GGS:บทที่ 864 เหตุฉุกเฉิน
“เสื้อผ้าเผ่าเอลฟ์ ผมของภูต รูปปั้นแกะสลัก ต้นเมรอน และของอื่นๆนี่อีก เอลฟ์นี่มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลยแหะ อยากได้อีกจังเลยน้า” ซูจิ้งบ่นออกมาอย่างสบายอารมณ์ในขณะที่ยังคงหาของต่อไป
แต่ไม่คาดคิด หลังจากนั้นสักพักเขาเองก็ได้พบของดีจากเผ่าเอลฟ์อีกจริงๆ คราวนี้ถึงกับทำให้เขานั้นยิ้มหน้าบานจนอดไม่ได้ที่จะพูดสรรเสริญเผ่าเอลฟ์ออกมาดังๆ
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกแล้วว่าตัวเขานั้นได้ผูกพันกับเผ่าเอลฟ์ไปแล้วเรียบร้อย
เพียงพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวัน ในช่วงตอนเย็นซูจิ้งที่กินมื้อค่ำเสร็จแล้วและกำลังเดินลงมาจากชั้นสองเพื่อที่จะไปจัดการขยะของเขาต่อนั้น
อยู่ๆก็ได้มีเสียงโทรศัพท์โทรเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่าเป็นใครโทรมาหาถึงกับขมวดคิ้วในทันที
คนที่โทรมาหาเขานั้นคือจ้าวหยวน คนที่เคยเกือบจะได้เป็นคู่หมั้นของเฉิงหนานแต่ถูกเธอตัดสัมพันธ์กลับตระกูลเฉิงเพื่อหนีการแต่งงานออกมา
ก่อนหน้านี้เขานั้นได้จัดการสะกดจิตจ้าวหยวนถึงขั้นสมบูรณ์จนทำให้จ้าวหยวนการเป็นบริวารของเขาไปเรียบร้อยแล้ว
และเขาเองก็ได้ให้จ้าวหยวนคอยสังเกตพฤติกรรมตระกูลจ้าวเอาไว้เท่านั้นเอง เขานั้นได้สั่งเอาไว้เฉยๆว่าอย่าได้โทรมาเป็นการส่วนตัวเป็นอันขาดเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยจากคนในตระกูล
แต่ตอนนี้จ้าวหยวนกลับโทรหา แสดงว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้น” ซูจิ้งถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ซูฉือโดนเจอตัวแล้ว” จ้าวหยวนพูดออกมา
หนังตาของซูจิ้งกระตุกทันทีที่ได้ยินข่าวนี้ เขารีบถามกลับไปว่า “ตระกูลจ้าวน่าจะคิดว่าซูฉือตายไปแล้วไม่ใช่รึ และเธอเองก็ซ่อนตัวอย่างดีในที่ห่างไกล ทำไมถึงเจอตัวได้กัน”
ซูฉือนั้นได้มีเรื่องบาดหมางกับจ้าวซือหลงหรือก็คือนายน้อยตระกูลจ้าว แม้ว่าในสายตาคนนอกแล้วจ้าวซือหลงนั้นจะฆ่าตัวตายเพราะซูฉือก็ตามที แต่เรื่องนี้ก็ไม่ควรจะเป็นเหตุอะไรได้เพราะซูฉือนั้นได้ถือว่าตายไปแล้ว
ในครานั้นซูจิ้งด้วยการที่เขาในตอนนั้นยังไม่แข็งแกร่งพอ และยังไม่อยากให้ตระกูลหวังต้องมีปัญหาร้ายแรงกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจ้าว
เขาจึงได้ให้เธอแกล้งตายและช่วยเธอปลอมแปลงตัวตนและส่งไปอยู่ที่อเมริกา ในเมื่อตอนนี้เธอถูกพบตัวแล้ว แน่นอนว่ามีอันตรายใหญ่หลวงรออยู่แน่นอน
“เรื่องนี้ตอนแรกเลยมันก็เงียบไปแล้วล่ะ แต่ดันมีคนแอบถ่ายรูปเธอตอนไปซื้อของแล้วเอารูปถ่ายไปโพสต์ลงฟอรั่ม แล้วเอาไปสร้างรายการสาวงามชาวจีนขึ้นในหมวดหมู่รูปภาพและดันได้รับความนิยมสูง
ทีนี้มีไอ้บ้าคนหนึ่งที่มันเคยอ่านข่าวของซูฉือและจ้าวซือหลง แล้วเห็นว่าทั้งคู่คล้ายกันมากเลยส่งข่าวไปให้ตระกูลจ้าวดู
