บทที่ 1704 ความโกลาหลในภาคกลาง

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1704 ความโกลาหลในภาคกลาง

 

ภาคกลาง

 

เกาะลอยอยู่บนท้องฟ้าอย่างอิสระ มันคืออาณาเขตของนิกายวิหารหลวง

 

การแข่งขันรอบนี้กําลังจะจบ

 

ผู้อมตะสามคนที่ปกป้องเกาะลอยฟ้ารู้สึกผ่อนคลายลง

 

หนึ่งในสามกล่าว “ในที่สุดมันก็จบ นี่เป็นการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด”

 

“ฮ่าฮ่า นั่นเป็นเรื่องจริง แต่มันช่วยไม่ได้ ปีศาจฟางหยวนดุร้ายเกินไป ผู้คนจากภูมิภาคอื่นก็มีเจตนาร้ายเช่นกัน”

 

“หลังจากจบภารกิจนี้ข้าจะเลี้ยงสุราพวกเจ้า!”

 

“โอ้ สุราเก้าแม่น้ําของเจ้ามีชื่อเสียงมาก ผู้ใดจะคิดว่าข้าจะมีโอกาสลิ้มลอง”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ยกย่องมากไปแล้ว” ผู้อมตะที่ได้รับการยกย่องเร่งโบกมือแต่ทันใดนั้นการแสดงออกของเขากลับหยุดนิ่งอย่างกะทันหัน

 

ร่างกายของเขาแข็งที่อก่อนจะล้มลงบนพื้นและเสียชีวิต

 

“ระวัง!”

 

“ศัตรูโจมตี! ดวงวิญญาณของเขาแตกสลาย!”

 

สองผู้อมตะที่เหลือตกใจมาก พวกเขาใช้วิธีป้องกันตัวอย่างเต็มที่

 

หลังจากนั้นพวกเขาเห็นผู้ใช้วิญญาณล้มลงเสียชีวิตที่ละคน

 

สองผู้อมตะเต็มไปด้วยความโกรธ พวกเขากําลังจะเสร็จสิ้นภารกิจแต่พวกเขากลับถูกโจมตีในช่วงเวลาสุดท้าย

 

“ช่างชั่วร้ายนัก พวกเขาโจมตีผู้ใช้วิญญาณ!”

 

“ปีศาจขี้ขลาด หากมีความกล้าก็ออกมา!”

 

สองผู้อมตะตะโกน

 

สนามแข่งขันตกสู่ความโกลาหล

 

“พวกเจ้าต้องการพบข้างั้นหรือ?” เสียงสายหนึ่งดังขึ้น “ข้าจะให้พวกเจ้าสมปรารถนา”

 

ท่ามกลางเสียงหัวเราะ อิงอู่เซี่ยปรากฏตัวขึ้น

 

“ปีศาจ ตายซะ!” สองผู้อมตะกัดฟันแน่นและเริ่มโจมตี

 

อิงอู่เซียยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน เขามองคนทั้งสองด้วยสายตาเย้ยหยัน

 

การแสดงออกของสองผู้อมตะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ความเร็วของพวกเขาลดลงอย่างมาก

 

“เราเราถูกโจมตี้งั้นหรือ?”

 

“แต่ก่อนหน้านี้”

 

“มันคือสิ่งใด?”

 

สองผู้อมตะระดับเจ็ดล้มลงบนพื้นและเสียชีวิต

 

อิงเซี่ยยิ้มและเก็บศพของสามผู้อมตะเอาไว้

 

“ท่านผู้นําต้องการมิติช่องว่างของพวกเจ้า”

 

เขาชําเลืองมองสนามรบที่ไม่มีผู้ใดยืนอยู่อีกต่อไป มันกลายเป็นทุ่งซากศพ

 

ครู่ต่อมาอิงอู่เซียก็บินออกจากเกาะลอยฟ้าที่เงียบงัน ไม่มีสิ่งมีชีวิตเหลืออยู่

 

ในเวลาเดียวกัน ณ แม่น้ําเกล็ดแสง

 

ไหลั่วหลันตะโกน “ต่อต้านข้าด้วยค่ายกลวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

 

ก่อนที่นางจะกล่าวจบ กลิ่นอายที่ทรงพลังก็ปะทุออกมาจากร่างของนาง

 

“บึม!”

