ตอนที่ 1227 หายนะของเมืองปริซึม โดย Ink Stone_Fantasy
โรแลนด์ตกตะลึงไปครู่ใหญ่
อาจารย์ของการ์เซีย…น่าจะชื่อมิสต์ใช่ไหม?
ก็หมายความว่าผู้หญิงคนที่มาเจอเขาที่ร้านโรสคาเฟ่เมื่อตอนเช้า…ตายแล้วงั้นเหรอ?
เป็นไปได้ยังไง?
ต่อให้มิสต์จะถูกจำกัดด้วยกฎของโลกแห่งความฝัน แต่เธอก็เป็นถึงลูกศิษย์ของผู้คุม เธอน่าจะรับมือกับฟอลเลนอีวิลแค่ไม่กี่ตัวได้สบายๆ นี่นา
ยิ่งไปกว่านั้นเมืองปริซึมยังเป็นสถานที่ที่ถูกดัดแปลงขึ้นมาจากเหมืองด้วย ตัวเมืองนั้นถูกฝังอยู่ใต้ดิน ปกติจะมีผู้ตื่นรู้คอยเฝ้าเอาไว้อยู่ แล้วจะไปถูกฟอลเลนอีวิลโจมตีได้ง่ายๆ ได้ยังไง?
เขาสะกดอารมณ์แล้วพยุงการ์เซียขึ้นมาอย่างใจเย็น “เข้าไปคุยในห้องกันเถอะ”
การ์เซียลุกขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เหมือนกับว่าเรี่ยวแรงภายในร่างกายเธอหายไปจนหมดอย่างไรอย่างนั้น
โรแลนด์อุ้มซีโร่ที่ยังหลับสนิทเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะเทนมอุ่มๆ ให้การ์เซียแก้วหนึ่ง ภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง อารมณ์ของการ์เซียค่อยๆ สงบลง ถึงแม้สองตาของเธอยังคงเหม่อลอย แต่น้ำตาก็ถือว่าหยุดไหลแล้ว
ในเวลานี้เขาถึงได้สังเกตเห็นว่าบนโทรศัพท์มือถือที่เขาลืมพกไปด้วยนั้นมีสายที่ไม่ได้รับอยู่สิบกว่าสายแล้วก็ข้อความที่ไม่ได้อ่านอีกหกข้อความ เมื่อเปิดออกดูแล้ว ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นโทรศัพท์จากการ์เซีย
“เอ่อ ขอโทษนะ…จู่ๆ ซีโร่ก็ไข้ขึ้น ฉันก็เลยรีบไปโรงพยาบาลจนลืมเอามือถือไปด้วย” โรแลนด์พูดอย่างไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ “ในเมืองปริซึมมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเธอถึงรู้สถานการณ์ของอาจารย์ของเธอได้?”
การ์เซียนิ่งเงียบไปนาน นานจนถึงตอนที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะไม่พูดออกมาแล้ว เธอจึงค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า “ตอนช่วงใกล้เที่ยงๆ ฉันได้รับการแจ้งเตือนฉุกเฉินจาก CO2…เขาบอกว่าจู่ๆ ที่สำนักงานใหญ่ก็มีสถานการณ์ผิดปกติ ให้ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนเตรียมตัวเข้าไปช่วยเหลือ..”
ถ้าจำไม่ผิด CO2 น่าจะเป็นผู้ประสานงานในภารกิจกวาดล้างฟอลเลนอีวิลครั้งก่อน โรแลนด์ครุ่นคิด มิน่าเธอถึงได้โทรหาเขาเยอะขนาดนี้ “แต่ก็ไม่ได้มีคำสั่งให้เข้าไปช่วยเหลือใช่ไหม?”
