ตอนที่ 2808 เงื่อนไขของซือเฟิง

“ไม่สามารถจะยอมรับเงื่อนไขได้ ?”

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม คุณหมายความว่ายังไง ?”

ทั้งหมิงเทียนจางชุ่ย และผู้อาวุโสหวู่นั้นอดไม่ได้ที่จะมองไปยังซือเฟิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา

ในเวลานี้สมาชิกของกองกำลังต่างๆที่เฝ้าดูสถานการณ์นี้ก็ตกตะลึงมากๆ พวกเขานั้นคิดว่ามันจะเป็นการต่อสู้ระหว่างมังกรกับมังกรแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการจะดูว่าสภาสิบแปดปีกจะเลือกยังไง แต่ไอ้การปฎิเสธแบบตรงๆทื่อๆนี่มันบ้าอะไรกัน ?

“ฉันว่าแบล๊คเฟรมคงคิดจะเรียกร้องเอาบางอย่างที่มากกว่านี้ เมื่อเห็นว่าเงื่อนไขของสิบสามบัลลังก์กับสี่นักบุญเท่าเทียมกัน ถ้าให้ฉันเดาก็อาจจะเป็นการยืมพลังของหนึ่งในสองกิลนี้ …”

“มันก็อาจจะเป็นไปได้ … เพราะท้ายที่สุดตอนนี้สถานการณ์ในอาณาจักรทวินทาวเวอร์นั้นไม่ได้ดีมากนัก ดังนั้นมันก็พอมีความเป็นไปได้ที่แบล๊คเฟรมจะไม่ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองแล้ว”

“ถ้าฉันเป็นแบล๊คเฟรม ฉันก็อาจจะตัดสินใจทำคล้ายๆกับเขานะ เพราะท้ายที่สุดแล้ว ดินแดนทรัพยากร ป้อมปราการ มรดกขั้นสี่ ทั้งหมดที่มันอยู่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกนั้นมันมีค่ามากๆ ดังนั้นทำไมฉันจะต้องมายกครึ่งหนึ่งให้กับคนอื่นๆง่ายโดยแค่แลกกับใบอนุญาติสร้างเมือง ? เพราะท้ายที่สุดแล้วถ้าปราศจากซึ่งอำนาจของแบล๊คเฟรม มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเข้าไปยึดแหล่งทรัพยากรต่างๆวอร์
บลัด แม้ว่าซุเปอร์กิลทั้งสองจะร่วมมือกันก็ตาม”

ทุกคนในปัจจุบันนั้นอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างชื่นชม และเข้าใจในสิ่งที่ซือเฟิง
กระทำ โดยตอนนี้ในเมื่อเขาทำแบบนี้ มันก็จะทำให้ซุเปอร์กิลทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องถามหาสิ่งที่เขาต้องการ หรือเสนอทุกอย่างออกมาให้มากขึ้น

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องที่ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นให้ความสำคัญกับการเลื่อนขั้น เป็นขั้นสี่กันอย่างมาก

ในตอนนี้นั้น ในมหาอำนาจบางกลุ่มมันเริ่มจะมีผู้เล่นขั้นสี่ปรากฎตัวขึ้นมาแล้ว แต่ซุเปอร์กิลทั้งสองกิลนี้กับยังไม่มีผู้เล่นขั้นสี่เลยแม้แต่คนเดียว ซึ่งการจะบอกว่าตอนนี้ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นจัดว่าล้าหลังในเรื่องพลังการต่อสู้ขั้นสูงสุด มันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ดังนั้นการที่จะทำให้ผู้เล่นของพวกเขาเลื่อนขั้นไปเป็นขั้นสี่ให้ได้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับซุเปอร์กิลทั้งสอง ไม่งั้นด้วยสถานะของซุเปอร์กิลทั้งสอง พวกเขาจะไม่มีวันยอมมาขอความร่วมมืออย่างจริงจังแบบนี้แน่นอน

ในระหว่างที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซือเฟิงก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าพึ่งเข้าใจฉันผิด ฉันเข้าใจและรับรู้ได้ถึงความจริงใจของพวกคุณทั้งสอง แต่ตอนนี้สภาสิบแปดปีกเรายังไม่ได้ต้องการสร้างเมืองแบบเร่งด่วน ดังนั้นฉันจึงไม่ได้ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองเลย ….”

“คุณไม่ได้ต้องการใบอนุญาติสร้างเมืองงั้นหรอ ?” เมื่อได้ยินคำพูดของซือเฟิง ทั้งผู้อาวุโสหวู่ และหมิงเทียนจางชุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “งั้นคุณต้องการอะไรกัน ? หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม”

ในเวลานี้ทั้งสองเริ่มรู้สึกว่าซือเฟิงกำลังล้อเล่นกับพวกเขา และทำให้พวกเขาดูเป็นตัวตลก หรือไม่ก็เด็กสามขวบที่ไม่ประสีประสาอะไร ….