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะถูกทําลาย

 

“พรวด!”

 

กลุ่มผู้อมตะที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้กระอักเลือดออกมาเพราะผลกระทบย้อนกลับ

 

ไหลั่วหลันหัวเราะขณะที่ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งปรากฏตัวขึ้นและพุ่งเข้าโจมตีศัตรู

 

ปาร้อยสวน

 

ไปหนิงปิงเหยียบหิมะและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

 

ป่าไผ่เขียวกลายเป็นโลกน้ําแข็ง แมลงติดอยู่ในก้อนน้ําแข็งและไม่สามารถเคลื่อนไหว

 

ทุ่งหญ้าถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาทึบ

 

บนสนามแข่งขันกลางป่าไผ่ ผู้ใช้วิญญาณหลายร้อยคนถูกแช่แข็งทั้งหมด ไม่มีผู้ใดรอดชีวิต

 

ก่อนหน้านี้ไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และอิงอู่เชี่ยฝึกท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตอยู่ที่เกาะบัวหินตอนนี้พวกเขากลายเป็นตัวตันชั้นสูงท่ามกลางผู้อมตะระดับเจ็ด ตัวละครทั่วไปไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

 

เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้ฟางหยวนรู้สึกพอใจมาก ด้วยความช่วยเหลือจากท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคตทั้งสามเติบโตขึ้นอยางรวดเร็วและมีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้

 

ทั้งสามเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์โดดเด่น เมื่อความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้น ผู้คนในระดับเดียวกันจะกลายเป็นอ่อนแอทันที ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับการตอบสนองของวังสวรรค์วังสวรรค์

 

หลังจากได้รับข้อมูลใหม่ การแสดงออกของเทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นมืดครื้ม

 

นางพยายามซื้อทรัพยากรอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาโดยไม่สนใจค่าใช้จ่าย แต่นางกลับไม่สามารถหยุดการเติบโตของฟางหยวน กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขายังแข็งแกร่งขึ้นมาก

 

เมื่อเห็นฉากการต่อสู้ของพวกเขา ดวงตาของราชันมังกรส่องประกายขึ้น เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ของเขาเริ่มสั่นไหว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปของราชันมังกรแต่นางไม่รู้ว่าเขากําลังคิดสิ่งใด

 

เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน! ข้าประเมินเจ้าต่ําเกินไป!”

 

เทพธิดาจื่อเว่ยสับสน “ท่านราชันมังกร ท่านหมายถึงสิ่งใด?”

 

“เหตุผลที่คนทั้งสามได้รับพลังมหาศาลมาอย่างรวดเร็วเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต” ราชันมังกรกล่าว

 

“ตัวตนในอนาคต?”

 

“มันเป็นท่าไม้ตายที่ถูกสร้างขึ้นโดยศิษย์คนแรกของข้า ย้อนกลับไปเขาใช้วิญญาณกาลเวลากำเนิดใหม่และสูญเสียระดับการบ่มเพาะ เพื่อแก้ปัญหานี้ เขาจึงคิดค้นท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต” ราชันมังกรตอบ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจมาก

 

คิ้วของนางขมวดแน่น “ข้าตรวจสอบความทรงจําของเทพปีศาจจิตวิญญาณแล้ว มรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงที่เขาได้รับไม่มีท่าไม้ตายอมตะตัวตนในอนาคต นั่นหมายความว่าฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงแล้วงั้นหรือ? มันเป็นไปได้อย่างไร? พวกเราปกป้องสายธารแห่งกาลเวลาอย่างแน่นหนา”

 

ราชันมังกรสายศีรษะ “ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวถึงเรื่องนี้อีกต่อไป ตอนนี้เราต้องเฝ้ามองฟางหยวนอย่างใกล้ชิด

 

ราชันมังกรไม่ดูถูกฟางหยวนอีกต่อไป

 

กล่าวให้ถูกต้องกว่านั้นคือเขาไม่กล้าดูถูกเทพปีศาจบัวแดง!

