าทีที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
“จะพูดแบบนั้นก็ได้” จางลี่เฉินพยักหน้า
“ถ้าให้ฉันเดาแสดงว่าพ่อของคุณจะต้องเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ในวอลล์สตรีทเหมือนกันด้วยใช่มั้ย?” คำถามที่ไม่ค่อยจะดูดีเท่าไหร่แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ใช้น้ำเสียงรำคาญในการถามเขาเลยไม่ได้อะไร
“เปล่า ผมเป็นคนจีน”
“โอ้! ขุนนางแดง! ลูกหลานของนักปฏิวัติผู้ยิ่งใหญ่!” ดวงตาของแอชลี่ย์ส่องสว่างยิ่งขึ้น ทุกคนที่อยู่ในวงการวานิตี้ แฟร์จะเข้าใจดีว่าคำว่า “ขุนนางแดง” หมายถึงอะไร
“ไม่ใช่” จางลี่เฉินส่ายหน้า
“ออกเดินทางกันได้แล้ว เดี๋ยวท้องฟ้าก็มืดกันพอดี” เมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาพยายามไล่ตามมาตลอดสามวันที่ผ่านมาจนในที่สุดก็ยอมตกลงมาร่วมแคมป์ภูเขาไฟในครั้งนี้ด้วยกำลังสนใจจางลี่เฉินอย่างออกหน้าออกตา แอนเน็ตต์ไม่สามารถระงับอารมณ์คำราญที่เกิดขึ้นมาได้จึงตะโกนออกไปเสียงดัง
ราวกับอารมณ์ของอลิซสดใสขึ้นมาในทันที ชายหนุ่มผอมบางที่แต่เดิมแล้วคือคนที่น่ารำคาญสำหรับเธอได้กลายเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้นแล้วในขณะนี้
หลังจากที่เริ่มออกเดินทางเธอก็หันไปถามชายหนุ่มที่เดินอยู่ข้าง ๆ “ลี่เฉิน ฉันได้ยินมาจากทีน่าว่าคุณเริ่มทำธุรกิจในนิวยอร์ก มันคือธุรกิจประเภทอะไรงั้นเหรอ?”
“โรงฆ่าสัตว์” จางลี่เฉินตอบกลับด้วยเสียงเงียบ ๆ เรื่องนี้ทำให้อลิซเสียคำพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะทำให้คนอื่น ๆ หัวเราะเสียงดังตามมา
“โรงฆ่าสัตว์? มันจะต้องมีขนาดใหญ่มากแน่ ๆ! ธุรกิจของนายคงไปได้สวย! ตอนนี้สามารถทำรายได้ต่อปีได้ประมาณเท่าไหร่แล้วล่ะ?” ชาร์ล็อตต์ถามพร้อมเสียงหัวเราะ
สำหรับจางลี่เฉินที่กำลังเหนื่อยเพราะพวกเขากำลังเดินไต่เขาบนเส้นทางเดินป่าที่มีความลาดชันอยู่นั้นกำลังคิดเรื่องคำตอบที่จะพูดออกไป มันจะยิ่งซับซ้อนถ้าหากเรื่องนี้ยังถูกถามไม่จบไม่สิ้น ทันใดนั้นก็มีเสียงบี๊บแปลก ๆ ดังก้องออกมาจากป่าข้างทาง โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า แสงสีเหลืองจาง ๆ ก็สว่างขึ้น
ร่างของชายหนุ่มแข็งทื่อไปขณะหนึ่งเมื่อเขาหยุดชะงัก สมองของเขาเริ่มวิเคราะห์อย่างรวดเร็วก่อนจะตอบออกไปอย่างซื่อสัตย์ “โรงฆ่าสัตว์ภายใต้ชื่อของฉันเพิ่งเสร็จสิ้นการขยายช่วงแรกไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา มันอาจจะสร้างรายได้ 20 ถึง 30 ล้านดอลลาร์ในปีนี้และเมื่อการขยายตัวในปีหน้าเสร็จสิ้นก็น่าจะสามารถสร้างกำไรสุทธิได้อย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์”
“ฮะ! กำไรสุทธิอย่างน้อย 100 ล้านดอลลาร์! อย่ามาล้อเล่น…” ชาร์ล็อตต์ผู้ที่หันไปให้ความสนใจกับเสียงแปลก ๆ และแสงสีเหลืองหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“ตลกงั้นเหรอ? ไม่เลย! โรงฆ่าสัตว์ LS แห่งใหม่เป็นผู้คุมการฆ่าสัตว์ที่แท้จริงของตลาดขายเนื้อนิวยอร์ก พวกนายสามารถค้นหาชื่อนี้ทางออนไลน์และตรวจสอบมันดูเองเลยก็ได้ จำได้ว่ามันมีเขียนไว้ในชื่อเว็บไซต์ทางการอยู่”
ประโยคนี้ดึงดูดความสนใจของทุกคนจากการเดินป่ากลับไปที่จางลี่เฉินได้อีกครั้ง
“นายแค่ล้อเล่นใช่ไหมลี่เฉิน?” จอร์จินาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ไม่เลย” ด้วยความช่วยเหลือจากแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ จางลี่เฉินมองไปที่ภูเขาไฟในระยะทางที่ล้อมรอบไปด้วยป่าไม้ในขณะที่หมอกควันสีดำเริ่มปล่อยออกมา “จอร์จินา เราต้องปีนขึ้นไปถึงส่วนคอดของภูเขาไฟเพื่อไปยังพื้นที่ภูเขาไฟเลยหรือเปล่า? หรือแค่เพียงเชิงเขาของภูเขาไฟเท่านั้น?”
จอร์จินาตกตะลึงไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างโล่งอก “เชิงเขาภูเขาไฟก็พอ” ขณะที่หญิงสาวกำลังพูดอยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะะแต่งตัวคอสเพลย์ตัวละครในดันเจียนส์ & ดราก้อนส์เดินออกจากป่ามา