ตอนที่ 1961 กลับตาลปัตร! โดย Ink Stone_Fantasy
“จักรพรรดิเทพ นี่มันหมายความว่าอะไร?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงจ้องมองร่างเงาของจักรพรรดิเทพที่อยู่รอบผู้สูงส่งชั้นฟ้าคนหนึ่ง
“หวู่เฟิง ไม่ต้องโกรธเกรี้ยว เมิ่งต้าวไม่ได้ทำร้ายใครและไม่ได้แหกกฎ” ร่างเงาของจักรพรรดิเทพได้ยิ้มออกมาแต่มีสีหน้าท่าทางราวกับไม่ได้ฟังคำถาม เขาไม่ได้หันไปมองหวังหลินที่อยู่นอกค่ายกลเคลื่อนย้าย
“คงไม่ต้องบอกหรอก หากหวังหลินไม่ได้ออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้ายและโดนดัชนีเข้าไป สัมผัสวิญญาณคงได้รับความเสียหายระหว่างการเคลื่อนย้าย ช่างเรื่องแหกกฎไปได้เลย พฤติกรรมแบบนี้มันช่างน่าละอายที่สุด!” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงสะบัดแขนเสื้อและไม่มีทีท่าว่าจะถอย
จักรพรรดิเทพยิ้มและกล่าวออกมา “หวู่เฟิง เจ้าก็พูดเกินไปหน่อย เด็กนี่บาดเจ็บหรือไม่?”
หวู่เฟิงมองจักรพรรดิเทพแต่ไม่ได้พูดอะไร
“ในเมื่อไม่มีความเสียหายก็ดีแล้ว ต้องทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? หวู่เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการชักชวนเด็กคนนี้และข้าจะไม่ต่อสู้กับเจ้า เซียนแบบนี้…” จักรพรรดิเทพก้มศีรษะลงมองหวังหลิน
“ช่างไร้ค่า เขามีเกราะวิญญาณ ดังนั้นจึงผ่านระดับสิบสามไปได้ แต่พอไม่มีเกราะวิญญาณ การที่เขาจะกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะก็ยังยากเลย!” จักรพรรดิเทพพูดด้วยน้ำเสียงเชิงล้อเลียน
เขาคือจักรพรรดิเทพ เป็นมหาชั้นฟ้าแปดสุดขั้ว คำพูดของเขามีความหมายยิ่งกว่าของเหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะ คำพูดของเขาได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนในบททดสอบชั้นฟ้า!
แทบไม่มีผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะคนใดที่รู้ว่าหวังหลินมีเกราะวิญญาณ พวกเขาคิดว่าหวังหลินผ่านตำหนักระดับสิบสามไปด้วยความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่พอจักรพรรดิเทพพูดขึ้นมา จึงเกิดเสียงซุบซิบนินทาครั้งใหญ่!
“เขามีเกราะวิญญาณ!!! เขาช่างน่าละอายเสียจริงๆ!”
“ข้าสงสัยอยู่แล้วว่าเขาไต่จากระดับห้าไปสู่ระดับสิบสามได้อย่างไร นี่แสดงว่าเขาพึ่งพาพลังของเกราะวิญญาณ แม้แต่ข้าก็ทำได้!”
“มิน่าเล่าเขาถึงผ่านได้อย่างรวดเร็ว พลังที่แท้จริงของเขาแค่ระดับห้าเท่านั้น แต่เพราะเกราะวิญญาณเขาจึงไปได้ไกลขนาดนี้ เขาสามารถหลอกเราได้ แต่ไม่สามารถหลอกมหาชั้นฟ้าได้!”
“พวกเราเกือบโดนเขาหลอกแล้ว หวังหลินช่างน่าละอาย!! ผู้สูงส่งชั้นเทวะอะไรกัน? เขาก็แค่ผู้สูงส่งชั้นฟ้าธรรมดา พอไม่มีเกราะวิญญาณ ข้าก็สามารถสังหารเขาได้เพียงแค่ลมหายใจเดียว!”
“ฮึ่ม ข้าคิดอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีระดับถึงผู้สูงส่งชั้นฟ้า ที่เขามาที่นี่ได้ก็เพราะพลังของเกราะวิญญาณ! ดูระดับบ่มเพาะเขาสิ นั่นมันวิบากดับสูญระดับกลางชัดๆ และยังไม่ถึงผู้สูงส่งชั้นทองเลยด้วยซ้ำ ข้าคิดว่าเขาตั้งใจซ่อนระดับบ่มเพาะ ดูเหมือนเขาก็แค่เซียนขั้นวิบากดับสูญระดับกลางตัวน้อยๆ!”