หากประโยคนี้ถูกพูดโดยผู้นำหรือพวกระดับสูงของกองกำลังอื่นๆ พวกเขาก็ยังคงพอจะเชื่อได้บ้าง เพราะท้ายที่สุดแล้วใบอนุญาติสร้างเมืองที่ช่วยให้สร้างเมืองกิลได้นั้น มันก็จะช่วยแค่เพิ่มฐานที่มั่นของกิลขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งในยุคที่กองกำลัง NPC เริ่มก่อความวุ่นวายนี้ ฐานที่มั่นก็จะต้องการคนจำนวนมากเพื่อปกป้องมัน ดังนั้นมันจึงมาพร้อมกับเรื่องที่ยากลำบากเช่นกัน

แต่สำหรับสภาสิบแปดปีกนั้นมันไม่ใช่ !!!

อย่างไรก็ตามพวกเขาสองคนก็ไม่ได้พยายามโต้แย้งคำพูดของซือเฟิง ตรงกันข้ามพวกเขาสองคนได้แสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็นมาก เพื่อตรวจสอบเจตนาที่แท้จริงของซือเฟิง

“กำลังคน !!!” ซือเฟิงหัวเราะ ขณะที่มองไปยังทั้งสองคนที่พยายามแสร้งทำท่าทีอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่เขาจะกล่าวต่อว่า “บางทีพวกคุณสองคนอาจจะไม่เชื่อ แต่สิ่งที่สภาสิบแปดปีกขาดอยู่ในตอนนี้นั้นคือกำลังคน ไม่ใช่อย่างอื่นๆแบบที่พวกคุณคิดเลย ถ้ากิลทั้งสองของพวกคุณต้องการจะร่วมมือกับสภาสิบแปดปีกในเรื่องชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลก พวกคุณก็ช่วยแสดงความจริงใจในแบบที่ฉันอยากได้ออกมาให้เห็นหน่อย …”

ใบอนุญาติสร้างเมืองนั้นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับซือเฟิงจริงๆ เพราะท้ายที่สุดแล้วเขามีแบบแปลนป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กแล้ว

โดยป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันจะมีขนาดเท่ากับครึ่งเมือง สำหรับหอคอยแห่งพันธสัญญาลับมันจัดเป็นดินศักสิทธิ์ในเรื่องการเก็บเลเวล และมรดกที่สมบูรณ์ขั้นสาม ดังนั้นการอาศัยเมืองกิลเพียงอย่างเดียวมันจึงไม่เพียงพอที่จะผูกขาดหอคอยไว้แน่นอน มันมีเพียงแต่ฐานที่มั่นที่เคลื่อนที่ได้เท่านั้นที่จะช่วยรับประกันการผูกขาดได้

ซึ่งสาเหตุมันก็เป็นเพราะเมืองกิลนั้นแทบจะไม่สามารถโจมตีคนอื่นๆก่อนได้เลย ส่วนใหญ่มันสามารถทำได้แค่ป้องกันเท่านั้น และหน้าที่ที่เมืองกิลมีนั้นมันก็แค่การเป็นที่พักผ่อนให้กับผู้เล่น และช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปยังหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ โดยท้ายที่สุดแล้วพวกเขาจะสามารถผูกขาดหอคอยแห่งพันธสัญญาลับไว้ได้ไหม มันก็ยังขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของพวกเขาเองเหมือนเดิม

ดังนั้นนี่มันจึงไม่ใช่สิ่งที่สภาสิบแปดปีกในปัจจุบันต้องการ

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันแตกต่างออกไป

ป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นไม่เพียงแต่จะมีการป้องกันที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่มันยังสามารถจะถูกใช้ในเชิงรุกได้ด้วย ไม่งั้นในชีวิตที่ผ่านมาของซือเฟิง มันคงไม่มีใครที่จะยอมเอาเมืองหลักของกิลสามเมือง มาแลกกับป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กเพียงแห่งเดียวหรอก

“กำลังคน ?”

ผู้อาวุโสหวู่และหมิงเทียนจางชุ่ยพยักหน้าให้กับคำพูดของซือเฟิง ก่อนที่พวกเขาทั้งสองจะส่งสายตาหากันเป็นเชิงเข้าใจกันว่าให้ดูต่อไปว่าสรุปแล้วซือเฟิงต้องการอะไร และแบบไหนกัน ….

