อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1833 รอดพ้นจากการทดสอบวรยุทธ
พวกเขาเคยเห็นคนที่ทำให้อสูรยอมจำนน ทำให้มนุษย์ยอมจำนน หรือไม่ก็ทำให้ของล้ำค่ายอมจำนน แต่นี่เป็นครั้งแรกตลอดชีวิตอันยาวนานของพวกเขาที่ได้เห็นใครคนหนึ่งทำให้การทดสอบสายฟ้ายอมจำนนได้
ทั้งอำมาตย์เฉินหย่ง นักปราชญ์โบราณโม่หลิง นักปราชญ์โบราณเปลวเพลิง และคนอื่นๆต่างพูดไม่ออก ภาพตรงหน้าพวกเขาแปลกประหลาดเสียจนไม่รู้จะเอาความมีเหตุผลมาใช้อย่างไร
การทดสอบสายฟ้าคือเครื่องหมายของการลงทัณฑ์อย่างโกรธเกรี้ยวจากสวรรค์ มันมีไว้ลงโทษ นักรบผู้โอหังที่กล้าท้าทายโชคชะตาและพยายามจะก้าวไปสู่บางสิ่งที่อยู่เหนือกว่าตัวเอง แต่ตอนนี้มันกำลังทำตามคำสั่งของนักรบคนหนึ่ง!
เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไรกัน?
นั่น*…นั่นอาจารย์ของเรา!* หลิวหยางใจสั่นด้วยความตื่นเต้น
วิถีทางของท่านอาจารย์ของเขาช่างน่าทึ่งเหลือเกิน ไม่ว่าสถานการณ์จะน่าสิ้นหวังแค่ไหน ท่านอาจารย์ก็จะต้องมีวิธีการอะไรสักอย่างที่ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งและพลิกผันสถานการณ์ได้
หลังจากได้ฟังคำชี้แนะของจางเซวียน หมู่เมฆดำก็เริ่มแปรปรวนเล็กน้อยขณะที่ทำปฏิกิริยากับสายฟ้า มันรู้สึกได้ว่าความเร็วในการรวบรวมพลังเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก อย่าว่าแต่นักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่อยู่ด้านล่างซึ่งเพิ่งฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จเลย หมู่เมฆรู้สึกว่าพวกมันคงไม่เหน็ดเหนื่อยอะไรสักนิดต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับนักรบระดับนี้อีกหลายสิบคน!
ในเวลาเดียวกัน นักรบระดับเซียนขั้น 9 ที่การฝ่าด่านวรยุทธของเขาเรียกการทดสอบสายฟ้ามาก็หน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง
เขาไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคือง ถึงต้องเจอเรื่องแบบนี้? เขายังมีชีวิตยืนยาวรอคอยอยู่ข้างหน้า และยังไม่อยากถูกสูบพลังจนตาย!
จางเซวียนไม่ใส่ใจเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ร่ำๆจะปล่อยโฮ เขาออกคำสั่งกับการทดสอบสายฟ้าน้อย “ช่วยผมสกัดกั้นการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าด้วย!”
เทคนิควรยุทธที่จางเซวียนถ่ายทอดให้การทดสอบสายฟ้าน้อยถูกออกแบบมาเพื่อให้สร้างความพรั่นพรึงต่อเผ่าพันธุ์ปีศาจได้มากขึ้นอีก แต่มันจะไม่สร้างความแตกต่างอะไรมากนักกับการทดสอบวรยุทธของมนุษย์ เรื่องนี้จะทำให้แน่ใจได้ว่าจำนวนผู้เชี่ยวชาญของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะค่อยๆลดลง และเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ พวกมันก็จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกต่อไป
การทดสอบสายฟ้าน้อยลังเลอย่างหนักที่จะต้องต้านทานการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า แต่เมื่อต้องเลือกระหว่างการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้ากับจางเซวียน ฝ่ายหลังก็น่าสะพรึงกว่า
ดังนั้น มันจึงตั้งหน้าตั้งตารวบรวมพลังแล้วเดินหน้าเข้าเผชิญกับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้า
เห็นการทดสอบสายฟ้าของนักรบระดับเซียนขั้น 9 กล้าขัดขวางมัน กระบี่ขนาดมหึมากวัดแกว่งแล้วตรงเข้าฟาดฟันหมู่เมฆ มุ่งหมายจะทำให้มันสลายตัว
ครืนนนน!