“มิน่าเล่าที่มีเพียงแค่มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงที่มาที่นี่หลังจากเขาทะลวงผ่านระดับสิบสาม มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ไม่เคยปรากฏตัวเลย เขามองทะลุความไร้ยางอายของหวังหลินได้นานแล้วและรู้สึกว่าการชักชวนเขาเป็นการดูถูกตัวเองมากเกินไป!”
“เขามีพรสวรรรค์แบบไหนกัน? นี่มันจอมลวงโลกชัดๆ เขาหลอกเราทั้งหมด ถ้าข้ารู้แบบนี้ข้าคงไม่มาดูหรอก!”
ที่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าโกรธเกรี้ยวขนาดนี้ส่วนใหญ่มาจากความอิจฉา ก่อนหน้านี้ที่หายไปก็เพราะช่องว่างขนาดใหญ่ แต่ตอนนี้พวกเขารู้ว่าทั้งหมดเป็นเรื่องโกหก แต่ละคนจึงพูดด้วยความอิจฉา
เหล่าผู้สูงส่งชั้นเทวะทุกคนต่างก็มองหวังหลินด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เขาใช้เกราะวิญญาณจริงๆ…แต่ถึงจะมีเกราะวิญญาณ การผ่านระดับสิบสามได้นั่นหมายความว่าเขามีวิชาบางอย่าง…”
“อาาา ข้าไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้!”
“ชื่อเสียงของเขาเพิ่งจะไปถึงจุดสูงสุดหลังจากกลายเป็นผู้สูงส่งชั้นเทวะอันดับสาม แต่จากนั้นจักรพรรดิเทพก็บอกว่าเขามีเกราะวิญญาณ หรือว่าจักรพรรดิเทพจะมีความบาดหมางกับเขา…”
“เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดพลาด หากมันง่ายแบบนั้น มหาชั้นฟ้าต้าวยี่และมหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงคงไม่ออกมาดูด้วยตัวเอง”
การพูดคุยรอบด้านกำลังอื้ออึงและเข้าถึงหูหวังหลิน เขายืนขบคิดอย่างเงียบๆ ใบหน้าซีดเล็กน้อย เขายังทำให้ทุกคนสนใจ แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วมันเหมือนกลับตาลปัตร!
นี่คือเป้าหมายของจักรพรรดิเทพ เขาไม่ยอมให้หวังหลินมีชื่อเสียงโด่งดังง่ายๆ เป็นเหตุให้ต้องชี้จุดสำคัญออกมา ตอนนี้พอได้ฟังการพูดคุยของเซียนรอบด้านจึงยิ้มกว้าง
“ดังนั้นเจ้าได้สวมเกราะวิญญาณเพื่อผ่านระดับสิบสาม ข้าสงสัยจริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงรีบจากไปและไม่ลองระดับสิบสี่ ดูเหมือนเวลาบนเกราะวิญญาณของเจ้าได้หมดลงแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถโกหกทุกคนได้อีกต่อไปและต้องรีบจากไปทันที”
“ช่างมันเถอะ เซียนแบบเจ้าไม่มีค่าพอให้ข้าสนใจอีกครั้งแล้ว ไปซะ!” ผู้สูงส่งชั้นฟ้าเมิ่งต้าวเยาะเย้ยหวังหลินและสะบัดแขนเสื้อ
“ช่างน่าผิดหวัง!”
การเผชิญหน้ากับข้อถกเถียงทั้งหมดและการดูถูกของเซียนรอบด้าน ทำให้มหาชั้นฟ้าต้าวยี่ถึงกับอ้าปากจะกล่าวอะไร แต่ก็ถอนหายใจ เขารู้ว่าหวังหลินมีชื่อเสียงไปทางไม่ดีในเผ่าเทพไปแล้ว
‘การที่จักรพรรดิเทพพูดเช่นนี้ หมายความว่าเขามีความสัมพันธ์บางอย่างกับเด็กคนนี้ หวังหลิน…เป็นคนที่น่าอับอาย…ไม่เข้าไปเชิญชวนเขาจะดีที่สุด แม้ความเข้าใจของเด็กคนนี้จะแตกต่างอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ทุกอย่างไร้ค่าไปแล้ว’ ต้าวยี่ถอนหายใจและไม่พูดออกมา เขายอมล้มเลิกที่จะชักชวนหวังหลิน
ในจังหวะนั้นมีเสียงโกรธเกรี้ยวของสตรีผู้หนึ่งดังออกมาจากฝูงชน น้ำเสียงของนางมีทั้งระดับบ่มเพาะและดังกึกก้องไปทั่วบททดสอบชั้นฟ้า
“พวกเจ้าทั้งหมด หุบปาก! พวกเจ้าไม่รู้อะไรเลย เมื่อหลายสิบปีก่อนหวังหลินสามารถต่อสู้กับข้าได้โดยไม่มีเกราะวิญญาณ เขาจะเป็นเหมือนที่พวกเจ้าพูดไปได้อย่างไร!?”