“งั้นหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม วางแผนจะร่วมมือกับทั้งสองกิลของเราอย่างไร ?” ผู้อาวุโสหวู่เป็นตัวแทนถามขึ้น
“ง่ายมาก ฉันต้องการกำลังคนจากทั้งสองกิลของพวกคุณ โดยกำลังคนที่ว่านั้นก็คือพวกคุณแต่ละกิลจะต้องส่งปรมาจารย์นักเล่นแร่แปรธาตุสองร้อยคน ปรมาจารย์สถาปนิกห้าร้อยคน ปรมาจารย์นักเวทย์หนึ่งร้อยคน ปรมาจารย์ช่างตีเหล็กสองคน และปรมาจารย์นักเวทย์ขั้นสูงสองคนมาทำงานให้ฉัน และนอกเหนือจากนั้นฉันก็ต้องการผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคนจากพวกคุณ โดยทุกอย่างจะต้องถูกส่งมาให้ฉันภายในครึ่งเดือน” ซือเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “ถ้าพวกคุณทั้งสองคนจัดให้ฉันได้ตามนี้ ฉันจะยกป้อมปราการขนาดเล็กสองแห่งของวอร์บลัดให้”

เมื่อซือเฟิงพูดจบ ผู้อาวุโสหวู่ และหมิงเทียนจางชุ่ยก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้ยินเลย นี่ซือเฟิงมาไม้ไหนกัน ?

ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ต้องการใบอนุญาติสร้างเมือง แต่เขายังต้องการแค่ผู้เล่นสายอาชีพจำนวนหนึ่ง พร้อมกับผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคนจากแต่ละกิลของพวกเขา ซึ่งสำหรับมหาอำนาจแบบพวกเขาในปัจจุบันที่มีผู้เล่นขั้นสามมากกว่าสี่แสนห้าหมื่นคนนั้น การที่ซือเฟิงขอแค่นี้มันนับว่าไม่ได้เป็นอะไรเลยสำหรับกิลทั้งสองของพวกเขา

ในทางตรงกันข้าม ซือเฟิงกับเสนอค่าตอบแทนที่ดีมากๆ

ป้อมปราการขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในชั้นใต้ดินชั้นที่ของหอคอยโลก ด้วยป้อมปราการขนาดเล็กนี้ทั้งสองกิลของพวกเขาจะมีความมั่นใจในการจะสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกขึ้นมาก และพวกเขาก็ยังสามารถจะเตรียมตัวสำรวจชั้นใต้ดินชั้นที่ห้าได้ง่ายขึ้นด้วย

“คุณสองคนคิดยังไงล่ะ ?” ซือเฟิงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

ใบอนุญาติสร้างเมือง ?

ป้อมปราการขนาดเล็กที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลก ?

มรดกขั้นสี่ ?

ตอนนี้สิ่งเหล่านี้มันไม่ได้จำเป็นสำหรับเขาเลย เพราะตราบเท่าที่เขาสามารถสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กออกมาได้สำเร็จเมื่อไหร่ มันก็จะไม่มีใครใน God domain ที่จะสามารถเขย่าสภาสิบแปดปีกได้อีก และแม้แต่ผู้เล่นขั้นสี่ก็ไม่สามารถจะทำได้ด้วยเช่นกัน !!
เพียงแต่ว่าการสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กนั้นมันก็จำเป็นจะต้องใช้กำลังคนที่มีฝีมือสายอาชีพจำนวนมาก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ซือเฟิงจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเองเลย เดิมทีเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องการขาดกำลังคนมากๆ และเขาคิดกระทั่งว่าจะยอมปิดบริษัทการค้าแสงเทียนทั้งหมดสักช่วง เพื่อให้ผู้เล่นสายอาชีพทั้งหมดของบริษัทมาช่วยกันสร้างป้อมปราการเคลื่อนที่ขนาดเล็กด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามตอนนี้ซุเปอร์กิลทั้งสองได้ยื่นโอกาสนี้มาให้เขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงจะไม่ยอมพลาดแน่นอน

“หัวหน้ากิลแบล๊คเฟรม สิ่งที่คุณพูดเป็นความจริงงั้นหรอ ?” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวถามด้วยความไม่เชื่อเล็กน้อย

“โปรดมั่นใจได้เลย เราสามารถที่จะทำสัญญากันได้ สำหรับป้อมปราการขนาดเล็กทั้งสองแห่ง พวกเราสภาสิบแปดปีกจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการใดๆของป้อมปราการเลย มันจะเป็นของพวกคุณโดยสมบูรณ์ และพวกเราก็จะช่วยป้องกันเรื่องปัญหาของ NPC จากมือลับเท่าที่เราจะช่วยได้ด้วย” ซือเฟิงพยักหน้า และพูดด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ

“ถ้าหัวหน้ากิลแบล๊คเฟรมพูดแบบนั้น ฉันก็ยินดีจะยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมดในนามตัวแทนของสิบสามบัลลังก์” ผู้อาวุโสหวู่กล่าวโดยไม่ลังเล

