บทที่768 การสังเวยของเผ่าน้ำแข็ง

อัจฉริยะแพทย์สาว ข้ามภพรักอ๋องเทพสงคราม

“ชี่พิฆาตหนักขนาดนี้ พวกเราจะเดินต่อไปยังไง?”

ฮัวฉีหลัวใช้มือบังหน้าไว้ ชี่พิฆาตอันแข็งแกร่งพัดจนนางลืมตาแทบไม่ขึ้น

ผู้อาวุโสหกก็สงสัย

เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนแดนต้องห้ามไม่มีชี่พิฆาตนี่

ถึงเขาจะโง่ยังไง ก็รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่

ผู้อาวุโสหกรีบออกจากแดนต้องห้าม บินออกไปทันที

ฉัวฉีหลัวอึ้ง

ไปแบบนี้เลยเหรอ?

ถุย!!

นี่มันผู้อาวุโสอะไรกัน?

เห็นอันตรายก็หนีซะแล้ว เสียแรงที่พี่หน่วนเคารพเขาขนาดนั้น

ชี่พิฆาตพัดมาไม่หยุด ทิศทางที่พัดไปนั้นก็ไม่ใช่ทางเดียวกัน ฮัวฉีหลัวกัดฟันเตรียมพุ่งออกไป นางใช้วิชาตัวเบา เดินไปซ้ายทีขวาที พยายามหลบชี่พิฆาตที่พัดเข้ามา

ต้องขอบอกเลยว่า นางโชคดีมาก ทุกครั้งก็เฉียดชี่พิฆาตตลอด

ยิ่งเดินไปข้างใน ชี่พิฆาตก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แข็งแกร่งจนนางเดินลำบากมากขึ้น ชี่พิฆาตยังพัดเข้ามาอย่างกับพายุ ล้อมรอบตัวของนางไว้

ตอนนี้นางเข้าก็ไม่ได้ ออกก็ไม่ได้ ทำได้แค่ยืนอยู่กับที่

แต่ถ้าอยู่กับที่ก็จะมีพายุหมุนโหมกระหน่ำมาทางนี้

“พี่หน่วน……พี่อยู่ไหน……”

ฮัวฉีหลัวตกใจจนตะโกนเสียงดัง เสียงที่ตอบรับนาง นอกจากจะเป็นเสียงชี่พิฆาตแล้ว ก็ไม่มีเสียงอื่นอีกเลย

นางกลัวแล้วจริงๆ

ทำตัวไม่ถูก

ตำแหน่งที่ยืนอยู่ก็อันตรายมากด้วย ฮัวฉีหลัวจึงหลับตาลง เตรียมพุ่งออกไปอีกครั้ง ถ้ายังไม่ออกไปอีก สิ่งเดียวที่รอนางอยู่ก็คือความตาย ยังไงก็ดีกว่ายืนรอความตาย

ในตอนที่นางจะพุ่งออกไปนั้น ข้างหูก็มีเสียงด่าอย่างโมโหดังขึ้น “ยัยเด็กโง่ อยากตายนักหรือไง? ชี่พิฆาตนี้สามารถเขมือบคนทั้งเป็นได้เลยนะ เจ้าพุ่งออกไปแบบนี้ ไม่กลัวตายหรือไง?”

ฮัวฉีหลัวลืมตาขึ้นมา และเห็นผู้อาวุโสหกยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง

ผู้อาวุโสหกไม่รู้ว่ากลับมาเมื่อไหร่ ในมือถือร่มสีแดงคันใหญ่ไว้

ร่มสีแดงคันใหญ่ไม่รู้ว่าทำมาจากอะไร กลับขวางชี่พิฆาตนี้ได้

“เจ้าหนีไปแล้วไม่ใช่หรือไง? ทำไมถึงกลับมาล่ะ?”

“ข้ากลับไปเอาของต่างหาก ไม่งั้นพวกเราจะเข้าไปได้ยังไง? เจ้าคิดว่าทุกคนจะโง่ไม่มีสมองเหมือนเจ้าหรือไง”

“ร่มนี้วิเศษจริงๆ มันคือร่มอะไรเหรอ?”

