ตอนที่ 403 เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าผลกรรมมีจริง?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่โปรดปรานของลู่กว่างแทบจะสามารถคั้นน้ำออกมาได้อยู่แล้ว 

 

 

เขาเอ่ยต่อไปว่า “สมบัติล้ำค่าที่เผ่ามังกรทมิฬมอบให้ เจ้าสามารถเลือกไปได้ตามใชชอบ บิดาจำได้ว่าคงโหของเจ้าพังแล้วมิใช่หรือ? สิ่งของที่พวกเขากำลังจะส่งมาล้วนเป็นสมบัติโบราณที่ล้ำค่า นับว่าเหมาะสมคู่ควรกับเวยเอ๋อร์ของพวกเราพอดี” 

 

 

ลู่กว่างอารมณ์ดีจนสรวลออกมา สายตายามมองดูเวยเอ๋อร์ เปล่งประกายราวกับคนที่ได้เห็นทองคำสุกปลั่ง 

 

 

อารมณ์ที่ขุ่นเคืองเพราะชือหลีก็ถูกคลี่คลายไปอย่างรวดเร็ว 

 

 

ดูสิ …… ต่างก็เป็นบุตรสาวของเขาเหมือนกัน ทำไมถึงได้แตกต่างกันเช่นนี้? 

 

 

คนหนึ่งทำให้เขาปลาบปลื้มอย่างที่สุด แต่อีกคนกลับทำให้เขามีแต่ความละอาย 

 

 

“เสด็จพ่อ จะมากจะน้อยน้องชือหลีก็กำลังจะแต่งออกไปแล้ว ถึงตอนนั้นสมควรจัดสรรสินเจ้าสาวไปให้กับนางบ้าง” ลู่เวยยิ้มบางๆ “ข้ามีเสื้อผ้าและเครื่องประดับอยู่จำนวนหนึ่ง ถึงตอนนั้นเสด็จพอก็ให้คนจัดใส่**บเป็นสินเดิมเจ้าสาวให้นางไปเถอะ จะได้ไม่มีใครกล้าพูดว่าพวกเราข่มเหงนาง” 

 

 

ใช่แล้ว นางมีเสื้อผ้าเก่าและเครื่องประดับอยู่ชุดหนึ่ง ที่เปื้อนเลือดยามฆ่าคนอยู่พอดี ของพวกนั้นอัปมงคลอย่างยิ่ง กำลังคิดจะเอาไปทิ้งเสียเลย 

 

 

พอดีสามารถยกให้นางถือเป็นการแสดงความเมตตากรุณา 

 

 

“เวยเอ๋อร์คิดได้อย่างรอบคอบแล้ว” ราชามังกรลู่กว่างผงกเศียรติดๆกัน “เวยเอ๋อร์ของพวกเราช่างเหมือนกับมารดาของเจ้า ล้วนจิตใจดีมีเมตตา” 

 

 

หลิ่วฮุยฮองเฮาก็คอยสนับสนุนอยู่ด้านข้าง “ท่านพี่โปรดวางใจ อีกสามวันข้าจะแต่งหน้าแต่งตาชือหลีให้สวยสดงดงาม ให้นางได้แต่งออกไปอย่างเอิกเกริก เพราะอย่างไรก็เป็นถึงองค์หญิงมังกรตะวันตกของพวกเรามิใช่หรือ ย่อมต้องไม่ให้ผู้ใดหัวเราะเยาะได้อยู่แล้ว” 

 

 

ชือหลีเห็นคนในครอบครัวนี้ต่างก็ช่วยกันเล่นละครต่อหน้านาง ทำเอาสะอิดสะเอียนจนอยากอาเจียนออกมา 

 

 

หลายปีมานี้นางกลายเป็นเทพธิดาพิทักษ์สายน้ำลี่เหอ อุปนิสัยมีแต่ความจริงใจและตรงไปตรงมา 

 

 

พอได้มาเห็นคนในครอบครัวนี้ เห็นไอ้แก่ที่ต่ำช้าลู่กว่าง ก็ยิ่งอย่างจะให้เลือดที่อยู่ในกายแห้งผาดไปเสีย…..หากในร่างมีเลือดของบุรุษผู้นี้อยู่ในกาย นางรู้สึกว่าช่างสกปรกจริงๆ! 