ด้วยเสียงคำรามดังสนั่น การทดสอบสายฟ้าน้อยรวบรวมร่างที่แตกกระจายให้กลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้งและต้านทานการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าไว้ได้ แต่เพราะร่างกายส่วนใหญ่ของมันสูญสลายไปแล้ว การทดสอบสายฟ้าน้อยจึงดูไม่ต่างอะไรกับลูกบอลนิ่มๆสีดำที่ปราศจากอันตราย
เห็นภาพนั้น จางเซวียนตบหน้าผากก่อนจะหันกลับไปมองฝูงชน “มีใครที่อยากฝ่าด่านวรยุทธอีกไหม…ช่างเถอะ ผมทำเองก็ได้!”
เห็นทุกคนที่อยู่ด้านล่างพากันหลบตา จางเซวียนอ้าปากแล้วเริ่มเปิดการบรรยาย “แก่นแท้ของวรยุทธอยู่ที่รูปแบบของการฝึกฝนวรยุทธ หัวใจอันชอบธรรม ศักดิ์ศรี และคำพูดที่เชื่อถือได้…”
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วทั้งพื้นที่ บรรดานักรบที่ยืนอยู่ด้านหลังหลิวหยางพยายามจะไม่ใส่ใจการบรรยาย แต่เมื่อจบประโยคแรก พวกเขาก็ถูกดึงดูดเข้าสู่คำสอนนั้น ใบหน้าของแต่ละคนเริ่มปรากฏรอยยิ้มขณะที่ความงุนงงที่เคยมีในหัวใจถูกยกออกไป ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงภูมิปัญญาที่ปรากฏ
ราวกับความรู้ทั้งหมดที่พวกเขาเคยร่ำเรียนมาได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นภาพรวมของวรยุทธที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ!
จากนั้น การฝ่าด่านวรยุทธก็เริ่มต้น วรยุทธขั้นการละทิ้งช่องว่าง, วรยุทธขั้นการแบ่งแยกมิติ, วรยุทธขั้นก้าวสู่จักรวาล…หมู่เมฆดำรวมตัวกันอย่างรวดเร็วแล้วเข้าเสริมกำลังให้กับสายฟ้าน้อยที่อ่อนแรง ทำให้มันฟื้นคืนพละกำลังอีกครั้งราวกับได้รับการฉีดยาบำรุง
เสียงปรบมือดังกึกก้องไปโดยรอบขณะที่สายฟ้าฟาดไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าการทดสอบสายฟ้าน้อยกำลังสำแดงพละกำลังที่ได้มาใหม่
แต่จางเซวียนก็ยังดำเนินการบรรยายของเขาต่อไป ภายในเวลาเพียง 10 นาที ก็มีนักรบกว่า 2000 คนที่ฝ่าด่านวรยุทธได้สำเร็จ และกว่า 500 คนในกลุ่มนั้นที่เรียกการทดสอบสายฟ้ามาได้
ถึงเวลานั้น การทดสอบสายฟ้าน้อยก็ครอบคลุมทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว ซึ่งสายฟ้าเพียงสายเดียวก็มีความหนาถึงหลายร้อยจ้าง ทั้งหมดที่มันต้องทำก็คือขับเคลื่อนพละกำลัง แล้วมิติที่อยู่โดยรอบก็จะแหลกสลายกลายเป็นความว่างเปล่า
นี่เป็นครั้งแรกที่การทดสอบสายฟ้าน้อยรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจบงการพละกำลังมหาศาล ทำให้มันตื่นเต้นมาก
ส่วนอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นสายฟ้าที่แทบไม่ควรค่าแก่การเหลือบแลเมื่อครู่แปรสภาพเป็นยักษ์ใหญ่อันน่าสะพรึงต่อหน้าต่อตา การทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย มันกวัดแกว่งกระบี่เพื่อฟาดฟันลงบนหมู่เมฆดำกลุ่มใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ หวังจะทำให้หมู่เมฆสลายตัว
แต่ยังไม่ทันที่การโจมตีจะถึงเป้าหมาย สายฟ้าฟาดมากมายนับไม่ถ้วนก็ระดมเข้าใส่มันราวกับห่าฝน ทำให้มันตัวสั่นไม่หยุด
“แบบนี้ก็ได้หรือ?”
อำมาตย์เฉินหย่งกับคนอื่นๆจ้องมองภาพนั้นราวกับเห็นผี
ใช้การทดสอบสายฟ้ารับมือกับการทดสอบอีกรูปแบบหนึ่ง นี่เป็นความคิดที่คงมีแต่จางเซวียนเท่านั้นที่จะคิดออกและทำได้!
