ตอนที่ 153-2 น้องเขย เจ้าอย่าเก่งกาจล้ำหน้านักได้ไหมเล่า

จำนนรักชายาตัวร้าย

ซย่าโหวฉิงเทียนแจกจ่ายนกหวีดไม้ไผ่ให้กับทุกคนๆละอัน ตี้อูเย่ไหลร้อนวิชารีบเป่านกหวีดไม้ไผ่นั่นหนึ่งครั้ง ฉับพลันพิราบสื่อสารก็ พรึบ บินถลาเข้ามาที่เบื้องหน้าของเขาแล้วหยุดลงบนข้องที่เขาสะพายหลังอยู่ทันที 

 

 

“น้องเขย เจ้าให้ข้าจริงหรือ? มอบมันให้ข้า?” 

 

 

ดวงตาของตี้อู่เฮ่ออี้ยิ้มเสียจนเกือบจะเป็นเส้นตรง 

 

 

แม้แต่ในความฝันเขายังฝันว่าอยากจะมีพิราบสื่อสารเป็นของตนเองสักตัว ไม่เลยว่าฝันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ 

 

 

“ใช่! ขอเพียงนกหวีดไม้ไผ่นี่ยังอยู่ พวกมันก็จะฟังคำสั่งของเจ้าตลอดไป!” ซย่าโหวฉิงเทียนอธิบาย 

 

 

ของขัว้ญชิ้นนี้ทำเอาตี้อู่เจ๋อดีใจจนแทบจะเป็นลมเลยทีเดียว 

 

 

“ฉิงเทียน เจ้าไปเอาพิราบสื่อสารมาจากที่ไหนจำนวนมากมายเพียงนี้?” พิราบสื่อสารหายากยิ่งนัก อีกทั้งมันยังมีนิสัยดุร้าย จึงไม่ยอมให้ใครมาฝึกสอนมันได้ง่ายๆ ซย่าโหวฉิงเทียนให้ของขวัญชิ้นใหญ่โตเช่นนี้ ช่างใจกว้างเสียจริงๆ 

 

 

“จับมานะ” ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยตอบ 

 

 

“แต่ว่า ข้าเคยได้ยินว่าพิราบสื่อสารฝึกฝนยากยิ่งนก ฉิงเทียน เจ้าทำได้อย่างไรกัน?” 

 

 

เมื่อได้ยินคำถามนั้น ตี้อู่เฮ่ออี้ก็เงยหน้ามองท้องฟ้าทันที เขาคิดออกแล้วว่าคำตอบของคำถามนี้คืออะไร ก่อนหน้านี้เขาก็เคยถามคำถามไร้เดียงสาเช่นนี้เหมือนกัน 

 

 

ซึ่งก็เป็นไปตามคาด ซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยปากเมื่อใดก็มักจะทำให้คนตกตะลึงเสียทุกครั้งไป 

 

 

“หากมันไม่เชื่อฟังข้าก็จะซ้อมมันจนกว่าจะเชื่อฟัง” 

 

 

ซ้อมพิราบสื่อสาร? 

 

 

ได้ยินดังนั้นก็ทำให้ตี้อู่จิ่งเหรินรู้สึกสงสารพวกมันยิ่งนัก 

 

 

หรือว่าเหล่าพิราบสื่อสารที่อยู่เบื้องหน้าของพวกเนี้ จะถูกหลานเขยสั่งสอนเข้าให้แล้วจนเกิดหวาดกลัว ดังนั้นพวกมันถึงได้ก้มหน้าลงตลอดเวลา 

 

 

ใครๆต่างก็บอกว่าพิราบสื่อสารคือนกที่หยิ่งยโสในตัวเองมากที่สุด? เจ้าซ้อมพวกมัน แล้วพวกมันไม่ร่ำร้องหาความตายหรอกหรือ? 

