หลี่เค่อใส่ต้นหอมลงไปแล้วพูดกับหลี่ไท่ว่า “เจ้ามั่วทำอะไรอยู่ ค้นคว้าข่าวจากสำนักต่างๆ มากมาย ก็ยังหาวิธีปิดบังไม่ให้ใครรู้ไม่ได้หรือ ต่อให้คนทั้งเมืองรู้ว่าเจ้าเป็นคนทำ แต่ถ้าไม่มีหลักฐานทุกอย่างก็จบ ไม่ได้จะไปฆ่าเขาเสียหน่อย พวกมดเหล่านี้ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นมดของสำนักศึกษา แต่ว่าต่อเป็นแมลงที่เพิ่งเลี้ยง ยังไม่มีใครรู้ เจ้าใส่นมผึ้งในเหล้าของเขา ต่อให้ตรงนั้นมีคนหนึ่งหมื่นคน ต่อก็จะต่อยเขาแค่คนเดียว เจ้านี่จริงๆ เลย มีวิธีดีๆ ก็ไม่ใช้ ดูเหมือนเจ้าจะถูกความโกรธแค้นครอบงำจนหน้ามืดตามัวเสียแล้ว”
อวิ๋นเยี่ยหันไปมองหลี่เค่อด้วยความตกใจ ต่อที่อยู่ในสำนักศึกษา หวงสู่เป็นคนหามาจากภูเขาฉินหลิ่งอย่างยากลำบาก มีหัวขนาดใหญ่ พลังเยอะ เหล็กในค่อนข้างยาว เป็นกลุ่มสีดำขนาดใหญ่ดูน่ากลัว ซุนซือเหมี่ยวจะรีดพิษตัวต่อทุกห้าวัน หวงสู่ถูกต่อยไปสองครั้งตอนที่จับนางพญาต่อ ฝ่ามือบวมจนมันเงาราวกับอุ้งเท้าหมี ใช้เวลาตั้งแปดวันกว่าจะหายกลับมาเป็นปกติ ดีที่รีบเอาเหล็กในออกแล้วใช้ยาของซุนซือเหมี่ยวมิเช่นนั้นคงแย่แน่ๆ
หลี่ไท่ตบหน้าตัวเองไปหนึ่งทีแล้วเดินไปกอดหลี่เค่อ หยิบขวดเล็กๆ ออกมาจากแขนของเขา เทมดลงในกองไฟ ใบหน้ายิ้มระรื่นเต็มไปด้วยความสุข
ในชามบะหมี่มีบะหมี่อยู่เพียงเส้นเดียว ข้างบนมีไข่ดาว ช่างดูงดงาม หลี่ไท่ไม่ยอมให้คนรับใช้แตะต้องชามบะหมี่ เขาจะยกไปให้ฮูหยินด้วยตัวเอง ในตอนเด็กคนที่รักและเอ็นดูเขามากที่สุดคือฮูหยินเหอเจียน อวิ๋นเยี่ยกับหลี่เค่อช่วยกันถือเตาถ่าน คนรับใช้พากันยกเนื้อปลาวาฬและเครื่องปรุงเข้าไปด้วย
ฮูหยินรับถ้วยบะหมี่มาด้วยความดีใจ เอามาอวดให้หลี่เซี่ยวกงและหลี่เต้าจงดู เตรียมตัวที่จะกินบะหมี่ชามนี้ท่ามกลางเสียงชื่นชมของทุกคน
“ท่านป้าคงยังไม่รู้ การกินบะหมี่อายุยืนจะต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ ในชามนี้มีบะหมี่เพียงเส้นเดียว เพื่อให้อายุยืนยาวห้ามกัดเส้นบะหมี่ขาดอย่างเด็ดขาด”
เพื่อเป็นการสร้างให้บรรยากาศดูรื่นเริงขึ้น อวิ๋นเยี่ยตั้งใจพูดกฎในการกินบะหมี่ออกมาดังๆ ทันใดนั้นในห้องโถงก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ โดยเฉพาะลูกชายของหลี่เซี่ยวกงที่หัวเราะดังที่สุด น่าเสียดายที่หลี่หวยเหรินไม่อยู่ มิเช่นนั้นคงจะครึกครื้นกว่านี้
ฮูหยินแกล้งดุอวิ๋นเยี่ยเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็กินบะหมี่จนหมดโดยที่ไม่กัดเส้นบะหมี่ขาด ทุกคนต่างส่งเสียงเฮอย่างพร้อมเพรียงกัน หลี่เซี่ยวกงเอาเนื้อปลาวาฬที่แล่เรียบร้อยแล้วไปย่าง รอจนผิวด้านนอกกรอบเล็กน้อยค่อยทาเครื่องปรุง หยิบเนื้อปลาวาฬที่ทาน้ำมันพริกให้ภรรยาก่อนหนึ่งไม้ จากนั้นก็หยิบให้หลี่เต้าจงหนึ่งไม้ ตัวเองก็หยิบขึ้นมาดมหนึ่งไม้แล้วกัดเข้าไปคำใหญ่
