บทที่ 748 วังใต้ดินในวัดโบราณ

Mars เจ้าสงครามครองโลก

Mars เจ้าสงครามครองโลก บทที่ 748 วังใต้ดินในวัดโบราณ
ในเอกสารตอนท้าย เหย้ซูหลิงแนบไว้หนึ่งประโยค บอกว่าตระกูลเย่กับเผ่าซวนหยวนมีสัญญาหมั้นหมายกัน

ในรุ่นนี้ เธอคือคนที่จะต้องแต่งงานกับเย่เซิ่งเทียน

เมื่อเห็นตรงนี้ แน่นอนว่าเย่เซิ่งเทียนไม่เชื่อ นี่จะต้องเป็นแผนการของเหย้ซูหลิง

ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินก็ลงจอดที่เมืองพุทธ

เย่ว์อิ่นหลงรออยู่นานแล้ว ไม่พบเจอกันมาหลายวัน แขนของเขาขาดไปหนึ่งข้าง สีหน้าดูไปแล้วไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน

“พี่เทียน”

เย่ว์อิ่นหลงยังคงยิ้มอย่างชั่วร้าย

เย่เซิ่งเทียนเทียนขมวดคิ้ว“เกิดอะไรขึ้น?”

ความสามารถของเย่ว์อิ่นหลงถึงระดับสี่ดาวของเทพบู๊นานแล้ว ถึงแม้ว่าหอเทพมังกรจะเป็นของสี่ราชาสงคราม และไม่ได้รับการแต่งตั้ง แต่เป็นเพราะข้อบกพร่องของเย่ว์อิ่นหลงถึงทำให้เป็นแบบนี้

ในหอเทพมังกร การได้รับตำแหน่ง พลังการต่อสู้มีเพียงระดับหนึ่ง มากกว่านั้นมุมมองโดยรวม

ความสามารถของเย่ว์อิ่นหลงคือระดับสี่ดาวของเทพบู๊ เขาเสียแขนไปข้างหนึ่งแล้ว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวังใต้ดินในวันโบราณอันตรายขนาดไหน

เย่ว์อิ่นหลงพูดอย่างกร่างๆว่า“หลงกลจนได้ วังใต้ดินนั่นไม่ธรรมดาเลย ดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น แต่รายละเอียดไม่ชัดเจนแถมยังเต็มไปด้วยพลังแห่งความลี้ลับ ผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร พอผมเข้าไปก็เห็นแค่เงาสีเงาแวบผ่าน แล้วแขนก็ขาดเลย ถ้าผมอ่อนแออีกหน่อย คงจะตายไปแล้ว แต่ภายในส่วนลึกของวังใต้ดินมีการผนึกไว้ ผมไม่กล้าเข้าไปต่อ”

“สิ่งมีชีวิตที่มีพลังลี้ลับ?การผนึก?”

คิ้วของเย่เซิ่งเทียนขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น แม้แต่เย่ว์อิ่นหลงยังเสียแขนไปภายในชั่วพริบตาดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของสิ่งที่อยู่ภายในอย่างน้อยก็ถึงเทพบู๊ระดับห้าดาวชั้นยอด

ไม่เช่นนั้นเย่ว์อิ่นหลงไม่มีทางที่จะไม่เห็นอะไรเลย

สิ่งที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ ภายในส่วนลึกของวังใต้ดินมีการปิดผนึก ปิดผนึกอะไรกัน?

ตาเฒ่าหลินอยู่ที่นี่ เพื่ออะไรกัน?หรือจะเพื่อปิดผนึกสิ่งที่อยู่ด้านหลัง?

ในเมื่อสิ่งที่ปิดผนึกยังอยู่ เห็นได้ชัดว่าตาเฒ่าหลินจะไม่สามารถเปิดผนึกได้

แม้แต่ตาเฒ่าหลินยังไม่สามารถเปิดผนึกได้ ตอนนี้ตนจะเปิดผนึกได้หรือไม่?

“นายไปดูแลอาการบาดเจ็บเถอะ ฉันจะไปดูสักหน่อย ไม่มีคำสั่งของฉัน ห้ามใครเข้าวังใต้ดินเด็ดขาด พี่น้องที่บาดเจ็บหรือตายจากไปให้จัดการปลอบขวัญพวกเขาให้ดี”

เย่เซิ่งเทียนสั่งการ

เย่ว์อิ่นหลงไม่ได้พูดอะไรมากความ ในเวลาปกติ ไอ้หมอนี่จะต้องเอะอะโวยวายเพื่อขอตายเย่เซิ่งเทียนเข้าอย่างแน่นอน

แต่ครั้งนี้เขาเสียเปรียบ รู้ดีว่าตนเข้าไปก็มีแต่เป็นตัวถ่วงของเย่เซิ่งเทียน ดังนั้นจึงไม่ได้ร้องขอเข้าไป

เมื่อมาถึงวัดโบราณ ที่รกร้างมานานหลายปี พระพุทธรูปล้มกองอยู่บนพื้นหญ้า

เมื่อเข้ามายังป่กทางเข้าวังใต้ดิน เห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เย่เซิ่งเทียนไม่ได้รู้สึกถึงบรรยากาศที่พิเศษอะไร

เย่เซิ่งเทียนกระโดดเข้าไปในนั้น สายตาของเขามืดหม่นลง

ตรงบ่อมีประตูหินที่ทรุดโทรม ต้องเข้าไปด้วยก้มตัวเท่านั้น ด้านบนประตูหินมีเทพเจ้าผู้ชั่วร้ายถูกแกะสลักอยู่บนนั้น แต่มันก็ไม่สมบูรณ์เลย

ทางเดินเอียงลงราวกับว่ากำลังจะลงนรก

เดินประมาณหนึ่งร้อยเมตร เบื้องหน้าโล่งกว้าง มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล และตรงกลางมีเจดีย์เก้าชั้นที่สูงประมาณสี่ถึงห้าสิบเมตร

แต่เมื่อเดินมาถึงตรงนี้ เย่เซิ่งเทียนยังคงไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ

แต่ทว่าเขากลับระมัดระวังตัวมากขึ้น สถานที่แบบนี้ ยิ่งปกติมากเท่าไร ก็ยิ่งไม่ปกติ โดยเฉพาะเย่ว์อิ่นหลงที่แขนขาดไปข้างหนึ่ง

เย่เซิ่งเทียนไม่ได้รีบร้อนเข้าไป

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนน่ากลัว เป็นความมืดที่ไม่มีขอบและเขตอีกครั้ง ทำให้คนรู้สึกขนลุกน่าสะพรึงกลัว

แต่สำหรับเย่เซิ่งเทียนแล้ว ความมืดมิดไม่ได้มีผลกระทบต่อสายตาของเขาอยู่แล้ว

บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหายใจของตัวเอง เย่เซิ่งเทียนสัมผัสทุกอย่างที่อยู่ในนั้นอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่มีใครพบความผิดปกติ

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เย่ว์อิ่นหลงยังมาเสียแขนที่นี่อีก

แต่ที่นี่กลับไม่มีร่องรอยของการต่อสู้แม้แต่น้อย

เย่เซิ่งเทียนระมัดระวังตัวมากขึ้น

เมื่อมีสิ่งผิดปกติจะต้องมีปีศาจ!