ไม่อย่างนั้นการ์เซียคงจะเข้าไปในเมืองปริซึมแล้ว
“ใช่ เพราะว่าต้นเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติก็คือ…การกัดกินก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงชั้นกลางที่จู่ๆ ก็ขยายตัวขึ้นมา” เธอพูดงึมงำ “ไม่มีใครเหตุว่ามันเกิดขึ้นมาได้ยังไง กล้องวงจรปิดก็จับภาพวินาทีที่มันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฉันได้ยิน CO2 บอกว่าในตอนที่สมาคมรู้ตัว การกัดกินมันก็แทบจะตัดขาดเมืองปริซึมออกจากนั้นแล้ว ชั้นบนกับชั้นล่างเองก็สูญเสียการติดต่อไปด้วย”
การกัดกิน…ขยายตัว? โรแลนด์ใจเต้นขึ้นมาทันที ถ้าจากคำพูดที่มิสต์บอกมาว่าความจริงแล้วพระจันทร์สีแดงคือ ‘รู’ ที่การกัดกินสร้างขึ้นมาล่ะก็ ตามหลักแล้วมันก็น่าจะปรากฏขึ้นที่ไหนก็ได้ นี่ย่อมต้องรวมไปถึงใต้ดินด้วย ถ้าการที่ ‘พระจันทร์สีแดงปรากฏขึ้นมาบนโลก’ หมายถึงการเริ่มต้นของสงครามแห่งโชคชะตา อย่างนั้นการกัดกินที่จู่ๆ ก็ขยายตัวขึ้นมาจะหมายถึงพระจันทร์สีแดงที่ปรากฏขึ้นมาบนโลกด้วยหรือเปล่า?
“สำนักงานใหญ่ได้บอกเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงไหม?”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย “น่าจะตอนเช้าประมาณ 9 โมง”
นี่มันเป็นตอนที่คลื่นกระเพื่อมกวาดผ่านท้องฟ้าของเมืองไป!
หรือว่าโลกแห่งความฝันกำลังเตือนเขาว่าพลังที่มาจากนอกโลกได้เริ่มกัดกินที่นี่แล้ว?
“อย่างนั้นพวกฟอลเลนอีวิลนี่มันยังไงกัน?”
“พวกมัน…ออกมาจากใต้ดิน…”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง โรแลนด์ถึงพอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
หลังรับรู้ได้ว่าส่วนกลางของเมืองถูกการกัดกินกลืนกินไปแล้ว สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็รีบตั้งทีมช่วยเหลือขึ้นมาทันที เมืองปริซึมนั้นเป็นเหมือนเหล็กปลายแหลมที่แทงลงไปในส่วนลึกของใต้ดิน แต่โครงสร้างที่ให้มีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน อย่างเช่นเรื่องระบบระบายอากาศที่ต้องหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาถึงจะทำให้คนที่อยู่ชั้นกลางและชั้นล่างสามารถหายใจได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกอย่างเช่นน้ำกับอาหารที่ต้องส่งจากข้างบนลงไปข้างล่าง ด้วยเหตุนี้เมื่อเมืองปริซึมถูกการกัดกินตัดขาด ชีวิตของคนงานที่ชั้นล่างสุดก็เรียกได้ว่าอันตรายอย่างมาก
ภารกิจเร่งด่วนของสมาคมก็คือตรวจสอบขอบเขตการกัดกินให้ชัดเจน แล้วก็พยายามหาช่องทางที่เหมาะสมและเชื่อมต่อชั้นบนเข้ากับชั้นล่างใหม่อีกครั้ง ในตอนที่สร้างเมืองปริซึมขึ้นมาตอนแรกก็มีการคิดถึงเหตุการณ์ทำนองนี้เหมือนกัน ด้วยเหตุนี้รอบๆ เมืองจึงมีช่องทางสำหรับอพยพเตรียมเอาไว้หลายช่องทาง