“แม้จะมีเกราะวิญญาณแล้วอย่างไร? นั่นหมายความว่าเขาได้รับการยอมรับจากวิญญาณต่างแดนเพื่อให้เขาทรงอำนาจ นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของการบ่มเพาะ!”
“ระดับสิบสาม เขามีพลังอำนาจในการผ่านระดับสิบสาม พวกเจ้าสักคนไหมที่กล้าขึ้นไปสู้กับเขา!? ถ้าพวกเจ้าล้วนแต่อิจฉา ก็ลองไปหาเกราะวิญญาณดูและจะได้เห็นกันว่าการได้รับการยอมรับจากวิญญาณต่างแดนมันยากแค่ไหนเมื่อเทียบกับบททดสอบชั้นฟ้า!” น้ำเสียงนี้มาจากผู้สูงส่งชั้นฟ้าไฮ่จื่อ นางมีชื่อเสียงโด่งดังในเผ่าเทพ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาจารย์คือมหาชั้นฟ้าจิ่วตี้ และส่วนหนึ่งก็มาจากความแข็งแกร่งของตัวเอง
เพียงแค่นางเอ่ยปากพูด รอบด้านพลันเงียบสนิท
หวังหลินยังคงขบคิดอยู่ด้านนอกค่ายกลเคลื่อนย้ายด้วยใบหน้าซีดขาว ภายใต้สายตาสงสัยของทุกคน เขากลับมองไฮ่จื่อที่กำลังตื่นเต้นและโกรธเกรี้ยวอยู่ไกลๆ
จักรพรรดิเทพส่ายศีรษะและพูดออกมา “สหายน้อยไฮ่จื่อ อย่าพูดจาไร้สาระ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้สูงส่งชั้นฟ้าหรือผู้สูงส่งชั้นเทวะ การเน้นไปที่ระดับบ่มเพาะของตัวเองเป็นกุญแจสำคัญ การพึ่งพาพลังภายนอกยังมีขีดจำกัด! ขีดจำกัดของหวังหลินคือตำหนักระดับสิบสาม ข้ากลัวว่าอีกหลายแสนปีถัดไป การที่เขาจะก้าวหน้าไปอีกขั้นคงยากมาก การบรรลุระดับนี้เพียงแค่ชั่วคราวจะสำคัญอะไร?”
“นี่เป็นความจริงที่เหล่าเซียนแบบเจ้าทั้งหมดต้องจำเอาไว้ เพราะการพึ่งพาพลังภายนอกเป็นแค่การชะลอระดับบ่มเพาะของตัวเองเท่านั้น หวังหลินเป็นตัวอย่างให้พวกเจ้าแล้ว!”
มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงซึ่งเงียบมานานพลันเอ่ยขึ้นในทันที “พลังภายนอก? ตำแหน่งมหาชั้นฟ้าก็เป็นพลังภายนอกเช่นกัน มันคือการสืบทอดจากแผ่นดินเทพบรรพกาล หากเป็นอย่างที่เจ้าพูดจริง ใครคนไหนในมหาชั้นฟ้าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพลังภายนอก?”
“แม้แต่เจ้าเอง จักรพรรดิเทพ มหาชั้นฟ้าแปดสุดขั้ว ข้าจำได้ว่าตอนที่เจ้าเป็นเพียงผู้สูงส่งชั้นฟ้า ถ้าไม่เพราะสายโลหิตเจ้าไม่ได้สืบทอดมาจากบรรพชนเทพในตำนาน คิดหรือว่าเจ้าจะสืบทอดชื่อแปดสุดขั้วได้?”