เมื่อตระกูลจ้าวได้เห็นจึงรีบส่งคนไปสืบหาความจริงในทันที พวกเขาจริงจังมากถึงขนาดใช้เส้นสายในอเมริกาเพื่อสืบหาข้อมูลเลย” จ้าวหยวนพูดออกมาพร้อมทั้งส่งฟอรั่มที่ว่าให้ซูจิ้งดู
ซูจิ้งเข้าใจเรื่องราวในทันที เขาได้เข้าไปดู เขาพบว่าฟอรั่มที่ว่านั้นเล็กมากๆ นั่นก็เพราะว่าอเมริกาไม่นิยมเว็บนี้สักเท่าไหร่
เมื่อเห็นโพสต์ที่ว่านั่นแล้วตลอดจนเนื้อของฟอรั่มที่มันไม่มีอะไรเลย ไม่มีอะไรน่าดู หรือน่าติดตามเลยสักนิด คงจริงอย่างที่เขาว่าไว้ว่าคนมันจะซวย แต่สำลักก็ยังตายได้
อย่างไรก็ตามยังดีที่คนถ่ายรูปแค่ไปแอบถ่ายเธอตอนที่กำลังเดินซื้อของไม่ได้ตามไปยันบ้านจนลงรายละเอียดไว้ครบ
อีกทั้งถนนที่เธอโดนแอบถ่ายยังถือว่าไกลจากที่อยู่จริงของเธออยู่มาก ตอนนี้เธอน่าจะยังไม่ถูกพบตัวเร็วมากนัก
หลังจากคุยกับหวังจ้าวเสร็จแล้ว ซูจิ้งได้โทรหาซูฉือในทันที
ถึงแม้เธอจะรีบรับสายอย่างรวดเร็ว แต่น้ำเสียงของเธอยังฟังดูงัวเงียอยู่เมื่อกับโดนปลุกให้ตื่นกลางคัน ซูจิ้งรู้สึกฉุนนิดๆกับความขี้เกียจของเธอจึงได้พูดไปว่า “นี่มันตอนเย็นไม่ใช่หรอ นี่ยังกล้านอนอยู่อีกหรอ ตอนนี้โดนตระกูลจ้าวเจอตัวแล้วนะ”
“ห้ะ! ไม่จริงน่า!” ซูฉือร้องลั่นห้อง
“อันนี้เรื่องจริง ดูเองก็แล้วกัน” ซูจิ้งได้ส่งเว็บลิ้งค์ของฟอรั่มที่เขาได้รับมา หลังจากซูฉือได้เห็นแล้วเธอรู้สึกโกรธพร้อมด่าทอสาปแช่ง
เธอเองก็ไม่เคยติดมาก่อนเลยว่าจะโดนใครที่ไหนไม่รู้มาแอบถ่ายแล้วแอบเอาไปตั้งกระทู้แบบนี้
ถ้าเธอรู้ล่ะก็เธอจะบล็อกเว็บนี้แบบถาวรยันตัวตนของคนที่ถ่ายรูปเอาให้ไปไม่เป็นเลย
“ทำไงดี ทำไงดี ตอนนี้ฉันควรจะทำยังไงดีล่ะ” ซูฉือถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆเล็กน้อย เธอกลัวมาก เธอกลัวชนิดที่ว่าไม่กล้าข้องแวะกลับใครเลยก่อนหน้านี้ไม่ว่ากับผู้ชายหรือผู้หญิง
หากว่าเธอโดนตระกูลจ้าวจับตัวได้ล่ะก็ ถ้าจบด้วยดีก็แปลกแล้ว
“ตอนนี้เธอไปเตรียมตัวย้ายที่อยู่ก่อนแล้วกัน ฉันเองก็จะส่งคนไปช่วยดูแลเธอ ตอนนี้พยายามสงบสติอารมณ์ไว้ก่อน อย่างเพิ่งลนลานไป อีกซักพักหนึ่งคนของฉันน่าจะไปถึง ตอนนี้ตระกูลจ้าวน่าจะยังเข้าไม่ถึงตัวหรอก เมื่อถึงตอนนั้นฉันรับรองว่าเธอปลอดภัยอย่างแน่นอน” ซูจิ้งพูดออกมา
“นี่นายเชื่อใจคนของนายขนาดนั้นเลยเหรอ” ซูฉือสงสัยจนต้องถามออกมา
“ฉันก็จะส่งคนที่เคยส่งไปหาเธอก่อนหน้านี้นั่นแหล่ะ คนๆนั้นไม่มีใครทำอะไรเขาได้นักหรอก อีกอย่างเขานั้นเชื่อถือได้แน่นอน” ซูจิ้งพยายามปลอมซูฉือให้ใจเย็นลง ก่อนที่จะอธิบายรายละเอียดทั้งหมด แล้วทำการโทรหาไป๋ฮิตูในทันที
ไป๋ฮิตูคือคนที่ซูจิ้งคิดไว้แล้วว่าเหมาะกับงานนี้มากที่สุด เขานั้นมีสแตนด์ชั้นเลิศ และความแข็งแกร่งของเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าซูจิ้งสักเท่าไหร่นักชนิดที่ว่าพอๆกันได้เลยถ้าไม่นับเรื่องความแข็งแกร่งทางจิตใจ
หลังจากเขาสั่งไป๋ฮิตูเสร็จแล้ว ซูจิ้งก็ได้โทรกลับไปหาจ้าวหยวนและพูดขึ้นว่า “จ้าวหยวน ตอนนี้นายกลับไปสนใจเรื่องธุรกิจของตระกูลได้แล้ว แต่หากมีเหตุการณ์อะไรแบบนี้อีกขอให้รีบบอกฉัน หากซูฉือถูกจับได้นายต้องยอมตายถวายชีวิตเพื่อช่วยเธอให้ได้”