 

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเจิ้งหยวนรู้สึกหนักใจมาก

 

แต่ตอนนี้ฟางหยวนหายตัวไปอย่างสมบูรณ์ มีเพียงไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และอิงอู่เชี่ยเท่านั้นที่โจมตีการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและสร้างความโกลาหลขึ้นในภาคกลาง

 

“ฟางหยวนกําลังทําสิ่งใด?”

 

“เขาเก็บพลังไว้เพื่อสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่งั้นหรือ?”

 

ฟางหยวนไม่ได้ทําสิ่งใดในเวลานี้ นั่นทําให้วังสวรรค์รู้สึกกังวล พวกเขาไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะโจมตีเข้ามาเมื่อใด

 

ฟางหยวนซุ่มรออยู่ แต่ราชันมังกรก็ยังไม่เคลื่อนไหว

 

“สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ” ฟางหยวนกัดฟันแน่น

 

ราชันมังกรไม่เคลื่อนไหว แม้การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะพบอุปสรรคมากมาย แต่การแข่งขันนี้ยังดําเนินต่อไปโดยไม่คํานึงถึงการเสียสละใดๆ

 

ผู้ใช้วิญญาณที่เข้าร่วมการแข่งขันลดลง สถานที่จัดการแข่งขันลดลง ผู้อมตะภาคกลางสามารถรวมกลุ่ม ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

 

ไปหนิงปิง ไหลั่วหลัน และคนอื่นๆต้องทํางานร่วมกัน หากพวกเขาทํางานเพียงลําพัง พวกเขาจะไม่สามารถทําลายสถานที่จัดการแข่งขันได้อีก

 

ถ้ําสวรรค์นิรันดรยังไม่ปรากฏตัว

 

ก่อนหน้านี้ปิงช่ายฉวนติดต่อฟางหยวนและต้องการสร้างความร่วมมือเพื่อขัดขวางแผนการของวังสวรรค์

 

แต่จนถึงตอนนี้ถ้ําสวรรค์นิรันดรก็ยังไม่เคลื่อนไหว

 

“นิกายเงาและข้าไม่สามารถหยุดการแข่งขันนี้ เว้นเพียงกองกําลังอื่นจะร่วมมือกับเรา!”

 

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

 

แม้นิกายเงาจะเข่นฆ่าผู้คนจํานวนมากและพยายามขัดขวางการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แต่ตราบเท่าที่ราชันมังกรยังไม่เคลื่อนไหว การแข่งขันนี้ก็จะดําเนินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

 

หากราชันมังกรไม่เคลื่อนไหว ผู้อมตะอีกสี่ภูมิภาคจะไม่รู้สึกถึงภัยคุกคาม พวกเขาจะไม่ลงมือทําสิ่งใด

 

นี่คือภูมิปัญญาของราชันมังกร

 

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องเป็นแนวหน้า แม้เขาจะทําผลงานได้ดี แต่ความจริงก็คือสถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของราชันมังกร

 

จากมุมมองของฟางหยวน สถานการณ์ของภาคกลางยังไม่เปลี่ยน

 

เขาควรทําอย่างไร?

