หนีตาย

โจวเหวินยังไม่ทันได้พูดอะไร เขาก็ขึ้นขี่อสูรปฐพีเตรียมจะมุดดินหนี

แต่หลังจากที่ใช้สกิลมุดดินแล้ว เขาก็พบว่าชายแก่คนนั้นก็มุดดินมาข้างๆเขาด้วยเหมือนกัน โจวเหวินแทบร้อง เขาใช้อสูรปฐพีหลบหนีอีกครั้งแต่รอบนี้โจวเหวินเลือกที่จะให้อสูรปฐพีใช้ลมปราณทั้งหมดที่มีในรวดเดียว พาเขาออกห่างจากจุดเดิมไปไกลหลาย100ไมล์ในพริบตา

แต่ตอนที่เขาออกมาจากดิน เขาก็เห็นชายแก่คนนั้น โผล่ออกมาที่ต้นไม้ใหญ่ข้างๆกับเขาเหมือนกับผีสิงต้นไม้

“วิชาแทรกซึมต้นไม้เหรอ”โจวเหวินรู้สึกขนลุกขึ้นมาทั่วทั้งตัว

ชายแก่คนนั้นไม่เพียงแต่จะมีวิชามุดดินแต่ยังมีวิชาแทรกซึมต้นไม้อีกด้วย ก็ไม่แปลกใจเลยที่ว่าเขาจะสามารถออกมาจากสุสานปฐมกษัตริย์ได้

“เจ้า หนี ข้าไม่พ้นหรอก”ชายแก่จ้องมองโจวเหวินแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เขาดูไม่ได้รีบร้อนอะไรเลย ตอนนี้เขาเหมือนกับแมวที่จับหนู ค่อยๆไล่ต้อนโจวเหวินให้จนมุมอย่างช้าๆ

โจวเหวินเองก็ไม่ลังเล รีบใช้สกิลวาปของอารยมิติพอออกจากวาปมาเขาก็ใช้กรงล้อแห่งโชคชะตาของผ้าคลุมเพื่อหายตัวสมบูรณ์ หลังจากที่หายตัวสมบูรณ์แล้วเขาก็วาปซ้ำอีกหลายรอบแล้วเปลี่ยนทิศทางหลอกเพื่อหลบหนี

แต่หลังจากนั้นไม่นาน โจวเหวินก็พบว่าชายแก่คนนั้นตามมาทันอีกครั้ง ตรงหน้าของชายแก่นั้นมันเหมือนมีปิ่นปักผมอยู่ ไม่ว่าโจวเหวินจะหายตัวไปทิศทางไหน ปิ่นปักผมก็จะหมุนชี้มาทางเขาทั้งหมด

ชายแก่นั้นเห็นได้ชัดว่ามองไม่เห็นตัวโจวเหวิน แต่ใช้การนำทางของปิ่นปักผม ทำให้โจวเหวินหนีไม่รอดเลย

ตอนนี้โจวเหวินเริ่มกระวนกระวายขึ้นไปทุกที การหายตัวสมบูรณ์นั้นมีเวลาอยู่แค่3นาทีเท่านั้น ถ้าสลัดชายแก่นั้นใน3นาทีไม่ได้ละก็ การพลางตัวปรกติก็ไม่มีทางหลอกเขาได้แน่ๆ

“การหายตัวเหลืออีกไม่ถึง2นาทีแล้ว หนีไม่ได้เลยถ้าไม่ทำลายปิ่นนั้นซะก่อน”โจวเหวินตัดสินใจเลิกหนีแล้วเปลี่ยนทิศทางฉับพลัน ด้วยความสามารถในการล่องหน เขาใช้พลังดาบทั้งหมดรีดพลังเทพสังหารเตรียมฟันปิ่นปักผมนั้นให้แตกในฉับเดียว

เพราะชายแก่คนนั้นไล่ตามโจวเหวินตามทิศทาง ที่ปิ่นปักผมบอกเท่านั้น ไม่ได้รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของโจวเหวิน เขาเลยไม่ได้รู้ว่าโจวเหวินจะเปลี่ยนทิศทางกระทันหันเพื่อโจมตีเขา

กว่าจะรู้ตัวโจวเหวินก็ถึงระยะของโจมตีพอดี เขาใช้พลังทั้งหมด ฟันเทพสังหารใส่ทั้งปิ่นปักผมและตัวของชายแก่ทันที