กินหมดในคำเดียว หลี่เซี่ยวกงกระดกน้ำไปหลายอึก ลูบที่เคราตัวเองแล้วพูดว่า “มีคำพูดเกี่ยวกับการกินปลายักษ์ ในหนังสือฮั่นมีบันทึกเอาไว้ว่าหากปลายักษ์ตายหนึ่งตัวเหล่าอ๋องโหวก็จะต้องตายหนึ่งคนเพื่อชดใช้ให้มัน ปลายักษ์ที่ว่าก็คือปลาชนิดนี้”
เมื่อพูดประโยคนี้จบบรรยากาศก็เต็มไปด้วยความเงียบ ทุกคนต่างมองไม่ที่หลี่เซียวกงด้วยความมึนงง แล้วก็หันไปมองอวิ๋นเยี่ย ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นอกจากอวิ๋นเยี่ยแล้วคนที่นั่งอยู่ต่างก็เป็นองค์ชายทั้งหมด เมื่อครู่ทุกคนรู้แค่ว่าอาหารนั้นคือเนื้อปลาวาฬ แต่ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างไร แต่พอตอนนี้ได้รู้แล้วก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
หลี่เซี่ยวกงหัวเราะเสียงดัง ขาข้างหนึ่งเหยียบบนเก้าอี้กลมแล้วพูดว่า “อย่าพึ่งตกใจไป คนที่สอนให้อวิ๋นเยี่ยกินปลาวาฬก็คือข้า ดังนั้นข้าไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาท เรื่องที่ว่าปลายักษ์ตายแล้วเหล่าอ๋องโหวจะต้องตายนั้น หากนี้เป็นเรื่องจริง องค์ชายในต้าถังก็คงตายกันไปหมดแล้ว ตอนที่ข้าอยู่ที่หมิงโจวก็ฆ่าปลายักษ์ตายไปไม่น้อย ตอนนั้นทั้งกองทัพไม่มีเสบียงอาหาร ฆ่าปลายักษ์หนึ่งตัวก็เพียงพอต่อความต้องการของเหล่าทหาร เพราะสิ่งนี้ฉินอ๋องจึงได้ประทานรางวัลให้ข้า ตอนนั้นข้ายังไม่ใช่องค์ชาย แต่ว่าฝ่าบาทก็ยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่หรือ อวิ๋นเยี่ย ตอนที่อยู่เติงโจวเจ้าฆ่าปลายักษ์ตายไปแล้วกี่ตัว”
“ไม่เยอะ เพียงแค่ประมาณสามสิบกว่าตัว แผ่นดินเหอเป่ยประสบภัยแล้งอย่างหนัก หากไม่ฆ่าปลายักษ์ก็จะไม่มีอะไรกิน” อวิ๋นเยี่ยไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ในวังก็มีเนื้อปลาวาฬถูกส่งเข้ามาอยู่ไม่ใช่น้อย
หลี่เต้าจงหยิบเนื้อปลาขึ้นมาแล้วเคี้ยวเข้าปากอย่างไม่แยแส หลังจากเคี้ยวหมดแล้วเขาก็ยิ้มจนเห็นฟันแล้วพูดว่า “หากกองทัพไม่มีเสบียงอาหาร หากผู้ประสบภัยไม่มีอะไรกิน อย่าว่าแต่เนื้อปลายักษ์เลย แม้แต่เนื้อคนก็คงไม่ใช่ปัญหา ในหนังสือประวัติศาสตร์มีเรื่องราวมากมายในการใช้คนเป็นเสบียงอาหารของกองทัพ หากกินปลายักษ์แล้วคนในราชวงศ์จะต้องตาย ต้าถังของข้าจะไม่ดูอ่อนแอไปหน่อยหรือ เจ้าอย่าลืมส่งปลาไปให้คนที่บ้านอีกหนึ่งคันรถ ต้องเลือกตัวที่อ้วนที่สุดด้วยล่ะ”