 

 

นอกจากรู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้คิดถึงตู๋กูเจวี๋ยขึ้นมาได้กัน 

 

 

หรือว่าเป็นเพราะได้พบคนจิตใจต่ำช้ามามากเกินไป พอได้พบกับเจ้ากระต่ายน้อยอย่างเขา จึงได้รู้สึกว่าน่ารักขึ้นมา 

 

 

แม้แต่ตู๋กูซิงหลันก็ยังน่ารักกว่ามากนัก 

 

 

นางหลุบตาลง ขนต่างที่ยาวหนาเป็นแพสั่นสะท้านน้อยๆ 

 

 

การเดินทางมาครั้งนี้ มีแต่อันตรายเหลือคณานับ ดังนั้นนางจึงได้มอบมุกมังกรแห่งชีวิตของตนเองให้กับตู๋กูซิงหลัน 

 

 

เพราะคิดว่าหากตนเองโชคร้ายตายไป อย่างน้อยๆจิตวิญญาณบางส่วนก็อาจจะกลับไปยังมุกมังกรก็เป็นได้ 

 

 

บางที….ด้วยกำลังและความสามารถของตู๋กูซิงหลัน อย่างน้อยๆก็คงจะไม่ปล่อยให้จิตวิญญาณของนางต้องสูญสลายไป 

 

 

ชือหลีคิดไปเรื่อยๆ มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา 

 

 

“น้องชือหลียิ้มอย่างยินดีเช่นนี้ ดูท่าคงจะพอใจกับการจัดการของเสด็จพ่อและเสด็จแม่สินะ” ลู่เวยเองก็หัวเราะขึ้นมา “อ๋อ ใช่แล้ว ข้ามีชุดสีแดงสดอยู่ชุดหนึ่งอยู่พอดี ถึงตอนนั้นจะมอบให้น้องชือหลีเป็นชุดแต่งงานก็แล้วกัน” 

 

 

น้ำเสียงของนางสามารถหลอมละลายจิตใจผู้คน นางกระซิบลงไปที่ริมหูของชือหลีเอ่ยว่า “เสื้อผ้าชุดนั้น แดงราวกับเลือด เหมาะกับดวงตาของเจ้าเป็นอย่างยิ่งเลย” 

 

 

เลือดของคนตาย พอจับมาเข้าคู่กับดวงตาที่กำลังจะกลายเป็นคนตาย จะไม่เหมาะเจาะกันได้อย่างไร?” 

 

 

ลู่เวยเกลียดชังนาง 

 

 

หากมิใช่เพราะนางมีมารดาที่เป็นองค์หญิงผู้แข็งแกร่ง ตอนนั้นตนเองและมารดาคงมิต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ ลำบากยากแค้นไม่มีจะกินเช่นนั้น 

 

 

หนึ่งร้อยปีแห่งความยากลำบากนั้น เพียงพอที่จะให้นางฉีกร่างทึ้งกระดูกชือหลีเป็นพันชิ้น 

 

 

ก่อนหน้านี้ นางก็เป็นคนปล่อยข่าวลือออกไปเอง ….ว่าทะเลตะวันตกมีกระดูกมังกรของชือหลีและชือฉิงอยู่…..ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะหลอกล่อให้นังโง่ผู้นี้กลับมา  

 

 

แล้วดูสิ นังคนที่ไม่รู้จักใช้หัวสมองผู้นี้ ก็กลับมาอย่างโง่ๆจริงๆด้วย 

 

 

มิใช่เท่ากับว่ารีบกลับมา ‘แต่งงาน’ แทนนางพอดีหรอกหรือ? 

 

 

ลู่เวยไม่คิดจะสงสารเห็นใจนางแม้แต่น้อย ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ตัวนางและองค์หญิงมารดาของนางติดค้างตนเอง! 

 

 

นางสมควรไปตายแทนตนเอง และแลกเปลี่ยนเป็นของขวัญจากเผ่ามังกรทมิฬมาให้กับตนอยู่แล้ว! 