ในตอนเดียวกันนั้นเอง ชายแก่เปลี่ยนมือของตัวเองให้เป็นแก้วผลึกก่อนจะใช้ฝ่ามืออัดกระแทกตัวของโจวเหวินเข้าไปที่หน้าอก ความเร็วของมันนั้นยากที่จะหลบได้

โจวเหวินเองก็ไม่ได้คิดจะหลบ เขาใช้ดาบแสงฟันปิ่นปักผมจนหักออกเป็นสองท่อน แต่หน้าอกของโจวเหวินก็โดนอัดกระแทกเต็มๆจนเกิดแรงกระแทกมหาศาลพุ่งทะลุไปด้านหลัง พร้อมควันสีขาวที่ระเบิดออกมา พอควันสีขาวหายไป ตัวของโจวเหวินหายตัวไปแล้ว พร้อมกับกระดาษใบสีเหลืองที่ตกลงมาอยู่กับพื้น

“ร่างจำแลงอย่างงั้นรึ”ชายแก่ขมวดคิ้วก่อนจะตามหาโจวเหวินแต่ก็ไม่พบอะไร ตอนนี้เขาเสียปิ่นปักผมไปแล้ว ชายแก่เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วโจวเหวินอยู่ที่ไหน

“เจ้า หนีข้าไม่พ้นหรอก”ชายแก่หยิบเหรียญทองแดงออกมาแล้วอัดลมปราณเข้าไป ก่อนจะปักมันลงกับพื้นเหมือนกับว่าจะตรวจจับว่าโจวเหวินอยู่ที่ไหน แต่หลังจากนั้นซักพัก เขาก็ทำหน้าสงสัยขึ้นมา “แปลกแหะ วิชา6วิถีของข้ามันหาตัวของเขาไม่เจอ”

โจวเหวินหนีออกมาสุดชีวิต

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าบางอย่างกำลังสั่นไหว พอลองมองดูดีๆ เขาก็พบว่าอะไรบางอย่างบนตัวของหยาเอ๋อกำลังสั่นไหวอยู่ มันคือเหรียญทองแดง3เหรียญที่เชื่อมติดกันด้วยด้ายสีแดงที่โจวเหวินได้มาจากท้องของปี่เซี๊ยะก่อนหน้านี้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงสั่นไหวออกมาตลอดเวลา

โจวเหวินไม่กล้าที่จะหยุดหนี เขาพาหยาเอ๋อหนีออกไปให้ไกล แต่โชคดีที่รอบนี้ชายแก่ไม่ได้ตามมาแล้ว เวลาในการหายตัวของเขาหมดไปพอดี ทำให้โจวเหวินโล่งใจขึ้นมาแปปนึง

ก่อนหน้านี้เขาร่ายสกิลร่างจำแลงขึ้นมาเรื่อยๆตอนที่เขาว่างๆ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานี้เขาร่ายสำเร็จแค่2ใบเท่านั้น ซึ่งเมื่อกี้เขาก็ใช้ไปแล้วอันนึง เหลืออีกแค่อันเดียวเท่านั้น

โจวเหวินไม่กล้าหยุดเขาอัญเชิญวัวยักษ์ต้าเหว่ยออกมาแล้ววิ่งไปตามภูเขาด้วยความเร็วสูงสุด โจวเหวินนั้นมีพลังชีวิตจักรวาลน้อยอยู่ทำให้เขาไม่กลัวที่จะหลง แต่ที่เขากลัวคือกลัวไปเจอพื้นที่ต่างมิติที่เขาไม่รู้จักซะมากกว่า แต่เอาเข้าจริง สิ่งที่ตามเขามานั้นมันน่ากลัวกว่ามากๆเลย

โจวเหวินข้ามเขาแล้วเขาเล่า ไม่รู้ว่าเขาไปไกลแค่ไหนแล้ว แต่เขาไม่เคยหยุดเลย เขาข้ามเขาจนกระทั้งมาถึงลำธารเล็กๆแห่งหนึ่ง

โจวเหวินเดินทางตามแม่น้ำไป จนกระทั้งเจอกับป่าต้นซากุระตลอดข้างทาง กรีบดอกซากุระนั้นปลิวกระจายรอบๆข้างลำธารแล้วลอยไปตามแม่น้ำส่งกลิ่นหอมรัญจวน