ฮูหยินอุทานบทสวด เอามือทาบอกแล้วพูดว่า “ตอนนั้นเกิดสงความครั้งใหญ่ องค์ชายนำกองทัพใหญ่เข้าต่อสู้กับอดีตราชวงศ์สุย เมืองจิ้นหยางผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน ไม่มีอะไรกิน ที่ไท่ซั่งหวงเหลือเพียงแค่ข้าวต้ม ในครอบครัวมีสมาชิกจำนวนมาก ข้าพานางสนมสองสามคนไปจับกบในป่า พวกเขาก็กินได้อย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน ดังนั้นทุกสิ่งที่เกิดมาก็เพื่อเตรียมไว้ให้สำหรับคน ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่รอดไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันอะไร เป็นเพียงคำพูดของเหล่านักปราชญ์ที่กินดีอยู่ดี เมื่อไม่มีอะไรทำก็แต่งเรื่องไปเรื่อย หากเป็นอย่างที่พวกเขาพูด คนทั้งโลกก็คงต้องอดตาย”
เมื่อฮูหยินพูดออกมา แม้ว่าจะไม่มีข้อห้ามแล้วก็ตาม คนเราเกิดมาท่ามกลางความจนก็ไม่จำเป็นจะต้องพิถีพิถันอะไร ได้ยินทุกคนพูดเช่นนี้คิดว่าคงไม่มีข้อห้ามอะไรอีกแล้ว จะว่าไปแล้วเนื้อปลาก็มีรสชาติอร่อย จากนั้นพวกเขาก็พากันย่างเนื้อปลาวาฬด้วยตัวเอง
“อวิ๋นเยี่ย แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าไม่ทำอะไรโดยไม่มีเป้าหมาย เจ้าช่วยบอกข้าที เสี่ยงอันตรายเพื่อทำเรื่องเช่นนี้เจ้ามีเป้าหมายอะไร” หลี่ไท่ หลี่เค่อ และหลี่เต้าจงก็ล้อมวงเข้ามาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อวิ๋นเยี่ย รายได้ของตระกูลเจ้าในหลิ่งหนานถูกเจ้ายึดมาหกส่วน เพื่อต้าถังแล้วข้าจะไม่ยอมแพ้ มีหนทางรวยอะไรก็ชี้แนะมา ไม่ได้ยินที่ท่านป้าของเจ้าพูดหรือว่าครอบครัวยากจนจนต้องกินกบ”
หลี่เต้าจง หลี่ไท่ และหลี่เค่อต่างพากันผงกหัวเพื่อแสดงให้รู้ว่าพวกเขาก็อยากรู้เช่นกัน
“ช่วงนี้ข้าพึ่งจะได้รับตำแหน่งใหม่ก็คือผู้บัญชาการกองทัพเรือหลิ่งหนาน ท่านรู้ใช่หรือไม่”
“เหลวไหล เรื่องนี้ข้าต้องรู้อยู่แล้ว ข้านี่แหละคือคนแนะนำ กองทัพเรือที่เหมือนกับขอทาน เมื่อส่งมอบให้เจ้ามันกลับกลายเป็นกองทัพเรือที่หรูหราภายในพริบตา การมองการณ์ไกลของข้าครั้งนี้ได้รับคำชมจากฝ่าบาทอีกด้วย เจ้ารีบเล่าความจริงมา”
อวิ๋นเยี่ยขอให้เหล่าหลี่พาตัวเองไปที่โต๊ะแผนที่ เตรียมจะอธิบายประกอบแผนที่ให้พวกเขาฟัง ตั้งแต่ที่สำนักศึกษาได้ทำสิ่งนี้ขึ้นมา หลังจากที่กำหนดอัตราส่วนตายตัวแล้ว ทุกบ้านก็จะต้องมีของสิ่งนี้ไว้ หากบ้านไหนไม่มีจะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเอา ได้ยินมาว่าหลี่ซื่อหมินได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในตระกูลกงซู เพิ่มตำหนักขึ้นมาอีกหนึ่งตำหนักเพื่อสร้างแผนที่ทางภูมิศาสตร์โดยเฉพาะ แม้แต่แม่น้ำก็ต้องมีความพิถีพิถัน คนตระกูลกงซูใช้ปรอทมาทำเป็นน้ำในแม่น้ำ ถูกอวิ๋นเยี่ยปิดประตูด่าอยู่ทั้งวัน จึงได้ล้มเลิกไป ตอนนี้ยังคงสร้างขึ้นมาใหม่ งานนี้ไม่ต่างอะไรกับการขัดหินอ่อน ต้องใช้เวลาอยู่หลายปีกว่าจะสำเร็จ