“พลังภายนอกก็คือพลังอีกหนึ่งอย่าง ตราบใดที่พลังนี้สามารถปัดเป่าทุกอย่างที่ขวางทางได้ ใครจะกล้าพูดอะไร?” มหาชั้นฟ้าหวู่เฟิงจ้องมองจักรพรรดิเทพอย่างเย็นชาและพูดอีกครั้ง
“เจ้าเรียกเขาว่าไร้ค่า เช่นนั้นในสายตาของบรรพชนเทพ ลูกหลานแบบเจ้าก็ไร้ค่าเช่นกัน!” หวู่เฟิงไม่ออมมืออีกต่อไปแล้ว
จักรพรรดิเทพจ้องมองหวู่เฟิง สีหน้าท่าทางค่อยๆ เย็นเยียบ
“ตำแหน่งมหาชั้นฟ้าจะเทียบกับเกราะวิญญาณได้อย่างไร? หวู่เฟิง ข้าประหลาดใจที่เจ้ายังเห็นค่ามัน แม้เด็กคนนี้จะสวมเกราะวิญญาณ ตำหนักระดับสิบสามคือขีดจำกัดแล้ว หากเขาได้ตำแหน่งมหาชั้นฟ้า เขาก็สามารถผ่านระดับสิบเก้าได้ง่ายๆ เจ้าคิดว่าสองอย่างนี้เหมือนกันหรือไม่?”
“ช่างเรื่องตำหนักระดับสิบเก้าไปได้เลย หากเขาผ่านระดับสิบห้าได้ วันนี้ข้าจะช่วยเขา ข้าจะส่งต่อราชโองการศักดิ์สิทธิ์เพื่อบอกให้โลกรู้ว่าเขาคืออันดับหนึ่งในเผ่าเทพที่อยู่ใต้มหาชั้นฟ้า!”
“หากเขาทำได้นะ!”
หวู่เฟิงขบคิดเงียบๆ
จักรพรรดิเทพยิ้มราวกับไม่สนใจว่าหวู่เฟิงจะพูดอะไร เขาหันกลับมาและร่างเงากำลังจะสลายไป
“เมิ่งต้าว กลับวังซะ เรื่องที่นี่จบแล้ว”
ต้าวยี่ถอนหายใจและกำลังจะจากไป แม้แต่เหล่าผู้สูงส่งชั้นฟ้าและผู้สูงส่งชั้นเทวะยังหันกลับเพราะคิดจะจากไป การแสดงนี้จบลงแล้ว
เมิ่งต้าวมองหวังหลินอย่างเย็นชา เขาเยาะเย้ยและกำลังจะจากไป
แต่ในวินาทีนั้น หวังหลินพลันถอนหายใจ เขามองจักรพรรดิเทพที่กำลังจะหายตัวกลับ
“ตำหนักระดับสิบห้า? จักรพรรดิเทพ ดูให้ดี!” หวังหลินมีใบหน้าสงบนิ่ง แต่ภายในร่างมีพลังหนึ่งกำลังรวมตัวอยู่ นาทีนี้มันปะทุขึ้นและทะยานส่งเขาขึ้นไปในท้องฟ้า
การกระทำของเขาได้ทำให้ต้าวยี่หยุดชะงักและจักรพรรดิเทพถึงกับขมวดคิ้ว ร่างที่กำลังหายไปกลับมารวมเป็นรูปร่างและมองไปหาหวังหลิน
หวู่เฟิงจ้องหวังหลินที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าดุจมังกรผงาด
ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แต่ทุกคนในบททดสอบชั้นฟ้าต่างก็เงยหน้าขึ้นมองร่างหวังหลิน!
“เขากำลังจะทำอะไร?”
“เขาจะไปต่อจริงหรือ? เกราะวิญญาณหมดเวลาไปแล้ว เขาจะไปต่อได้อย่างไร?”
ขณะที่เมิ่งต้าวมองร่างหวังหลิน จิตใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาเกิดความรู้สึกแย่ๆ ขึ้นมา
ขณะเดียวกันด้านนอกบททดสอบชั้นฟ้า บนภูเขาจักรพรรดิ มหาชั้นฟ้าจิ่วตี้พลันยืนขึ้นและจ้องมองใบไม้แห้งเบื้องหน้าในทันที
เขาเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นและเห็นด้วยกับคำพูดของจักรพรรดิเทพ พอเขาเห็นหวังหลินทะยานขึ้นไป จึงแสดงอาการประหลาดใจอันหาได้ยาก
‘เด็กนี่จะไปต่อ?’
วินาทีนี้ในสำนักตะวันม่วง มหาชั้นฟ้าชวงจื่อเล่นมาพอแล้วและกลับมาอยู่ข้างชายวัยกลางคน เขาเห็นหวังหลินกำลังโดนดูถูก พอเห็นหวังหลินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หลายคนจึงเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“หวัง…หวังหลิน?!” ทันหลางที่ถูกมหาชั้นฟ้าชวงจื่อทรมานกำลังจ้องมองกระจก ความคิดจิตใจขาวโพลน
……………………………………………