 

 

ตนเองจึงจะเป็นองค์หญิงของทะเลตะวันตกที่แท้จริง และคือเทพเซียนที่จะได้โบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าในอนาคต 

 

 

ชือหลี นับเป็นอะไรได้กัน? 

 

 

“ลู่เวย อย่าได้ด่วนดีใจเร็วไป” ชือหลีลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ริมฝีปากของนางมีแต่คราบเลือด ก่อนจะเอ่ยถามออกไป “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าผลกรรมนั้นมีจริง?” 

 

 

“นั่นเป็นเรื่องของพวกมนุษย์” ลู่เวยหัวเราะอย่างเย็นชา “ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็เป็นผู้ที่มีเมตตามาโดยตลอด หากจะมีผลใดตามมา….ก็มีแต่ผลดีเท่านั้น” 

 

 

“เห็นไหมเล่า เจ้าก็คือผลดีที่ข้าได้รับมิใช่รึ” 

 

 

“เวยเอ๋อร์ จะไปเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับนังตัวร้ายนั่นไปทำไม” ลู่กว่างเอ่ยอย่างเกลียดชังชือหลีอย่างยิ่ง 

 

 

พอพูดถึงผลกรรมตามสนอง ก็ไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเขาจึงเกิดความหวั่นไหวขึ้นมา 

 

 

เรื่องชั่วช้าบางเรื่องเมื่อได้กระทำไปแล้ว ความสงบสุขในจิตใจย่อมไม่เหลืออยู่อีกต่อไป ทำให้ใจต้องหวาดผวา…. 

 

 

“น้ำเสียงที่ไพเราะของเจ้า นังตัวร้ายนี้ไม่คู่ควรที่จะได้ฟังหรอก!” ลู่กว่างมีสีพักตร์ไม่พอพระทัย หากมิใช่ว่ายังจะต้องให้นังตัวร้ายชือหลีแต่งงานไปแทนเวยเอ๋อร์ เพียงแค่ท่าทางที่นางแสดงออกมาเช่นนี้ เขาก็คงฆ่านางทิ้งไปกับมือแล้ว 

 

 

ชือหลีเห็นพวกเขาพูดจะสนับสนุนกันไปมา ก็ได้แต่กำหมัดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม 

 

 

…………………….. 

 

 

เหนือทะเลตะวันตก ลมทะเลกรรโชกอย่างรุนแรง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันยื่นอยู่บนฝั่ง นางสวมใส่ชุดสีแดงดุจเปลวเพลิง ดวงตาดอกท้อจับจ้องไปยังน้ำทะเลสีฟ้าที่ใสกระจ่างที่สะท้อนกับแสงแดดจนส่องประกายระยิบระยับ 

 

 

ผิวน้ำทะเลเกิดเป็นหมอกหนา มีเหล่าดวงวิญญาณที่ถูกฆ่านับร้อยล่องลอยขึ้นมา 

 

 

พอริมฝีปากของนางเอื้อนเอ่ยคาถาออกมา แผ่นยันต์สีเหลืองในมือก็พุ่งออกไป เพียงครู่เดียวก็ล้อมเอาดวงวิญญาณคนตายเหล่านั้นเอาไว้  

 

 

เนื่องเพราะพวกเขาเป็นวิญญาณคนตายที่ตกตายอย่างอนาถ เมื่อตายแล้วหากมิได้รับการชำระล้างวิญญาณ ก็มีแต่ต้องวนเวียนอยู่ในที่เดิมตลอดไป 

 

 

ตู๋กูซิงหลันจับดวงวิญญาณดวงหนึ่งมาสอบถาม ถึงได้รู้ว่าพวกเขาถูก ‘นางพรายทะเลลึก’ กินเข้าไป 

 

 

ดวงวิญญาณของคนตายเหล่านี้มีแต่กลิ่นอายของเลือดอย่างเข้มข้น แสดงว่าความหวาดกลัวก่อนตายได้ฝังลึกอยู่ในดวงจิต 

 

 

ตู๋กูซิงหลันปิดตาลงก็รับรู้ได้ ในสมองของนางเกิดภาพของใบหน้าที่มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับชือหลีอยู่สองส่วน 