หลี่ไท่กำลังทำการแบ่งละติจูดและลองจิจูด จุดเริ่มต้นคือบัลลังก์ที่นั่งของหลี่ซื่อหมินในตำหนักไท่จี๋ หลี่ซื่อหมินผู้หลงตัวเองให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก การแบ่งในปัจจุบันยังคงเป็นแบบดั้งเดิม ไม่มีใครยอมรับว่าพวกเขาอาศัยอยู่บนโลกที่มีทรงกลมแล้วยังมีการหมุนรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ถ้าหมุนกลับหัวไปด้านล่าง พวกเราก็จะตกลงมาสู่ความว่างเปล่าอย่างนั้นหรือ
ไม่มีเหตุผลที่สามารถอธิบายได้ ตอนที่กำหนดความยาวใหม่ หลี่ซื่อหมินได้กำหนดให้ความยาวตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนถึงรักแร้เท่ากับหนึ่งเมตร เมื่อวิธีนี้ได้เผยแพร่ออกไปเหล่าพลเรือนและพวกทหารต่างก็พากันคิดว่าวิธีนี้นั้นสามารถใช้การได้ อวิ๋นเยี่ยที่น่าสงสารทำได้เพียงแค่ทำลายไม้บรรทัดที่เสร็จสมบูรณ์ดีอยู่แล้วเพื่อสร้างขึ้นมาใหม่ ผู้คนยังคงใช้ไม้บรรทัดแบบเก่า ส่วนการก่อสร้างได้เริ่มใช้เมตรมาเป็นหน่วยในการวัดความยาว
แผนที่จำลองของหลี่เซี่ยวกงนั้นมีขนาดใหญ่มากเกือบจะเต็มพื้นที่ห้อง ทั้งสี่ทิศยังคงเหลือที่ว่างอยู่เล็กน้อยเพื่อให้คนได้มีที่ยืนศึกษาแผนที่
ยืนเรียงกันอยู่ข้างโต๊ะแผนที่ หลี่เซี่ยวกงและหลี่เต้าจงได้แผ่รังสีความเยือกเย็นออกมา พวกผู้น้อยที่ยืนอยู่รอบๆ แต่ละคนท่าทางเหมือนไก่ถูกตอน พวกเขาพากันหลบตาไม่กล้ามองไปยังผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงหน้า อวิ๋นเยี่ยคุ้นชินกับเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว หยิบไม้ไผ่ยาวขึ้นมาด้วยท่าทางสบายใจแล้วชี้ไปที่เมืองหยางโจว หมิงโจว ฉวนโจว กว่างโจว เติงโจว และเจียวโจวแล้วพูดขึ้นมาว่า
“องค์ชายทั้งหลาย พวกท่านเห็นหรือไม่ว่าสถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขนส่งสินค้าทางเรือของต้าถัง หากขนส่งทางบกจะต้องใช้ระยะเวลานาน หากใช้เรือมาเป็นพาหนะก็จะขนส่งได้ง่ายขึ้น เรือมู่หลานที่ใหญ่ที่สุดในต้าถังคือเรือที่มีความจุหนึ่งหมื่นลูกบาศก์เซนติเมตร ครั้งนี้ข้าได้ใช้กองทัพเรือบรรทุกเสบียงนับหนึ่งล้านตัน ขจัดความอดอยากในเหอเป่ยไปได้ หากไม่ได้การขนส่งทางมหาสมุทรในครั้งนี้ทางราชสำนักอาจจะควบคุมภัยพิบัติในเหอเป่ยไม่ได้ กว่าจะรอให้เสบียงอาหารส่งไปถึง ราษฎรในเหอเป่ยก็คงอดตายกันหมดแล้ว
ข้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก ผลผลิตที่ได้จากมหาสมุทรนั้นดีกว่าผลผลิตบนบกถึงสิบเท่า แต่ทำไมคนที่อยู่รอบๆ มหาสมุทรจึงได้หิวโหย ผู้ว่าราชการการเมืองโยวโจวบอกข้าว่าหากปลายักษ์ตายคนในราชวงค์จะต้องตายเพื่อชดใช้ จะฆ่าปลาเหล่านั้นไม่ได้ ถึงแม้ว่าตำแหน่งของข้านั้นจะต่ำต้อย แต่อย่างไรก็ถือว่าเป็นผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ ฆ่าปลายักษ์ตายไปหนึ่งตัวข้าก็ยังไม่เป็นอะไร กินเนื้อปลาวาฬเป็นเวลาสามมื้อก็ไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แล้วเขายังเน้นย้ำว่าห้ามกินปลาหมึกยักษ์ ข้าใช้เหล็กย่างปลาหมึกยักษ์จนสุกแล้วเอาไปให้ผู้ว่าราชการมณฑลกิน เขากินไปถึงสองจานใหญ่ๆ วันต่อมายังถามข้าว่ามีอีกหรือไม่ ก็ไม่เห็นว่าจะมีอาการอะไร ซ้ำยังบอกว่ากรอบและอร่อยมาก