หลังจากเดินทางต่อไปอีกหลายไมล์แม่น้ำก็ถึงจุดสิ้นสุด มันถูกภูเขาห้อมล้อมเอาไว้เบื้องหน้า โจวเหวินพยายามจะข้ามภูเขาแต่พอเขาข้ามไปเขาก็เห็นช่องวว่างระหว่างภูเขา ที่ถ้าตกลงไปไม่รู้ว่าจะเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง

แต่โจวเหวินก็ไม่ลังเลที่จะข้ามตรงไปอยู่ดี

เริ่มแรกเดิมทีภูเขานั้นมันแคบมากๆ แต่พอผ่านไปไม่ไกลภูเขานั้นก็ค่อยๆกว้างขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นโจวเหวินก็ผ่านภูเขามาได้แล้วเขาก็เห็นภาพของหุบเขาที่สวยสดงดงามตรงหน้าของเขา

หุบเขานี้มีหมู่บ้านเล็กๆตั้งอาศัยอยู่ มีทั้งบ้านไม้และบ้านไผ่ ห้อมล้อมไปด้วยป่าไม้ไผ่ ดอกไม้และป่าต้นซากุระขนาดใหญ่ เหมือนกับแดนสวรรค์ในเทพนิยายยังไงอย่างงั้น

“เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”โจวเหวินรู้สึกแปลกๆ เพราะว่าหลังจากที่เขาเดินทางผ่านภูเขานั้นมาได้แล้ว จักรวาลน้อยของเขาไม่สามารถตรวจจับได้เลยว่าที่เขาอยู่นั้นมันคือที่ไหนกัน

“ที่นี้มัน…หรือว่าจะเป็นสถานที่ในตำนานอะไรนั่นหนะ”โจวเหวินมองไปรอบๆหุบเขานั้น แล้วเขาก็นึกถถึงบทเรียนที่เขาเคยเรียนที่โรงเรียน

มันเป็นเรื่องเล่าที่ชื่อว่า “เรื่องเล่าแห่งผลิดอกท้อ”เล่ากันว่ามีชาวประมงค์ คนหนึ่งได้หลงทางเข้ามายังสวนดอกท้อแล้วพบเข้ากับหมู่บ้านที่สวยงามห่างไกลจากโลกอันวุ่นวาย แต่หลังจากที่เขาออกไปได้แล้ว เขาก็กลับหาหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เจออีกเลย

ไม่ว่าจะมองมุมไหนหมู่บ้านแห่งนี้ก็ดูเหมือนกับในเรื่องเล่านั้นไม่มีผิด ต่างกันแค่เรื่องเล่านั้น จะมีกลุ่มชาวบ้านที่อพยพมาจากสงครามอยู่ด้วย แต่ที่โจวเหวินเห็นนั้นมันไม่มีคน หมา หรือแม้กระทั้งไก่อยู่เลย

โจวเหวินใช้สดับวานรฟังไปรอบๆแล้ว แต่เขารู้สึกได้ว่ามันมีหมอกอะไรบางอย่างปิดบังเขาอยู่ เขามองเห็นด้วยตาเปล่าได้แต่เขาไม่สามารถใช้พลังของสดับวานรฟังเสียงอะไรได้เลย

“ไม่ว่ามันจะเป็นหมู่บ้านดอกท้อตามตำนานหรืออะไรก็ตามแต่ ที่แน่ๆมันคือพื้นที่ต่างมิติแน่ๆ”โจวเหวินสงสัยในใจก่อนจะอัญเชิญฝูงค้างคาวออกมาแล้วให้พวกมันบินสำรวจเข้าไปในหมู่บ้าน

แต่หลังจากที่ค้างคาวเงาพิษออกจากวิสัยทัศน์ของโจวเหวินแล้ว พวกมันก็หายไปจากการติดต่อของโจวเหวินทันที ทำให้โจวเหวินเริ่มหน้าเสีย

“มีใครอยู่ที่นี่ไหม!!!”โจวเหวินตะโกนเข้าไปในหุบเขา แต่ไม่มีใครตอบกลับ มีเพียงเสียงสะท้อนกลับ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“มีใครอยู่ที่นี่ไหมมีใครอยู่ที่นี่ไหมมีใครอยู่ที่นี่ไหม……”