อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆
ตอนที่ 1835 เทพเจ้าลงมา (1)
นั่นพลังของผมนะ*!*
ผมเซ่นสังเวยเผ่าพันธุ์ปีศาจกว่าแสนตัวและทรัพย์สมบัติอีกนับไม่ถ้วนเพื่อให้ได้พลังนี้มา คุณกล้าดีอย่างไรถึงมาขโมยมันไปจากผม*! อยากได้ต้นขาคืนหรือ? ผมจะเล่นงานศีรษะของคุณให้แตกเป็นเสี่ยงๆ!*
อำมาตย์เฉินหลิงเคียดแค้นจนแทบหัวใจวาย
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาช่างทำตัวกวนโทสะเหลือเกิน ทุกคำที่ออกจากปากของหมอนั่นทำให้เขา แทบสำลักและหายใจไม่ออกตาย
คุณเก่งกล้าปากดีแบบนี้อยู่ได้อย่างไรทั้งที่ทำตัวเป็นหัวขโมย? ไม่รู้จักมีศักดิ์ศรีบ้างเลยหรือ?
อำมาตย์เฉินหลิงกัดฟันและปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียนอีกครั้ง
ฟิ้วววว!
พื้นที่ที่อยู่โดยรอบพลันมืดสนิท พละกำลังของอำมาตย์เฉินหลิงหนักหน่วงเสียจนแม้แต่สวรรค์ก็ดูเหมือนจะสั่นสะท้านด้วยความยำเกรง
จางเซวียนหลบเลี่ยงการโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิงอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายดุดันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังพยายามขัดขวางไม่ให้เขาซึมซับพลังงานและเยียวยาตัวเอง ก็เกิดโมโหขึ้นมา จางเซวียนเงยหน้าและตะโกนก้อง “เทพเจ้าแห่งมิติเบื้องบน…หมอนี่ไม่เพียงแต่จะปลอมตัวเป็นผมเพื่อฉกฉวยพละกำลังของคุณ ยังกล้าเล่นงานผมทั้งๆที่คุณอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เคารพคุณเอาเสียเลย คุณจะต้องลงโทษเขาอย่างหนักนะ!”
มันเรื่องอะไรถึงสร้างความปั่นป่วน*? จะนั่งซึมซับพลังงานไปเงียบๆไม่ได้หรือ?*
จะมีอะไรน่าอภิรมย์ไปกว่าการซึมซับความเงียบสงบและดื่มด่ำกับความน่าอัศจรรย์ของโลก*!*
คุณไม่รู้สึกบ้างหรือว่าการไล่เข่นฆ่าคนอื่นมันหยาบคาย*?*
ไม่น่าเชื่อว่าทั้งที่คุณได้รับความยำเกรงในฐานะหนึ่งในอำมาตย์ใหญ่ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ไม่มีแม้แต่ความอดทนที่จะยับยั้งตัวเอง น่าเกลียดน่าชังเสียจริง*!*
เห็นอีกฝ่ายพูดคำที่เขาควรจะเป็นคนพูด อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับเซ “ไปตายซะ!”
เลือดของเขาไหลพล่านไปทั่วอวัยวะทุกส่วน ทำให้รู้สึกว่าพร้อมจะกระอักออกมาได้ทุกขณะ
แก*…ไอ้สารเลว เจียมกะลาหัวด้วย! แกคือคนที่เข้ามาที่นี่ในฐานะหัวขโมย มันเรื่องอะไรถึงหน้าไม่อายและชิงฟ้องเรื่องของฉันก่อน?*
อำมาตย์เฉินหลิงทึ้งผมอย่างคลุ้มคลั่ง แต่รู้ดีว่ายิ่งตอบโต้ก็จะมีแต่โมโห จึงตัดสินใจไม่สนคำพูดเหล่านั้นและปล่อยพลังจากฝ่ามือเข้าใส่จางเซวียน
คราวนี้พลังฝ่ามือของเขาเปี่ยมด้วยแรงโทสะทั้งหมดที่มี ทำให้ทรงพลังกว่าเดิมอีกหลายเท่า
เมื่อรู้สึกได้จากอันตรายของพลังฝ่ามือ จางเซวียนรีบหลบการโจมตีทันที แต่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างฉุดรั้งร่างกายของเขาไว้ ทำให้เคลื่อนไหวไปไหนไม่ได้
“บ้าจริง! ต้องทุ่มสุดตัวแล้ว!”