ข้าได้เอาสาหร่ายทะเลกลับมาด้วย มีแต่คนบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ แต่ว่าหลังจากที่ข้าต้มแล้วเอามาทำเป็นของกินเล่น รสชาติอร่อยนุ่มลิ้นซ้ำยังสามารถป้องกันโรคคอหอยพอกได้อีกด้วย ผักในมหาสมุทรสีดำที่ติดอยู่ตามแนวปะการังไม่มีใครกล้ากิน ข้าได้เอามันมาตากให้แห้งแล้วเอาไปย่างเสียหน่อย สามารถเอามาทำเป็นน้ำซุปที่รสชาติอร่อยกลมกล่อม หากวันไหนพวกท่านมีเวลาว่างข้าจะทำให้พวกท่านลองชิมดู รับรองได้ว่ารสชาติอร่อยแน่นอน
ที่พูดว่าเยอะขนาดนี้ก็เพราะอยากจะบอกทุกคนว่าผลผลิตของมหาสมุทรนั้นอุดมสมบูรณ์มาก แม้ปลาตัวยักษ์จะถูกฆ่าไปบ้างแต่ปีหน้าก็จะมีเพิ่มขึ้นมาอีก ถึงแม้ว่าสาหร่ายจะถูกเก็บไปแต่ปีหน้าก็จะโตขึ้นมาใหม่ อย่าเอาแต่จ้องไปที่พื้นดินสีเหลืองแห่งนี้ พื้นที่แห่งนี้หล่อเลี้ยงเรามาหลายพันปี ความอุดมสมบูรณ์เริ่มไม่เหลือแล้ว
แล้วยังมีท่าเรือที่ข้าพูดถึงอีกสองสามที่ หากเดินทางไปทางทิศใต้ก็จะได้พบกับทวีปที่ยังไม่ถูกค้นพบ ที่ทวีปนั้นมีงาช้าง นอแรด ทองคำ อัญมณีอยู่มากมาย หากเดินทางไปทางทิศเหนือก็จะสามารถเดินทางไปถึงอาณาจักรป๋อไห่ ที่นั่นมีไข่มุก ขนสัตว์ เหยี่ยว สิ่งของเหล่านี้มีราคาสูงเฉียดฟ้าเมื่ออยู่ในต้าถัง ทั้งดินแดนต้าสือ ทั้งทาสสาวชาวเปอร์เซีย พวกท่านอยากได้มานานแล้วไม่ใช่หรือ ไหนจะเงินของรัฐวออีก สิ่งเหล่านั้นทำให้คนอยากได้ไม่ใช่หรือ เท่าที่ข้ารู้ที่นั่นมีเหมืองแร่เงินซ่อนอยู่ มีเยอะกว่าเมืองต้าถังทั้งเมืองเสียอีก โลกใบนี้กว้างใหญ่กว่าที่เราคิด ต้าถังไม่ใช่ศูนย์กลางของโลก ในช่วงราชวงศ์ฮั่น ดินแดนตะวันตกได้มีประเทศมหาอำนาจเกิดขึ้นเรียกว่าอาณาจักรโรมัน มีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล มหาสมุทรเป็นเพียงแค่ทะเลสาบที่อยู่ในประเทศนั้น ทุกท่านคงจะจินตนาการออกว่าพวกเขาทรงพลังมากเพียงใด ในปัจจุบันประเทศแห่งนั้นยังคงหลงเหลืออยู่ พื้นที่ของประเทศไม่ได้เล็กไปกว่าต้าถัง และยังมีประเทศใหม่ที่มีอำนาจถือกำเนิดขึ้น นั่นก็คือดินแดนต้าสือ ตอนนี้พวกเขาอยู่บนมหาสมุทร การขยายพื้นที่ไปทั่วทุกทิศนั้นได้เผยแพร่หลักคำสอนของพวกเขา ข้าจับกองทัพเรือของพวกเขาได้หนึ่งลำในหลิ่งหนาน ผู้คนทั้งหมดถูกข้าจับตึงตอกตะปูยืนอยู่บนเกาะร้างจนตายเพื่อทำให้ดูเป็นเยี่ยงอย่าง”
“อวิ๋นเยี่ย เหตุใดเจ้าไม่พูดคำพูดเหล่านี้กับพวกขุนนางในวัง แต่กลับมาที่นี่เพื่อขายสาหร่ายทะเล?”