บทที่ 1706 ความมุ่งมั่นของคนใต้

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1706 ความมุ่งมั่นของคนใต้

 

“ไม่ วูหยงนํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้มาที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ!” เทพธิดาจื่อเว่ยตกใจ

 

“โอ้? ในที่สุดพวกเขาก็ปรากฏตัว” ราชันมังกรกล่าว การแสดงออกของเขายังไม่เปลี่ยน

 

เทพธิดาจื่อเว่ยสูดหายใจลึก นางขมวดคิ้วและรู้สึกถึงแรงกดดัน

 

ผู้อมตะภาคใต้สามารถรวมใจเป็นหนึ่ง พวกเขาแตกต่างจากผู้อมตะภูมิภาคอื่น นอกจากนั้น เป้าหมายของพวกเขายังเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติ

 

หากแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติล่มสลาย มันจะเป็นหายนะของวังสวรรค์ การแข่งขันใหญ่บนเส้นทางแห่งการหลอมรวมจะกลายเป็นไร้ความหมาย

 

“อย่ากังวล เราคาดเดาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงจัดตั้งค่ายกลวิญญาณอมตะไว้ที่นั่น ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา” ราชันมังกรกล่าว

 

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าและแสดงภาพเหตุการณ์ของแดนศักดิ์สิทธิ์ไร้ที่ติในห้องโถง

 

นางลังเลก่อนจะส่งข้อความไปหาวุหยง “วูหยง อย่าลืมว่าเราเคยร่วมมือกันมาก่อน หากเจ้าต้องการเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ต่อไป เจ้าควรรู้ว่าต้องทําอย่างไร?”

 

วูหยงลอบเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘จื่อเว่ย โอ้ จื่อเว่ย แม้เจ้าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ยิ่งใหญ่แต่สุดท้ายเจ้ากลับไม่ใช้สิ่งใด’

 

เขาไม่แยแสและไม่แม้แต่จะตอบกลับเทพธิดาจื่อเว่ย

 

วูหยงกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขา

 

ท่าไม้ตายอมตะวายุไร้ขอบเขต!

 

ลมสีเขียวพัดไปทุกหนทุกแห่ง

 

มันกลายเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่ทําลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า

 

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางเร่งกระตุ้นใช้งานค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

“ครืน”

 

อย่างไรก็ตามค่ายกลวิญญาณอมตะของพวกเขากลับไม่สามารถหยุดวายุไร้ขอบเขตของวูหยง

 

“ไร้ประโยชน์! นี่เป็นท่าไม้ตายลับของข้า มันใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของข้านับหมื่นร่องรอย แต่หลังจากเสียค่าใช้จ่าย มันก็ยากที่จะต่อต้าน” ดวงตาของวูหยงส่องประกายแหลมคม

 

“ความมุ่งมั่นนี้” เทพธิดาจื่อเว่ยถอนหายใจ

 

วูหยงจ่ายด้วยราคามหาศาลเพื่อใช้วายุไร้ขอบเขต มันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของเขา ไม่มีสิ่งใดสามารถเปลี่ยนความคิดของเขา

 

ตอนนี้เขายืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มผู้อมตะภาคใต้ด้วยความภาคภูมิใจ

 

เทพธิดาจื่อเว่ยตระหนักว่านางประเมินวูหยงต่ําเกินไป คนผู้นี้น่าเกรงขามมาก

 

เขามีความกล้าหาญของตระกูลวู แต่เขายังสามารถควบคุมอารมณ์และเก็บซ่อนความสามารถของตนเองได้ลึกมาก กระทั่งวตู๋ซิ่วก็ยังประเมินเขาต่ําเกินไป

 

เมื่อวูหยงเข้ารับตําแหน่งผู้นําตระกูลวครั้งแรก กองกําลังอื่นกดดันตระกูลวอย่างหนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งและคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม วูหยงสามารถพลิกสถานการณ์

 

การต่อสู้ที่อาณาจักรแห่งความฝันของภาคใต้ วูหยงเสียงสร้างความร่วมมือกับวังสวรรค์ เขานําวิญญาณอมตะกลับคืนสู่ภาคใต้ นั่นทําให้ชื่อเสียงของเขาพุ่งสูงขึ้น

 

บนเทือกเขาห้าภูมิภาค เขาต้องการสังหารฟางหยวน แม้เขาล้มเหลว แต่ลั่วเว่ยหยินที่เป็นผู้สืบทอดของเทพอมตะสวรรค์พิภพก็ไม่สามารถกําจัดวูหยงขณะที่วูหยงสามารถเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรของภาคใต้

 