“คุณรับมือที่เหลือเอาเองก็แล้วกัน ผมจะไปพักสักหน่อย…” เมื่อเห็นว่าในที่สุดสถานการณ์ก็อยู่ภายใต้การควบคุม ตัวโคลนของจางเซวียนทิ้งท้ายก่อนจะกลับเข้าสู่รังนางพญามด
แม้เขาจะฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้สำเร็จโดยใช้ก้อนหินสงครามศักดิ์สิทธิ์ แต่ความพยายามทั้ง 2 ครั้งของเขาในการยับยั้งการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าก็ทำให้บาดเจ็บสาหัสและต้องกลับไปพักผ่อน
ไม่นานหลังจากตัวโคลนจากไป จางเซวียนก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง คราวนี้เขาเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ จางเซวียนทรุดฮวบลงกับพื้นด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน
เขาจะไม่มีวันทำตัวบ้าบิ่นแบบนี้เลยหากรู้ว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาอยู่ในเมืองหลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่มีนักรบมากมายอยู่ตามถนนหนทางให้คว้าตัวได้ บวกกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวเขากับการทดสอบสายฟ้าน้อย เขาคงมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
ครืนนนนน!
ในระหว่างนั้น การทดสอบสายฟ้าน้อยกับการทดสอบอาวุธยุทธภัณฑ์สายฟ้าก็ประลองพละกำลังกันต่อไป สุดท้าย ฝ่ายหลังก็หมดพลังและสลายตัว
เมื่อรู้สึกว่าแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่หายวับไป จางเซวียนพลันรู้สึกได้ถึงพละกำลังใหม่ที่พวยพุ่งออกจากส่วนลึกในร่างกายของเขา มันเป็นพลังงานที่บ่มเพาะร่างของเขาขึ้นใหม่และทำให้มันพัฒนาไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
กดข่มไว้ก่อน*!* จางเซวียนเพ่งสมาธิขณะพยายามห้ามการระเบิดของกระแสพลังงานนั้น
เขาอาจฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณได้หากต้องการ แต่นั่นจะหมายความว่าเขาต้องสูญเสียโอกาสทองที่จะได้บ่มเพาะตัวเองและสร้างรากฐานที่มั่นคงแข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งนี้อาจขัดขวางเขาไว้จากความก้าวหน้าครั้งใหญ่ในอนาคต
ด้วยทุกสิ่งที่จางเซวียนได้เผชิญมา เขารู้ตัวว่าเขาต้องมีพละกำลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อจะได้ปกป้องคนรอบข้างและให้ได้มาซึ่งทุกสิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากพยายามกดข่มพลังงานที่พวยพุ่งออกมา ระดับวรยุทธของจางเซวียนก็ค่อยๆลดกลับลงไปเป็นขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึกเหมือนเดิม เมื่อในที่สุดความปั่นป่วนวุ่นวายก็สงบลง จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาหันไปพูดกับการทดสอบสายฟ้าน้อย “ครั้งนี้ผมสำนึกในบุญคุณของคุณมาก คุณกลับไปได้แล้วล่ะ”
ฟึ่บ!
การทดสอบสายฟ้าชำเลืองมองนักรบหลายร้อยคนที่เรียกมันมา ทำให้คนเหล่านั้นรู้สึกเย็นเยือกไปถึงกระดูกสันหลัง แต่โชคดีที่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มันก็ส่ายไปมาเล็กน้อยก่อนจะสลายตัวไป
เมื่อสายฟ้าสลายตัวไปหมดแล้ว จางเซวียนรู้สึกเหน็ดเหนื่อยขึ้นมาอย่างรุนแรง ดูเหมือนในร่างกายของเขาจะไม่หลงเหลือพละกำลังอยู่เลย
ถึงการฝ่าด่านวรยุทธครั้งนี้จะทำให้เขาเข้าใกล้วรยุทธขั้นนักปราชญ์โบราณ แต่ก็ต้องบอบช้ำมากเพราะกระบวนการนั้น สิ่งที่หลงเหลือไว้ให้เขามีแค่โครงกระดูกพร้อมกับเลือดเนื้อเพียงเล็กน้อยที่เขาเพิ่งได้กลับคืนมา มันถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่
แม้จางเซวียนจะใช้หยดเลือดของนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดมาเยียวยาพลังชีวิตของเขา แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าร่างกายจะฟื้นตัวได้เต็มที่ดังเดิม
“ฆ่าเขาซะ!”