รู้ดีว่าต้องตายแน่หากยังเห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นๆ จางเซวียนไม่มีทางเลือกนอกจากกัดฟันสู้และหยุดการซึมซับพลังงานที่อยู่โดยรอบ เขาเงื้อฝ่ามือขึ้น แต่ยังไม่ทันจะได้สำแดงพละกำลัง ก็รู้สึกได้ ถึงแรงกระตุกหนักหน่วงจากด้านบน คลื่นความสั่นสะเทือนแผ่ลงมาเขย่าร่างของอำมาตย์เฉินหลิงกับตัวเขา ราวกับทั้งคู่เป็นเรือลำน้อยที่ลอยโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางคลื่นลมกรรโชก
จางเซวียนซวนเซและเกือบร่วงลงจากกลางอากาศ
ฟึ่บ!
การกระตุกนั้นทำให้การโจมตีของอำมาตย์เฉินหลิงสลายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“เกิดอะไรขึ้น?” จางเซวียนหรี่ตาขณะเงยหน้ามองไปยังต้นทางของแรงกระตุกนั้น
รอยแยกของมิติที่กำลังแผ่พลังงานที่ช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บของเขาพลันมืดมิดและเปล่งประกาย ไม่ช้าแขนข้างหนึ่งก็ค่อยๆโผล่ออกมา
แรงกระตุกหนักหน่วงเมื่อครู่นี้มีต้นกำเนิดจากแขนข้างนี้เอง
“แย่แล้ว…มีเทพเจ้าอยู่ข้างบนจริงๆ!”
ในเมื่อแขนเพียงข้างเดียวยังเล่นงานเขาจนหมดหนทางได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะจะต้องมีวรยุทธเหนือไปกว่าขั้นการฟื้นคืนชีพของสายเลือดโลกจารึก จางเซวียนหน้าดำคร่ำเครียดขณะรีบขับเคลื่อนพลังปราณเพื่อซึมซับพลังงานที่ยังพอหลงเหลืออยู่ในพื้นที่
เขารู้ดีว่าจะต้องหมดโอกาสซึมซับพลังงานและการเยียวยาตัวเองในทันทีที่เทพเจ้าลงมาสู่พื้นโลก
เขาเกือบหายดีแล้ว ขาดเพียงต้นขา 2 ข้างเท่านั้น หากรีบหน่อยก็น่าจะทันเวลา
ไม่อย่างนั้น ต่อให้เป็นเพียงต้นขา 2 ข้าง ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะเยียวยามันให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้
ฟึ่บ!
กล้ามเนื้อที่ต้นขาทั้งสองข้างของจางเซวียนฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ช้าต้นขาข้างหนึ่งก็หายดีเป็นปกติ
เห็นอีกฝ่ายกล้าซึมซับพลังงานทั้งที่แขนของเทพเจ้าปรากฏแล้ว อำมาตย์เฉินหลิงถึงกับคลุ้มคลั่ง
ในบรรดาผู้คนที่ละโมบโลภมากในโลกนี้ คงไม่มีใครเทียบได้กับเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
ถ้าไม่ใช่เพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเขาไม่ได้คิดคำนวณมูลค่าของของล้ำค่าอย่างถูกต้องในการประกอบพิธีกรรม ทำให้พลังงานที่ได้รับมีปริมาณเกินกว่าที่เขาต้องการ ก็คงไม่มีทางที่เขาจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างสมบูรณ์เมื่อมีหมอนี่พรวดพราดเข้ามาซึมซับพลังงานเอาตามอำเภอใจ
แต่ทั้งที่เป็นอย่างนั้น เขาก็ฟื้นตัวได้เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึงขั้นการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ส่วนหมอนั่น…หมอนั่นฟื้นฟูร่างกายของตัวเองได้อย่างน้อยก็ 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว!
อำมาตย์เฉินหลิงรู้ดีว่าหากเขายังคงใช้กำลังต่อไปทั้งที่เทพเจ้าผู้เป็นเจ้าของพิธีกรรมลงมายังโลกใบนี้แล้ว ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะถูกฆ่า จึงได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความจงเกลียดจงชังก่อนจะหันกลับไปซึมซับพลังงานต่อ
“แก ไอ้หัวขโมย นั่นของฉันนะ!”