ตอนนี้วังสวรรค์อยู่ในช่วงเวลาสําคัญในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม วูหยงเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาไม่สนใจคําขู่ของเทพธิดาจื่อเว่ยเพราะเขามองเห็นภาพใหญ่อย่างชัดเจน

 

พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้วังสวรรค์ประสบความสําเร็จในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรม

 

“ฟื้ว ฟิ้ว ฟิ้ว…”

 

วายุไร้ขอบเขตกัดเซาะค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างต่อเนื่อง ผู้อมตะของวังสวรรค์พยายามหยุดมันแต่ยังไร้ประโยชน์ นี่เป็นไพ่ตายที่วูหยงใช้ออกเป็นครั้งแรก ไม่เพียงวังสวรรค์ กระทั่งผู้อมตะ ภาคใต้ก็ไม่เคยเห็น ทุกคนตกตะลึงกับมัน

 

ในไม่ช้ารูช่องโหว่ก็ปรากฏขึ้น วูหยงโบกมือ “ทุกคน ถึงเวลาเสี่ยงชีวิตแล้ว ไปกวาดล้างศัตรูกับข้า!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งเข้าไปขณะที่ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกประหม่า “พวกเขาเข้ามา แล้วเปิดใช้แนวป้องกันชั้นที่สอง!”

 

วิสัยทัศน์ของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้เปลี่ยนไป แสงสีน้ําเงินปรากฏขึ้นและกลายเป็นดอกไม้สีชมพูจํานวนนับไม่ถ้วนบินไปทั่ว

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดผู้หนึ่งก้าวออกมา เขาคือไท่กังเก้อหนึ่งในเสาหลักของตระกูลไท่

 

เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด เขาตะโกนเสียงดังและสร้างง้าวแสงสีทองจํานวนมากขึ้นรอบตัว

 

“ไป!” จ้าวแสงสีทองพุ่งเข้าทําลายดอกไม้สีชมพูที่บินอยู่กลางอากาศ

 

ดอกไม้สีชมพูและง้าวแสงสีทองระเบิดหายไปพร้อมกัน

 

แม้การโจมตีของค่ายกลวิญญาณอมตะจะมีพลังอํานาจระดับแปด แต่ไท่กังเก้อกลับไม่เสียเปรียบ

 

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งค่ายกล จื่อชิวหยู ยืนอยู่ข้างเขาและพยายามอนุมานค่ายกลวิญญาณอมตะของฝ่ายตรงข้าม

 

ไม่กี่ลมหายใจต่อมาง้าวสีทองก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

 

ผู้อมตะระดับเจ็ดเฉงชิวเร่งสนับสนุน เขายกฝ่ามือขึ้น รูสีแดงบนฝ่ามือของเขาดูดดอกไม้สีชมพูเข้าไปอย่างต่อเนื่อง

 

อี้ไห้ถังคํารามเสียงดังและระเบิดสายฟ้าสีน้ําเงินออกไปช่วยไท่กังเก้อและเฉิงชิว

 

ในเวลาเดียวกันผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญา เซี่ยลิ่วเพ่ย วางฝ่ามือบนแผ่นหลังของจื่อชิวหยูและใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อสนับสนุนการอนุมานของเขา

 

หลังจากไม่นานจื่อชิวหยูก็ประสบความสําเร็จ

 

ด้วยวิธีการของเขา จุดอ่อนของค่ายกลวิญญาณอมตะถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

 

“บึม บึม บึม”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ทําลายแนวป้องกันที่สองของค่ายกลวิญญาณอมตะอย่างไร้ปรานี

 

ผู้อมตะภาคใต้ก้าวเข้าสู่แนวป้องกันชั้นที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์ตกใจมาก

 

“มีสหายจ่ออยู่ที่นี่ ค่ายกลใดจะสามารถหยุดพวกเรา!?” วูหยงหัวเราะเสียงดัง

 

ขวัญกําลังใจของกลุ่มผู้อมตะภาคใต้พุ่งสูงขึ้น

 

จื่อชิวหยูเผยรอยยิ้มขมขึ้น “วิธีอนุมานของข้าไม่ง่าย มันใช้อายุขัยของข้า แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้ ข้าไม่สามารถลังเล!”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เต็มไปด้วยความอารมณ์ความรู้สึก

 

วูหยงกับจื่อชิวหยูมองหน้ากัน พวกเขาสามารถมองเห็นความมุ่งมั่นของแต่ละคน

 

อย่างไรก็ตามจื่อชิวหยูกลับเริ่มขมวดคิ้ว “ข้าไม่จําเป็นต้องอนุมานแนวป้องกันที่สาม มันง่ายมาก แกนกลางของมันคือต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดกลางป่า”

 