“นี่เป็นร่มปราบมารที่อาหน่วนทำตอนอยู่ในช่วงขั้นสูงสุด นี่เป็นอาวุธล้ำค่าระดับหกเชียวนะ”

“พี่หน่วนเก่งมากเลย รอวิทยายุทธของนางฟื้นฟูแล้ว ข้าจะขอให้นางทำให้ข้าด้วยอันหนึ่ง”

มีร่มปราบมารมาช่วย ผู้อาวุโสหกกับฮัวฉีหลัวก็ถึงเข้าไปยังแดนต้องห้ามชั้นสองได้

เพิ่งเข้าไปชั้นสอง ชี่พิฆาตก็หายไปทันที

ทั้งสองอึ้ง

ชี่พิฆาตชั้นหนึ่งแทบจะเขมือบคนจนไม่เหลือซากแล้ว

ชี่พิฆาตชั้นสองควรจะหนักกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงไม่มีอะไรเลยล่ะ?

พวกเขาคิดว่าชั้นสองจะต้องมีอันตรายแน่ๆ แต่ทว่า รอพวกเขาเปิดประตูหินชั้นสามได้แล้ว ชั้นสองกลับไม่มีอันตรายใดๆเลย

“ครืด……”

ประตูหินเปิดออก สิ่งที่เห็นตรงหน้า ทำเอาฮัวฉีหลัวกับผู้อาวุโสหกสูดหายใจเข้าลึกๆ

นั่นเป็นภาพที่น่าสะพรึงมาก

ลูกศิษย์หนึ่งร้อยห้าคนของเผ่าน้ำแข็งกรีดข้อมือตัวเอง และหยกเลือดตัวเองลงบนแผนผังแปดทิศข้างเบ้าหลอมยา

แผนผังแปดทิศก็เหมือนมารร้ายที่โหดร้ายที่สุดบนโลกนี้ เปล่งประกายแสงเจ็ดสีออกมา

แต่แสงเจ็ดสีนี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไร แต่เป็นการดูดเลือดของพวกนางไม่หยุด แทบจะดูดเลือดของพวกนางจนหมดตัวอยู่แล้ว

ไป๋จิ่นกับทูตศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนของเผ่าน้ำแข็งยืนอยู่บนเบ้าหลอมยา มุมปากก็มีรอยยิ้มบางๆ

ไฟที่ลุกโชนในเบ้าหลอมยา สะท้อนไปยังใบหน้าของพวกนางจนแดงก่ำ เหมือนนางฟ้าติดไฟ

และกู้ชูหน่วนก็พุ่งเข้าไปยังแผนผังแปดทิศไม่หยุด แต่กลับถูกแสงเจ็ดสีจากแผนผังแปดทิศผลักออกมาทุกครั้ง นางพยายามตะโกนสุดฤทธิ์……

เวินเส้าหยีกับจอมมารก็คอยอยู่เคียงข้างกู้ชูหน่วน คอยพยุงกู้ชูหน่วนไว้ตลอด

พวกเขาเคยลองห้ามแล้ว แต่ก็ถูกผลักออกมาทุกครั้ง

ฮัวฉีหลัวพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว “แผนผังแปดทิศนั่นคืออะไร ทำไมถึงดูดเลือดของพวกพี่ๆล่ะ? ข้าจะไปช่วย”

ว่าแล้ว นางก็รีบพุ่งเข้าไป แต่ทว่า ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ร่างก็กระเด็นออกมาไกลแล้ว เจ็บจนนางต้องร้องซี๊ด

กู้ชูหน่วนน้ำตาไหลพราก ด้านหนึ่งก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่ย่อท้อ อีกด้านก็ตะโกนสุดเสียงจนจะขาดใจ

“ไม่……ไม่นะ……พวกเจ้ารีบออกมาเร็วเข้า อย่าสังเวยตัวเองเลยนะ”

“พี่สาว นี่เป็นค่ายกลของผู้ที่มีพลังระดับเจ็ดมาสร้างเอาไว้ ตัวเองพลังของพวกเราไม่มีทางพุ่งเข้าไปได้หรอก ถ้าพี่พุ่งชนแบบนี้ต่อไป เดี๋ยวก็ชนจนวิญญาณลอยออกไปด้วยหรอก”

“กรี๊ด……ไม่นะ……พวกนางจะตายไม่ได้……”

ลูกศิษย์ที่กรีดข้อมือสังเวยกว่าร้อยห้าคนถูกดูดเลือดจนหมดตัว พวกนางล้มลงทีละคนสองคน ถูกสูบพลังชีวิตไปจนหมด แต่ใบหน้าของพวกนางกลับมีรอยยิ้ม