เพียงแค่อำมาตย์เฉินหลิงเริ่มซึมซับพลังงานอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงตวาดก้องอย่างหงุดหงิดดังมาจากฝั่งตรงข้าม เมื่อมองไป ก็เห็นอีกฝ่ายเงื้อฝ่ามือขึ้นแล้วปล่อยพลังมา
ฟิ้วววว!
กระแสดาบฉีขนาดใหญ่ส่งเสียงหวีดหวิว โอบรัดร่างของเขาไว้แน่น
“แก…”
อำมาตย์เฉินหลิงรีบหยุดการซึมซับพลังงานทันทีเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตี แต่ขณะที่กำลังจะทำอย่างนั้น ก็รู้สึกได้ว่ากระแสดาบฉีขนาดมหึมานั้นเป็นของปลอม ทั้งที่ปรากฏชัดเจน แต่มันก็สลายตัวไปอย่างรวดเร็วราวกับฟองสบู่เมื่อมาถึงตัวเขา
มันเป็นแค่การแสร้งทำเพื่อทำให้เขาหวาดกลัว
ซรืดดดดด!
ซึ่งในระหว่างนั้น หมอนั่นก็ซึมซับพลังงานต่อไป
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
อำมาตย์เฉินหลิงตัวสั่นด้วยความโกรธจัดขณะสบถสาบาน เขาสูดหายใจลึกและเปิดจุดชีพจรทั้งหมดในร่างอีกครั้งเพื่อซึมซับพลังงาน ก็พอดีกับที่อีกฝ่ายกระดิกนิ้ว แล้วกระแสดาบฉีก็ระเบิด เข้าใส่เขา
แน่นอนว่าอำมาตย์เฉินหลิงรีบหลบกระแสดาบฉีนั้นทันที แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่พบว่ามันเป็นของปลอม
หมอนั่นก็ไม่กล้าเปิดการโจมตีต่อหน้าเทพเจ้าเหมือนกัน เขาแค่จงใจกีดกันไม่ให้เราซึมซับพลังงานได้ เพื่อขัดขวางการเยียวยาสภาพร่างกาย*…*
ถึงตอนนี้ ในที่สุดอำมาตย์เฉินหลิงก็เข้าใจว่าจางเซวียนคิดอะไร
ข้อเท็จจริงที่ว่าท่อนแขนของเทพเจ้าปรากฏขึ้นแล้วนั้นเป็นสัญญาณบอกว่าเทพเจ้าน่าจะลงมายังพื้นโลกเร็วๆนี้หากพวกเขายังคงเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันต่อไป ซึ่งต่อให้จางเซวียนจะเก่งกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่หมอนั่นจะกล้าเปิดการโจมตีต่อหน้าเทพเจ้า เพราะหวาดกลัวการลงทัณฑ์จากสวรรค์
พูดอีกอย่างก็คือ วัตถุประสงค์ที่ชายหนุ่มทำแบบนี้ไม่ใช่เพื่อทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เพื่อขัดขวาง วรยุทธของเขา เพื่อที่ตัวเองจะได้ซึมซับพลังงานที่มาจากเทพเจ้าให้ได้มากขึ้น
เมื่อเกิดความคิดนั้น อำมาตย์เฉินหลิงค่อยคลายใจ เขาเพ่งสมาธิให้กับการซึมซับพลังงานที่ยังคงอบอวลอยู่ในพื้นที่ แต่ขณะที่ทุกอย่างกำลังเข้าที่เข้าทาง ก็พลันรู้สึกว่าเส้นผมทุกเส้นตั้งชัน เขาตอบโต้โดยสัญชาตญาณภายในเสี้ยววินาทีและหลบไปด้านข้าง
ฉึกกกก!