มันง่ายที่จะทําความเข้าใจแต่มันยากที่จะทําลาย

 

ป่าแห่งนี้พิเศษมาก

 

ต้นไม้แต่ละต้นเป็นพืชอสูร พืชอสูรที่อยู่ตรงกลางยังเป็นพืชอสูรแรกกําเนิด การทําลายพืชอสูรเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

 

แนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะใช้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของป่าแห่งนี้ การโจมตีพื้นที่อื่นไม่มีประโยชน์ พวกเขาต้องทําลายพืชอสูรแรกกําเนิดที่อยู่กลางป่าเท่านั้น

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้คิดก่อนจะปล่อยสัตว์อสูรบรรพกาลและสัตว์อสูรแรกกําเนิดออกมาจากมิติช่องว่างของพวกเขา

 

ฝูงสัตว์อสูรต่อสู้กับพืชอสูรก่อนจะหันมาต่อสู้กันเองอย่างบ้างคลั่งจนเกิดฉากนองเลือดที่น่าสยดสยอง

 

“ป่าแห่งนี้มีหญ้าขัดแย้ง มันเป็นพืชอสูรบรรพกาลที่จะทําให้สัตว์อสูรต่อสู้กันเอง”

 

“แม้สัตว์อสูรแรกกําเนิดจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่พวกมันก็ถูกกีดขวางด้วยปราณเน่าเปื่อย”

 

ปราณเน่าเปื่อยมีพิษร้ายแรง มันไม่ส่งผลกระทบต่อพืชอสูร มนุษย์ หรือมนุษย์กลาย พันธุ์ แต่มันจะส่งผลกระทบต่อสัตว์อสูร กระทั่งสัตว์อสูรแรกกําเนิดก็ยังได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้

 

ผู้อมตะภาคใต้ล้มเหลวในความพยายามครั้งนี้

 

วูหยงกําลังจะนําบ้านไม้ไผ่สายลมออกมาแต่ในจังหวะนี้ผู้อมตะระดับเจ็ดศีรษะโล้นของ ตระกูลปา ปาซ่ง กลับเปิดปากกล่าว “ให้ข้าลองดู

 

“แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งแต่ข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ให้ข้าเข้าไปทําลายพืชอสูรแรกกําเนิด”

 

“อย่างไรก็ตามข้ามีพลังการต่อสู้บนจุดสูงสุดของระดับเจ็ดเท่านั้น ข้าขอให้ท่านอี้ห่าวฟาง ช่วยสนับสนุนข้าด้วย” ปาซ่งกล่าว

 

ปาซ่งเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขากลับเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิต หากประมาทเพียงเล็กน้อย เขาสามารถตกตายได้อย่างง่ายดาย

 

อี้ห่าวฟางมองผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลปา ปาซื่อปา เมื่อได้รับการอนุมัติจากคนผู้นี้ เขาจึงใช้วิธีการของเขาเพื่อสนับสนุนปาซ่ง

 

เขามีวิธีเสริมกําลังที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ปาซ่งรู้สึกได้ถึงพลังงานที่ไหลเข้าสู่ร่างกายของเขาทัน

 

เขาทะยานร่างออกไปและใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นยักษ์พุ่งเข้าสู่จุดศูนย์กลางของป่า

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์เริ่มโจมตีเขา

 

ผู้อมตะภาคใต้เร่งเข้าไปสนับสนุนปาซ่ง

 

หลังจากไม่กี่นาที่ผู้อมตะภาคใต้ก็สามารถทําลายแนวป้องกันที่สามของค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

“ต่อไปขึ้นอยู่กับพวกท่านแล้ว” ปาซ่วได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียพลังการต่อสู้

 

“สหาย เจ้ากล้าหาญมาก ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงอย่างไร เจ้าจะได้รับการตอบแทนจากกองกําลังพันธมิตรภาคใต้ของเราอย่างเหมาะสม!” วูหยงกล่าวอย่างหนักแน่น

 

ปาซ่งเผยรอยยิ้มบาง “ข้าเสี่ยงชีวิตเพราะจิตใจของข้าถูกกระตุ้นด้วยความมุ่งมั่นของท่านวูหยงและท่านจื่อชิวหยู วังสวรรค์บุกภาคใต้ของเราหลายครั้งแล้ว หากพวกเขาประสบความสําเร็จในการกู้คืนวิญญาณชะตากรรม พวกเขาจะทําอย่างไร?”

 

“นั่นถูกต้องแล้ว” วูหยงพยักหน้า

 

การแสดงออกของผู้อมตะที่อยู่รอบๆทําให้วหยงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น

 

ภาคกลางสามารถรวมใจเป็นหนึ่ง ภาคใต้ก็เช่นกัน