 

หลังจากคิดทบทวน ฟางหยวนตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ เขาหยุดไปหนิงปิงและคนอื่นๆจากการโจมตีสถานที่จัดการแข่งขันและเริ่มปล้นสะดมแหล่งทรัพยากร

 

ฟางหยวนแสดงภาพเหตุการณ์ที่ไปหนิงปิงและคนอื่นๆปล้นสะดมแหล่งทรัพยากรของภาคกลางในสวรรค์สีเหลืองเพื่อให้ผู้อมตะคนอื่นเห็น

 

กลยุทธ์นี้ใช้ไม่ได้ผลในช่วงสองสามวันแรก แม้ไปหนิงปิงและคนอื่นๆจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลแต่ฟางหยวนยังไม่มีความสุข

 

แต่วันต่อมาความโกลาหลเริ่มปะทุขึ้น

 

เจ้าหญิงนิทราของภาคเหนือบุกโจมตีค่ายกลวิญญาณอมตะของนิกายเทพยุทธ์อมตะและปล้นสะดมทรัพยากรทั้งหมด

 

ผู้อมตะเซียวหงื่อและเซียวชื่อหรงโจมตีเทือกเขากระจกและสังหารสามผู้อมตะที่ประจําการอยู่ที่นั่น

 

แหล่งทรัพยากรของนิกายกระเรียนอมตะถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้อมตะลึกลับและถูกขโมยทรัพยากรอมตะจํานวนมาก

 

หลายวันผ่านไปมันกลายเป็นฉากแห่งความปั่นป่วน

 

แหล่งทรัพยากรที่มีชื่อเสียงทุกประเภทถูกปล้นสะดม ภาคกลางตกสู่ความโกลาหลทุกหนทุกแห่ง

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดจิตใจของผู้คนก็สั่นไหว!” ฟางหยวนหัวเราะ

 

กลยุทธ์ของเขาคือกระตุ้นความโลภในจิตใจของผู้คน หากเขาปลุกระดมกลุ่มผู้อมตะให้โจมตีการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมโดยตรง ผู้อมตะเหล่านี้จะรู้สึกลังเลแต่หากเขาโน้มน้าวจิตใจของผู้คนด้วยความโลภ พวกเขาจะถูกล่อลวง

 

ทรัพยากรถึงดูดผู้อมตะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

 

ผู้อมตะที่ยืนอยู่ข้างสนามและมองคนอื่นๆปล้นสะดมทรัพยากรจะไม่รู้สึกกระวนกระวายใจได้อย่างไร? ท้ายที่สุดทรัพยากรก็มีจํากัด หากผู้อื่นฉกชิงไป พวกเขาจะไม่ได้รับสิ่งใดในภายหลัง

 

กลยุทธ์ใหม่ของฟางหยวนได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

 

ผู้อมตะทั้งห้าภูมิภาคปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะยังพยายามเสี่ยงโชค

 

“ฟางหยวนข้าจะทําให้เจ้าตายอย่างทุกข์ทรมาน!” เทพธิดาจื่อเว่ยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

 

ราชันมังกรถอนหายใจ “จิตใจของผู้คนไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป”

 

ถึงกระนั้นราชันมังกรก็ไม่ล้มเลิกแผนการของเขา เขายังผลักดันการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมต่อไป

 

สถานที่จัดการแข่งขันได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาโดยผู้อมตะจํานวนมาก

 

ด้วยเหตุนี้แหล่งทรัพยากรของพวกเขาจึงถูกปล้นสะดมอย่างง่ายดาย

 

อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของราชันมังกรยังไม่สั่นคลอน แม้ภาคกลางจะตกสู่ความโกลาหลแต่เขายังปกป้องการแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม

 

การตอบสนองของราชันมังกรทําให้ฟางหยวนต้องกัดฟันแน่น ไม่มีสิ่งใดที่เขาทําได้

 

ราชันมังกรปฏิเสธที่จะเข้าแทรกแซงและบังคับให้ฟางหยวนโจมตี แต่ฟางหยวนจะไม่เคลื่อนไหว เนื่องจากกองกําลังอื่นยังไม่เข้าสู่การต่อสู้ หากเขาเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เขาจะกลายเป็นหินรองเท้าของคนอื่นๆ

 

ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องรออยู่อย่างเงียบๆ