เมื่อตัดประเด็นความเป็นไปได้ที่ถูกศัตรูลอบโจมตีทิ้งไป สมาคมผู้ฝึกยุทธ์ก็เริ่มขอความช่วยเหลือ ตอนนั้นผู้คุมและลูกศิษย์ต่างก็อยู่ตรงนั้น บวกกับสิ่งที่สำนักงานใหญ่ต้องการอย่างเร่งด่วนก็คือคนงานและทีมแพทย์ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ช่วยอะไรมากไม่ได้จึงได้แต่ต้องรอฟังคำสั่งอยู่ด้านนอก
แต่เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
ในขณะที่ทุกคนกำลังแยกย้ายเข้าไปสำรวจในช่องทางอพยพแต่ละช่อง ทีมของมิสต์ซึ่งเข้าไปในช่องทางอพยพหมายเลข 4 ก็ถูกฟอลเลนอีวิลลอบโจมตี
หลังจากนั้นก็มีหลายคนที่จำได้ว่าในบรรดาฟอลเลนอีวิลที่บุกเข้ามา มีฟอลเลนอีวิลจำนวนไม่น้อยที่เป็นเพื่อนสมาชิกในสมาคมที่ถูกขังอยู่ในชั้นล่าง
เรื่องนี้ฟังดูแล้วน่าตกตะลึงและน่าเหลือเชื่ออย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าในช่วงเวลาหลายชั่วโมงที่ถูกตัดขาดการติดต่อไป ด้านล่างของเมืองนั้นเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา แต่สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคนในตอนนี้คือสัตว์ประหลาดที่หลอมรวมเข้ากับแกนพลังที่แปรสภาพ ในนั้นมีทั้งคนงานธรรมดาแล้วก็ผู้ฝึกยุทธ์
คนที่สามารถเข้าไปยังชั้นล่างของเมืองปริซึมได้นั้นจะต้องเป็นสมาชิกที่ภักดีต่อสมาคมที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อะไรกันที่เป็นสาเหตุให้พวกเขาทรยศต่อสมาคมได้ในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ในจุดนี้ยังคงไม่มีใครรู้คำตอบ แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือวินาทีที่พวกเขาเอาแกนพลังที่แปรสภาพหลอมรวมเข้ากับร่างกายของตัวเอง พวกเขาก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป แม้แต่โรแลนด์ก็ยังรู้สึกตกใจอยู่นานเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทีมช่วยเหลือในตอนนั้นเลยว่าจะตกตะลึงแค่ไหน
และผลก็คือทีมของมิสต์ถูกเล่นงานจนมือไม้ปั่นป่วน
ด้วยความสามารถของมิสต์ถึงได้ทำให้สมาชิกภายในทีมบางส่วนสามารถหนีรอดกลับออกมาได้บ้าง แต่ว่ามิสต์ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมกลับไม่สามารถหนีออกมาได้ ในตอนที่เธอปิดประตูบานหนึ่งลง เธอก็ถูกฟอลเลนอีวิลสามสี่ตัวรุมโจมตี
เมื่อพูดถึงตรงนี้ การ์เซียก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง
โรแลนด์เทนมให้เธออีกแก้วหนึ่ง หลังลังเลอยู่เล็กน้อย สุดท้ายเขาก็ถามคำถามที่ตัวเองสนใจมากที่สุด ถึงแม้มันจะฟังดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร แต่เขาจำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้
“ข่าวพวกนี้น่าจะเป็นข่าวที่คนที่รอดชีวิตเอามาแจ้งให้กับทางสำนักงานใหญ่ใช่ไหม?” เขาสูดหายใจ “มีคนเห็นกับตาไหมว่าอาจารย์ของเธอตายจริงๆ?”