 

 

ตี้อู่เอ่อเจี๋ยไม่ค่อยพึงพอใจกับการตอบคำถามแบบกำปั้นทุบดินของซย่าโหวฉิงเทียนสักเท่าไรนัก จึงเอ่ยถามต่อ 

 

 

“ร้องหาความตาย?” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนเหลือบสายตามองไปยังพิราบสื่อสารที่อยู่ในข้องบนหลังของตี้อู่เฮ่อเจี๋ย 

 

 

“เจ้าลองถามมันดูสิ ว่ามันกล้าเรียกร้องหาความตายหรือไม่?” เจ้าพิราบสื่อสารตัวนั้นราวกับเข้าใจในสิ่งที่ซย่าโหวฉิงเทียนต้องการสื่อสารด้วยก็ไม่ปานมันก้มหน้าลงก้นบ่นอะไรบางอย่างก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาสองสามครั้ง 

 

 

ราวกับกำลังอ้อนวอนให้ปล่อยมันไปอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

“แปลกจังเลย! นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะน่ารักเรียบร้อยเพียงนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าน้องเขย” 

 

 

ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยยื่นมือออกไปคิดที่จะลูบหัวเจ้าพิราบตัวนั้นสักหน่อย ทันใดนั้นเจ้านกตัวนั้นตวัดสายตาจ้องมองเขาด้วยท่าทางดุร้าย ทั้งมันยังร้องออกมา ทำเอาตี้อู่เฮ่อเจี่ยตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยทีเดียว 

 

 

หุบปาก! ซย่าโหวฉิงเทียนตวาดเสียงเข้ม 

 

 

ทันใดนั้น เจ้าพิราบสื่อสารที่ยังดุร้ายใส่ตี้อู่เฮ่อเจี่ยเมื่ออยู่เมื่อครู่ก็เปลี่ยนท่าทีกลายเป้นเรียบร้อยทันที มันหลบซ่อนตัวอยู่หลังตี้อู่เฮ่อเจี๋ย มองมายังซย่าโหวฉิงเทียนท่าทางหวาดกลัวตัวสั่นงันงก ราวกับหวาดกลัวเสียเต็มประดาว่าตนเองจะถูกซย่าโหวฉิงเทียนรังแกเอา 

 

 

“คนดีมักจะถูกกลั่นแกล้งจริงๆด้วย!” ตี้อู่เฮ่อเจี๋ยเห็นเช่นนั้น ก็ยิ้มกว้างออกมา 

 

 

“น้องเขย เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ!” เมื่อเห็นว่าของขวัญที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบใหญ่ล้ำค่าเพียงนี้ ตี้อู่เจ๋อถึงกับพูดไม่ออกมาเลยทีเดียว 

 

 

ของขวัญชิ้นนี้มีค่ายิ่งกว่าเงินทองเพชนนิลจินดาเสียอีก มีพิราบสื่อสาร การเก็บยาของพวกเข็สะดวกโยธินขึ้นมาก! 

 

 

สมาชิกชาวเผ่าตันคนอื่นๆมองตามพิราบสื่อสารกันตาละห้อย ท่าทางหิวโหย นี่คือของขวัญที่ซย่าโหวฉิงเทียนมอบให้กับท่านหัวหน้าเผ่า พวกเขาทำได้เพียงมองเท่านั้น 

 

 

มองออกว่าสมาชิกชนเผ่าคนอื่นๆก็อยากที่จะมีพิราบสื่อสารเช่นกัน ดังนั้นตี้อู่เจ๋อจึงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงเรียกชายหนุ่มผู้หนึ่งมา แล้วมอบนกหวีดไม้ไผ่ให้กับเขา 

 

 

“ท่านหัวหน้า จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร! นี่คือของขวัญที่ท่านราชันย์ฉิงเทียนมอบให้กับท่าน ข้ารับไว้ไม่ได้!” 

 

 

ชายหนุ่มไม่กล้าที่จะรับ เขาจึงโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน 

 

 

เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมรับ ตี้อู่เจ๋อจึงได้แต่มองไปยังซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

“ฉิงเทียน ของขวัญที่เจ้ามอบให้ล้ำค่ายิ่งนัก พิราบสื่อสารทั้งสิบห้าตัวนี้มอบให้ข้าเป็นผู้จัดสรรปันส่วน เจ้าเห็นเป็นอย่างไร? 