แม้ว่ากำลังคนจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกิลของพวกเขาเช่นกัน แต่จำนวนที่ซือเฟิงร้องขอนั้นมันก็อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาจะสามารถให้ได้ และมันก็จัดว่าคุ้มค่าด้วยซ้ำที่จะทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้กับซือเฟิง

“สี่นักบุญของเราก็ยอมรับเงื่อนไขของคุณทั้งหมดเช่นกัน !!” หมิงเทียนจางชุ่ยกล่าวพลางพยักหน้าด้วยความสุข

พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องจ่ายด้วยของมีค่าอย่างใบอนุญาติสร้างเมืองเพื่อยึดป้อมปราการของวอร์บลัด พวกเขาเพียงแค่ต้องจ่ายด้วยกำลังคนเพื่อยึดมันเท่านั้น เรื่องนี้มันจัดว่าคุ้มมากๆแน่นอนสำหรับพวกเขา

สำหรับเรื่องปัญหาจากมือลับนั้น เมื่อซือเฟิงรับปากมาแล้ว และด้วยฐานะของเขาในกองอัศวินดาวศักสิทธิ์ มันจะทำให้พวกมือลับไม่กล้าโจมตีพวกเขาแบบมั่วๆในหอคอยโลกแน่นอน ส่วนพวกผู้เล่นขั้นสี่คนอื่นๆ และสมาชิกของวอร์บลัดที่เหลือนั้นมันไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย พวกเขามีวิธีจะจัดการได้อยู่แล้ว

ในตอนนี้เองกองกำลังอื่นๆที่เฝ้าดูอยู่นั้นก็เริ่มรู้สึกอิจฉาทั้งสองกิลมากเช่นกัน พวกเขาไม่คิดเลยว่าซือเฟิงจะผ่อนคลายเงื่อนไขลงมากขนาดนี้ ….

แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่ซุเปอร์กิลทั้งสองนั้นก็คงจะไม่มีใครสามารถจ่ายได้แล้ว แม้ว่าเงื่อนไขมันจะผ่อนคลายลงมากก็ตาม เพราะท้ายที่สุดไม่ต้องพูดถึงบรรดาผู้เล่นระดับปรมาจารย์ที่ซือเฟิงร้องขอเลย แม้แต่ผู้เล่นขั้นสามหนึ่งหมื่นคน ถ้าพวกเขากองกำลังใดกองกำลังหนึ่งต้องสูญเสียไป มันก็จะลดพลังการต่อสู้ของพวกเขาลงอย่างมากแน่นอน

ในไม่ช้าทั้งสามฝ่ายก็ได้เซ็นสัญญา และลงนามร่วมกัน โดยกำลังคนที่ถูกส่งมาจากทั้งสองกิลให้ซือเฟิงนั้นจะต้องเสร็จสิ้นภายในครึ่งเดือน และการกระทำทั้งหมดของพวกเขาในช่วงที่ทำงานให้กับซือเฟิงนั้นจะต้องถูกเก็บเป็นความลับทั้งหมด แม้แต่กับกิลของตัวเองก็ตาม

หลังจากเซ็นสัญญา และลงนามร่วมกันเรียบร้อย ซุเปอร์กิลทั้งสองก็เริ่มส่งบุคลากรของตัวเองที่ซือเฟิงต้องการเข้ามายังเกาะดราก้อนฮาร์ทอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากสัญญาจะมีผลบังคับใช้ก็ต่อเมื่อซือเฟิงได้รับกำลังคนตามที่เขาเรียกร้องครบ ซึ่งหากไม่ครบ ซุเปอร์กิลทั้งสองของพวกเขาก็ยังไม่สามารถจะเริ่มการเข้ายึดป้อมปราการขนาดเล็กของวอร์บลัดในชั้นใต้ดินชั้นที่สี่ของหอคอยโลกได้

ในระหว่างนี้เองซือเฟิงที่ยังคงอยู่ในชั้นที่สามของร้านค้าพ่อค้าเร่ก็ได้นำไอเทมที่ซา
บริจด์ดรอป ออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด

เนื่องจากก่อนหน้านี้เขายุ่งมาก เขาจึงยังไม่ได้มีเวลาที่จะตรวจสอบไอเทมที่ดรอปจากซาบริจด์โดยละเอียด อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาว่างแล้ว ….

ในฐานะรองผู้บัญชาการกองอัศวินป้องกันเมือง สมาชิกระดับสูงของมือลับ และ NPC ขั้นสี่ เลเวลหนึ่งร้อยหกสิบ หากจะบอกว่าเขาไม่มีเศษชิ้นส่วนไอเทมระดับตำนานอยู่กับตัวเลย มันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อเอามากๆ