ถ้าเป็นเวลาปกติ เขาอาจจะโดนเธอเล่นงานไปแล้วที่ถามคำถามแบบนี้ แต่ตอนนี้ในใจของการ์เซียเต็มไปด้วยความสับสน เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นถึงเจตนาของโรแลนด์ “อาจารย์ของฉัน…อาจารย์ของฉันใช้ร่างกายบังที่เปิดประตูเอาไว้…จากนั้นก็ถูกฟอลเลนอีวิลฉีกออกเป็นชิ้นๆ…ตอนนั้นในทีมมีอยู่หลายคนที่เห็นเหตุการณ์นี้… “ เธอฟุบลงไปบนโต๊ะแล้วเริ่มร้องไห้ออกมาอีก “ฮือ…”
“….น่าเศร้าจริงๆ” โรแลนด์ถอนหายใจออกมา
เขาไม่รู้ว่าคนที่ตายอยู่ในโลกแห่งความฝันจะกลายเป็นอย่างไร จะกลับไปยังโลกแห่งจิตสำนึกใหม่หรือว่าหายไปเลย? แต่ถ้าพระเจ้าควบคุมโลกแห่งจิตสำนึกส่วนใหญ่อยู่จริงๆ ไม่ว่าจะสุดท้ายจะเป็นอย่างไรก็ไม่อาจถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีได้เลย ถ้าสูญเสียการปกป้องจากโลกแห่งความฝันไป ผู้ที่ทรยศจะต้องเจอกับจุดจบอย่างไร ไม่ต้องคิดก็คงจะรู้ๆ กัน
นี่ก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดโยงไปถึงพระเจ้า ปรากฏการณ์แปลกๆ ครั้งนี้มันเหมือนกับถูกจัดขึ้นมาเพื่อเล่นงานมิสต์โดยเฉพาะอย่างไรอย่างไร
ขณะเดียวกัน พระเจ้าก็ไม่ได้มีมิสต์เป็นเป้าหมายแค่เพียงคนเดียว
โลกแห่งความฝันต่างหากถึงจะเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายอยากจะทำลายมากที่สุด
‘อย่างนั้นเจ้าก็ต้องปกป้องที่นี่…ถ้าเจ้าสูญเสียมันไป โลกแห่งจิตสำนึกก็จะตัดขาดจากเจ้าไปตลอดกาล’ โรแลนด์นึกถึงคำเตือนของมิสต์ขึ้นมา
ดูเหมือนเขาคงต้องทำสงครามแห่งโชคชะตาในโลกแห่งความฝันซะแล้ว
ศัตรูนั้นไม่ใช่ปีศาจแล้วก็ไม่ใช่อาณาจักรซีสกาย
หากแต่เป็นพระเจ้า
……
“อดทนไว้….”
เสียงวุ่นวายดังขึ้นที่ข้างหู เหมือนอยู่ไกล แล้วก็เหมือนอยู่ใกล้ๆ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
มันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ไปทั่วร่างกาย ขาทั้งสองข้างเหมือนจะหักอย่างไรอย่างนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่มันบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ แม้แต่ในพิธียกระดับมันก็ยังไม่เคยตกอยู่ในสภาพแบบนี้เลย
มีอยู่ชั่วแวบหนึ่ง มันนึกถึงคำว่าตายขึ้นมา
อาา…ใช่แล้ว มันใกล้จะตาย พลังชีวิตที่อยู่ในร่างกายกำลังไหลออกไปทีละน้อย สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือความหนาวเย็นที่เสียดกระดูก สติเหมือนกำลังจะหลุดลอย การจะรวบรวมสติเพื่อครุ่นคิดเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
“อดทนไว้…”
เสียงใกล้เข้ามาอีกหน่อย
มีคนเหรอ?
แปลก…เสียงนี้ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน…
“ตรงนี้ยังมีคนรอดหนึ่งคน ใครก็ได้มาฉันยกก้อนหินบ้าๆ นี่หน่อย!”
“เธอดูแล้วบาดเจ็บหนักมากทีเดียว เร็วๆ หน่อย!”
“1 2 3!”
พริบตานั้นเอง มันพลันรู้สึกร่างกายว่าเบาลง ก่อนจะถูกคนยกขึ้นไปนอนบนเตียงนุ่มๆ
“อดทนไว้ คุณไม่เป็นอะไรแล้ว” มีคนพูดกับมันอยู่ “สมาคมเตรียมหมอกับอุปกรณ์ที่ดีที่สุดเอาไว้แล้ว แค่คุณอดทนไปให้ถึงโรงพยาบาลก็พอ!”
โรงพยาบาล…มันคืออะไร? หรือว่า…คนพวกนี้กำลังช่วยมันอยู่?
“ใช่แล้ว คุณมาจากคาบสมุทรคาร์กาดใช่ไหม? คุณชื่ออะไร?”
“ชื่อ..ของข้า…เหรอ?”
“ใช่ คุณจำได้ไหม?”
มันใช้เรี่ยงแรงเฮือกสุดท้ายตอบออกมา
“…วัลคี…รีย์”
…………………………………………………………………………………