 

 

เพียงแต่ว่าคนผู้นั้นมีนัยตาเป็นสีทอง 

 

 

ยามลืมตาขึ้นมองอีกครั้ง ดวงตาดอกท้อก็เปล่งประกายขึ้นกว่าเดิม 

 

 

นางล้วงเอามุกมังกรของชือหลีออกมา มุกมังกรที่เดิมทีเป็นสีน้ำเงินตอนนี้กลายเป็นสีแดงทั้งหมดแล้ว สิ่งที่แดงเหมือนกับเลือดยังคงไหลซึมออกมาไม่ยอมหยุด 

 

 

มังกรน้อยสีทองที่อยู่ภายในนั้นยิ่งดูก็ยิ่งอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ 

 

 

เจ้าไก่ดำขนฟูและราชาสุนัขป่าตะวันตกล้วนยืนอยู่ข้างกายนาง บนหลังของราชาสุนัขป่า คือตู๋กูเจวี๋ยที่ยังมีสีหน้าทั้งงุนงงและประหลาดใจ 

 

 

“น้องเล็ก ต่อไปพี่รองจะไม่เที่ยวกัดคนไปทั่วแล้ว เจ้าปล่อยข้าไปได้หรือไม่?” ตู๋กูเจวี๋ยนั่งอยู่บนหลังของราชาสุนัขป่า เห็นน้องสาวของตนเองนำกระทั่งดาบยักษ์ของพี่ใหญ่มาด้วย 

 

 

นางที่มีรูปร่างที่บอบบางกับสามารถสะพายดาบที่ใหญ่กว่าตัวเองเอาไว้ได้อย่างสบายและคล่องแคล่ว 

 

 

เขาพึ่งจะตื่นขึ้นมาพอรู้ตัวก็อยู่บนหลังของราชาสุนัขป่าแล้ว เบื้องหน้าของเขาคือท้องทะเลอันกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต หรือว่าน้องเล็กอยากจะจับเขาโยนลงทะเลไปเป็นอาหารปลากัน 

 

 

ลมทะเลพัดมา ทำให้ชุดสีแดงของนางพลิ้วขึ้นราวกับกำลังเริงระบำ ตู๋กูซิงหลันจับตามองดูคลื่นน้ำที่ไม่เคยสงบนิ่ง เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “ยังอยากจะมีภรรยาอยู่อีกหรือไม่?” 

 

 

ตู๋กูเจวี๋ย “หา?” 

 

 

“ถ้ายังอยากจะมี ก็ติดตามลูกพี่ไปตัดหัวคนด้วยกัน!” 

 

 

ตู๋กูซิงหลันว่าแล้ว ก็ก้าวเท้าลงไปในน้ำทะเล ทันใดนั้นก็เห็นน้ำทะเลใต้ฝ่าเท้าแยกออกเป็นสองด้าน 

 

 

น้ำทะเลแยกออกเป็นเส้นทางสายหนึ่ง ทอดตัวยาวลึกลงไปยังด้านล่าง 

 

 

ตู๋กูซิงหลันสะพายดาบยักษ์ของพี่ใหญ่เอาไว้ ออกเดินนำหน้า 

 

 

ราชาสุนัขป่าพาติ๊งต๊องและพี่รองติดตามลงไปอย่างกระชั้นชิด 

 

 

“นี่คือพลังจากมุกมังกรของชือหลี นางจะต้องมีฐานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” วิญญาณทมิฬนั่งอยู่บนบ่าของนาง มองดูพื้นดินบริเวณที่พวกนางเดินผ่าน น้ำทะเลค่อยผสานกลับเข้ามาก็รู้สึกว่าน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง 

 

 

 

 

 

 

 

 

………………………. 

 

 

ไรท์: เรื่องนี้ออกทะเลแล้วจริงๆ แต่เป็นแหวกลงไปกลางทะเลเลย รีดทั้งหลายโปรดหยิบยืมครีบหางขึ้นมาโดยด่วน แล้วตามข้าพเจ้ามา! เราจะบุกวังมังกรกันแล้ว! 

 

 

ตอนต่อไป “อหังการ!”