ทันทีที่จางเซวียนรู้สึกว่าควรจะพักผ่อนสักหน่อย ประกายโหดเหี้ยมก็ฉายวาบในดวงตาของเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณตัวหนึ่งซึ่งอยู่ข้างอำมาตย์เฉินหลิง
ด้วยความคิดที่ว่าเขาอาจใช้ช่วงเวลานี้กำจัดภัยคุกคามได้ เผ่าพันธุ์ปีศาจตัวนั้นพุ่งเข้าใส่และปล่อยพลังฝ่ามือ โดยมีเป้าหมายที่ศีรษะของจางเซวียน
ความปั่นป่วนวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการฝ่าด่านวรยุทธเมื่อครู่นี้หนักหน่วงเสียจนทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ถูกเบี่ยงเบนความสนใจ แต่พรรคพวกของอำมาตย์เฉินหลิงก็รู้ตัวแล้วว่าถ้าไม่กำจัดชายหนุ่มทันทีที่มีโอกาส ไม่ช้าไม่นานชายผู้นี้ก็จะกลายเป็นนักรบที่ไม่มีใครสามารถเอาชนะได้
ในเมื่อศัตรูอยู่กับฝ่ายตรงข้าม นั่นก็หมายถึงหายนะของพวกเขา
“นายน้อย!”
คิดไม่ถึงว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะเปิดการโจมตีรวดเร็วขนาดนี้ อำมาตย์เฉินหย่งพุ่งเข้าใส่เพื่อช่วยชีวิตจางเซวียน ส่วนหอกสวรรค์กระดูกมังกรซึ่งเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลก็รีบเข้าปกป้องเจ้านายของมัน
แต่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ทำอะไร จางเซวียนก็ยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณเพื่อปัดป้องการโจมตีอย่างปุบปับจากเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นนักปราชญ์โบราณตัวนั้น
พลั่ก!
ท่อนแขนของนักปราชญ์โบราณแหลกเละไม่มีชิ้นดี จากนั้นร่างของเขาก็ระเบิด แม้แต่จิตวิญญาณ ก็ไม่เหลือ
“เอ่อ…”
ทุกคนถึงกับผงะ
นักปราชญ์โบราณตัวที่พยายามเล่นงานจางเซวียนเป็นนักปราชญ์โบราณขั้น 1 การสืบทอดสายเลือด แต่ต้องมาตายเพราะการปล่อยพลังฝ่ามือเพียงครั้งเดียวของนักรบขั้นชั่วกัลปาวสานโลกจารึก
“อะไรกัน?” จางเซวียนก็ผงะ
ถึงร่างกายของเขาจะอยู่ในสภาพนี้ แต่ก็ยังรู้สึกได้ว่าพละกำลังของตัวเองเพิ่มสูงขึ้นมากหลังจากได้ผ่านการบ่มเพาะจากการทดสอบนักปราชญ์โบราณ แต่เพราะจางเซวียนยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณจริงๆ จึงคิดว่าอย่างมากที่สุด พละกำลังของเขาก็คงเทียบเท่ากับนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดเท่านั้น แต่แล้ว…การโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาในสภาวะที่ร่างกายอ่อนแรงแบบนี้ก็สามารถเล่นงานนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดให้ถึงแก่ความตายได้
“พละกำลังของผมในตอนนี้…เทียบเท่ากับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นต้นแล้ว!”
จางเซวียนรีบตรวจสอบสภาวะร่างกาย จากนั้นก็ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีพละกำลังที่เทียบได้แม้แต่กับนักรบขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดขั้นต้นทั้งๆที่ยังไม่ได้ฝ่าด่านวรยุทธไปเป็นนักปราชญ์โบราณจริงๆ ไม่แปลกใจแล้วที่ปรมาจารย์ขงเลือกกดข่มวรยุทธไว้หลายครั้งก่อนจะทำการฝ่าด่านวรยุทธ
มันเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระดับวรยุทธมาก!
“สังหารพวกมัน!”
ภาพที่จางเซวียนคร่าชีวิตนักปราชญ์โบราณที่มีวรยุทธขั้นการสืบทอดสายเลือดได้อย่างง่ายดายทำให้เหล่านักปราชญ์โบราณที่เหลือซึ่งเป็นพรรคพวกของอำมาตย์เฉินหลิงหวาดกลัวจนแทบขาดใจ รู้ดีว่านี่คือโอกาสเหมาะสำหรับการเข้าโจมตี อำมาตย์เฉินหย่งออกคำสั่งทันที
อำมาตย์เฉินหลิงที่ลอยตัวอยู่เหนือแท่นบูชามองภาพที่เกิดขึ้นรอบตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แต่เพราะรู้ว่าไม่อาจทำอะไรได้ จึงรีบซึมซับพลังงานที่แผ่ออกมาจากรอยแยกของมิติด้านบนเพื่อเยียวยาอาการบาดเจ็บของตัวเอง
จางเซวียนพลันเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เดี๋ยวก่อน*…ถ้าพลังงานที่อยู่เหนือแท่นบูชาสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บของอำมาตย์เฉินหลิงได้แล้วมันจะส่งผลแบบเดียวกันกับเราหรือเปล่า**?*