 

 

“ท่านตาเป็นผู้จัดการก็แล้วกัน! ครั้งนี้มีเวลาจำกัด ครั้งหน้ามีโอกาส ข้ายังจะจับมาอีกสักหน่อย!” 

 

 

เมื่อซย่าโหวฉิงเทียนเอ่ยเช่นนี้แล้ว ตี้อู่เจ๋อจึงเรียกสมาชิกในชนเผ่าออกมาสองสามคน 

 

 

“ข้าและยายเฒ่าอายุมากแล้ว ต่อไปคงไม่ค่อยได้มีโอกาสขึ้นไปเก็บยาสักเท่าไหร่ พิราบสื่อสารพวกเราคงไม่ได้ใช้! จิ่งซาน จิ่งสุ่ย จิ่งเหริน พวกเจ้าสามคนใช้ร่วมกนหนึ่งตัวก็เพียงพอแล้ว! หรงอี้และเย่ไหลพวกเจ้าสองคนก็ใช้ร่วมกันหนึ่งตัวเช่นกัน!” 

 

 

เมื่อตี้อู่เจ๋อจัดการให้เช่นนี้จึงสามารถคงเหลือพิราบสื่อสารได้อีกถึงเจ็ดตัว 

 

 

จากนั้นเขาจึงค่อยจัดการแบ่งพิราบสื่อสารอีกเจ็ดตัวที่เหลือออกไป ทำให้สมาชิกในชนเผ่าทั้งชายหนุ่มหญิงสาวซาบซึ้งใจยิ่งนัก 

 

 

“ขอบคุณท่านราชันย์ฉิงเทียน ขอบคุณท่านหัวหน้า!” 

 

 

“ฮ่าๆ! พวกเจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก จะขอบคุณก็ขอบคุณฉิงเทียนจะดีกว่า! ตี้อู่เจ๋อพึ่งพอใจในตัวหลานเขยคนนี้เป็นอย่างมาก ดูสิ ของขวัญที่เขามอบให้ช่างล้ำค่ายิ่งนัก!” 

 

 

ซย่าโหวฉิงเทียนได้แต่พยักหน้ารับเบาๆกับคำขอบคุณจากทุกคน 

 

 

ทว่าอวี้เฟยเยียนที่ยืนอยุ่ข้างกายเขาจับได้อย่างรวดเร็วว่าใบหูของเขากำลังแดงระเรื่อ 

 

 

“ฮิๆ ราชันย์ฉิงเทียนของเราก็เขินอายเป็นด้วยหรือนี่!” ด้วยเพราะการเข้าร่วมของซย่าโหวฉิงเทยนและอวี้เฟยเยียน รวมกับพิราบสื่อสารอีกสิบกว่าตัว ดังนั้นการขึ้นเขาเก็บยาคราวนี้จึงเป็นไปด้วยความราบรื่น 

 

 

ยาสมุนไพรที่อยู่บนเทือกเขาสูงชันนั้น พิราบสื่กสารสามารถโฉบลงมาด้านล่างได้ ส่วนของที่ๆอันตรายมากเสียหน่อย ซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียนกระโดดขึ้นไปสองสามก้าวก็สามารถเก็บลงมาได้ 

 

 

ยาที่เก็บมาได้ในวันนี้เพียงวันเดียวเทียบเท่ากับยาที่เก็บในเวลาปกติถึงหนึ่งสัปดาห์ทีเดียว อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดบาดเจ็บลมตาย ทำให้ทุกคนดีใจเป็นอย่างมาก 

 

 

และระหว่างทางที่กลับหมู่บ้าน ซย่าโหวฉิงเทียนยังได้หิ้วหัวหมูป่าน้ำหนักว่าห้าสิบกิโลกรัมกลับมาด้วย นั่นทำให้ทุกคนยินดีปรีดาอย่างยิ่งยวด! 

 

 

ตัดต้นไผ่ออกมา ผูกด้วยเชือกเข้า จากนั้นใช้คนสี่คนหามหมูป่าตัวใหญ่ลงมาจากภูเขา ระหว่างทางค่อยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนคนหามอีกครั้ง