ต่างก็ยิ้มแล้วพูดว่า “นายหญิง หากไม่ได้ท่านกับหัวหน้าเผ่าคนก่อนช่วยพวกเราไว้ พวกเราคงตายไปนานแล้ว พวกเราโชคดีมากที่ตัวเองมีร่างหยินบริสุทธิ์ และยินดีที่จะสละชีพของตัวเอง เพื่อช่วยนายหญิงหลอมมุกมังกร นี่เป็นเกียรติของพวกเรา”

ฮัวฉีหลัวเบิกตาโพลง มองไปยังผู้อาวุโสหก

“พวกนางหมายความว่ายังไง? อะไรคือร่างหยินบริสุทธิ์? หรือว่าพวกนางก็เหมือนกับอี้เฉินเฟย จะต้องโดดเบ้าหลอมยาเพื่อช่วยพี่หน่วนหลอมมุกมังกรเหรอ?”

ผู้อาวุโสหกร่างกายสั่นเทา พูดพึมพำเองคนเดียว

“ข้าเข้าใจแล้ว การหลอมมุกมังกรไม่เพียงแต่ต้องใช้ร่างหยางบริสุทธิ์เท่านั้น ยังต้องใช้หยินบริสุทธิ์ด้วย แต่ว่า……ทำไมต้องสละชีพหยินบริสุทธิ์เยอะขนาดนี้ล่ะ? นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว……ร้อยกว่าคนเลยนะ เผ่าหยกจะรับไหวได้ยังไง? อาหน่วนจะรับไหวได้ยังไง?”

“เจ้าพูดอะไรของเจ้า? พี่สาวร้อยกว่าคนของข้าต้องสังเวยหมดเลยเหรอ? ไม่……ไม่มีทาง……”

ฮัวฉีหลัวสีหน้าซีดเซียว นางสะอื้นพูดว่า “พวกพี่ทำอะไรกัน รีบปล่อยมือเร็วเข้า ถึงจะเป็นร่างหยินบริสุทธิ์ ก็ไม่ต้องใช้คนเยอะขนาดนี้ ข้าก็เป็นร่างหยินบริสุทธิ์ พวกพี่ใช้ตัวข้าก็ได้ พี่ไป๋ พี่รีบพูดกับพวกนางสิ ให้พวกนางหยุดเดี๋ยวนี้”

ไม่เพียงแต่กู้ชูหน่วนที่แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว ฮัวฉีหลัวก็เหมือนกัน

ไป๋จิ่นกับทูตศักดิ์สิทธิ์อีกสองคนยิ้มแล้วพูดว่า

“การมีอยู่ของเผ่าน้ำแข็ง ก็เพื่อวันนี้ และวันนี้ก็มาถึงแล้ว พวกเราก็ควรจะทำหน้าที่ของเผ่าน้ำแข็งให้เสร็จ”

กู้ชูหน่วนพยายามบังคับให้ตัวเองใจเย็น นางพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าขอสั่งด้วยอำนาจของหัวหน้าเผ่า พวกเจ้าลงมาเดี๋ยวนี้ จบเรื่องทุกอย่าง จะไม่มีการหลอมมุกมังกรแล้ว เจ้าบอกให้พี่น้องทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้เลย”

“นายหญิง ความทรงจำของท่านกลับมาแล้วใช่หรือไม่?”

“กลับมานิดเดียว ยกเลิกแผนการสังเวยเผ่าน้ำแข็งเดี๋ยวนี้”

อี้เฉินเฟยสละชีพไปแล้ว

นางจะมองดูพี่น้องเผ่าน้ำแข็งมากมายสละชีพไปต่อหน้าต่อตาอีกไม่ได้

“พวกข้ารู้ดี ท่านเป็นหัวหน้าเผ่าลำบากใจมาก แต่ท่านอย่าเสียใจไปเลย พวกเราสมัครใจเอง เพื่อวันนี้ พวกเรารอมานานมากแล้วล่ะ”

“ไป๋จิ่นกับพี่น้องทุกคนโชคดีมากที่ได้รู้จักกับนายหญิง”

“ใกล้ถึงเวลาแล้ว ขออภัยที่ต่อไปนี้พวกเราจะปกป้องท่านไม่ได้อีก นายหญิงดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ”

“ไป๋จิ่น ไป๋ซิน ไป๋หลัน……พวกเจ้าสามคนจะขัดประกาศิตข้าหรือไง?” กู้ชูหน่วนตะคอกออกไปสุดเสียง