มันคือความรู้สึกเย็นเยือกและคมกริบ กระแสดาบฉีสายหนึ่งแทงทะลุเข้าที่หน้าอกของอำมาตย์เฉินหลิง ถ้าไม่ใช่เพราะสัญชาตญาณเฉียบแหลมของเขา หัวใจของอำมาตย์เฉินหลิงคงถูกแทงไปแล้ว
“บ้าจริง!” อำมาตย์เฉินหลิงโมโหจนแทบระเบิด
เมื่อครู่นี้หมอนั่นยังไม่กล้าเปิดการโจมตี โดยใช้การเล่นตุกติกทุกรูปแบบเพื่อขัดขวางเขา แต่ทันทีที่เขาเริ่มฝึกฝนวรยุทธ อีกฝ่ายก็ปล่อยกระแสดาบฉีของจริงมาทันที
นี่คุณไม่เกรงกลัวความโกรธเกรี้ยวของเทพเจ้าจริงๆหรือ*?*
จะลากผมลงนรกไปกับคุณด้วยใช่ไหม*?*
อำมาตย์เฉินหลิงโมโหเดือดและกำลังจะพุ่งเข้าเล่นงานอีกฝ่าย ก็พอดีกับที่จางเซวียนหยุดการซึมซับพลังงานอย่างกะทันหัน เขาก้มหน้าลงและประสานมือเข้าหาเทพเจ้า
“โอ เทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ผมโมโหเหลือเกินที่ไอ้สารเลวนั่นปลอมตัวเป็นผมและกลืนกินพละกำลังของคุณ ลำพังหัวขโมยคนหนึ่งกล้าทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? ได้โปรดอนุญาตให้ผมสังหารเขาด้วย! ไม่อย่างนั้นชื่อเสียงของคุณจะเป็นอย่างไรถ้าเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป?”
น่าประหลาดใจที่ชายหนุ่มใช้ภาษาโบราณดั้งเดิมของเผ่าพันธุ์ปีศาจได้ เพราะแม้แต่อำมาตย์เฉินหลิงก็ยังต้องฝึกฝนอยู่นาน
พลั่ก!
คำพูดเหล่านั้นทำให้เทพเจ้าที่อยู่ภายในรอยแยกแห่งมิติเกิดความโกรธเกรี้ยว คลื่นพลังงานวนก่อตัวขึ้นในรอยแยกแห่งมิตินั้น มืออีกข้างหนึ่งค่อยๆโผล่ออกมา ด้วยการสะบัดข้อมือเบาๆ อำมาตย์เฉินหลิงก็ถูกทุ่มลงไปกองกับพื้น
อำมาตย์เฉินหลิงโอดครวญอย่างแทบไม่เชื่อสายตาขณะนอนแบบอยู่กับพื้น “เทพเจ้า…”
นี่คือเทพเจ้าที่เขาได้ติดต่อด้วยตลอดมา เป็นเทพเจ้าคนละองค์กับเทพเจ้าแห่งจิตวิญญาณที่อำมาตย์เฉินหย่งบูชา เป็นไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายของเขาที่เขาหวังจะใช้เล่นงานอำมาตย์เฉินหย่ง
อำมาตย์เฉินหลิงมอบเครื่องบรรณาการและทรัพย์สมบัติล้ำค่าให้เทพเจ้าองค์นี้ตลอดมา และได้รับพละกำลังมหาศาลเป็นเครื่องตอบแทน ซึ่งทำให้เขายืนหยัดรับมือกับอำมาตย์เฉินหย่งผู้ทรงพลังได้
แต่แล้วจู่ๆเทพเจ้าที่เขาบูชามาตลอดก็หันมาเล่นงานเขาเพียงเพราะคำพูดเพียงไม่กี่คำจากไอ้สารเลวคนนี้!
เทพเจ้าดูไม่ออกจริงๆหรือว่าเขาเป็นตัวจริง?
อำมาตย์เฉินหลิงชี้นิ้วที่สั่นเทาด้วยแรงโทสะไปยังจางเซวียน ตั้งใจจะเปิดโปงตัวตนปลอมของอีกฝ่ายให้เทพเจ้าเห็นให้ได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นก็คือชายหนุ่มกำลังนั่งนิ่งอยู่กลางอากาศ เปิดจุดชีพจรทั้งหมดไว้และซึมซับพลังงานที่อบอวลอยู่โดยรอบ
ต้นขาสองข้างของเขาสมานตัวกับเท้าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ที่ยังขาดอยู่ก็คือนิ้วเท้าทั้งสิบเท่านั้น
“บ้าจริง…”
อำมาตย์เฉินหลิงเจ็บใจจี๊ดขึ้นมาทันที ในหัวของเขามีแต่คำสบถหยาบคายที่ไม่อาจพูดออกมาได้