“ได้” จ้าวหยวนตอบรับอย่างภักดี
ถึงแม้ว่าซูฉือนั้นจะระแวดระวังขนาดไหนก็ตามแต่เขาก็กลัวเหตุการณ์แบบเช่นในวันนี้ที่จะทำให้เธอถูกจับได้เข้าสักวัน ดูเหมือนว่าวิธีการที่ดีที่สุดที่จะช่วยซูฉือได้ก็คือการกวาดล้างตระกูลจ้าวจริงๆสินะ
“ถ้าตระกูลจ้าวคิดจะกัดไม่ปล่อยกันขนาดนี้ล่ะก็ สงสัยว่าวันพรุ่งนี้ฉันคงต้องไปเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของหวังซวนจี้จริงแล้วสินะ อืมมมม หลังจากนั้นค่อยไปเยี่ยมเยือนตระกูลจ้าวสักหน่อย”
ซูจิ้งได้ยืนนื่งๆอยู่พักใหญ่โดยเปิดใช้วิธีแห่งใต้หล้าอยู่ในจิตสำนึกของเขา ตอนนี้มีวิธีการมากมายหลากหลายในการจัดการกับตระกูลจ้าวผุดขึ้นมาในความคิดของเขามากมายโดยใช้เวลาเพียงไม่กี่วิ
เขาพบแม้แต่วิธีที่จะกวาดล้างตระกูลจ้าวแบบถาวรเลยด้วยซ้ำ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะทำอะไรที่มากเกินจำเป็นนักเพราะไม่อยากจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์
แต่ใครก็ตามที่ทำเพื่อนของเขาเจ็บล่ะก็ เขาเองก็พร้อมที่จะเป็นยักษ์มารในทันที
ซูจิ้งนั้นไม่ได้อยู่จัดการขยะห้วงเวลาฯต่อแต่อย่างใด เขาเตรียมตัวที่จะเป็นเข้าร่วมงานเลี้ยงอวยพรวันเกิดอยู่พักใหญ่เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องในคราวนี้จะไม่พลาดอีก เพราะซูฉือนั้นในตอนนี้อยู่ไม่สุขอีกต่อไปแล้ว
ในขณะเดียวกันที่แมนชั่นตระกูลจ้าวที่ตอนนี้บรรยากาศภายในนั้นอึมครึม เต็มไปด้วยความเกลียดชังและโกรธแค้น
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดหรูราคาแพงท่าทางร้ายกาจได้พูดจาออกมาด้วยน้ำเสียงโหดร้ายขณะที่ใช้นิ้วชี้ไปยังรูปถ่ายที่ปรากฏอยู่ในคอมพิวเตอร์แล้วพูดออกมาว่า
“ยัยสำส่อนนี่ต้องเป็นซูฉือแน่ๆ ฉันจำเธอได้ต่อให้เธอตายไปแล้วก็ตาม แต่นี่เธอยังไม่ตายใช่รึเปล่า ทำไมยัยนี่ยังมีชีวิตอยู่ล่ะ เห็นไหมฉันบอกไปแล้วเห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าต่อให้ฉันไม่โกรธจนเกือบทำลายศพนั้นไปแล้วแต่ยังไงซะศพนั้นก็ไม่ใช่ร่างของยัยนี่ เห็นแล้วรึยังว่ามันไม่ใช่จริงๆ ฉันบอกแกไปแล้วแกก็ไม่ฟัง ที่นี้เชื่อกันรึยังล่ะ”
หญิงวัยกลางคนคนนี้ก็คือแม่ของจ้าวซือหลง ตอนที่จ้าวซือหลงยืนยันว่าซูฉือตายไปแล้ว เธอเองยังโกรธซูฉือจนต้องการทำลายแม้แต่ศพของซูฉือแต่ถูกหยุดเอาไว้โดยหยางเซียวซะก่อน
นั่นก็เพราะว่าหลังจากเหตุการณ์ที่จ้าวซือหลงกระโดดออกมาจากตึกตอนนั้น ได้มีภาพวีดิโอบันทึกเหตุการณ์เอาไว้ ว่ามีตระกูลเกาเข้ามาเกี่ยวข้อง
เธอจึงได้ตรงไปที่ตระกูลเกาและทำการเตะเกาจุนเต็งจนตายด้วยส้นสูงอาบยาพิษของเธอ
เรื่องนี้กลายเป็นข่าวดังจนแม้แต่คนธรรมดาก็ยังเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีเพราะหากเป็นคนทั่วไปป่านนี้ต้องโดนจำคุกตลอดชีวิตไม่ก็ประหารชีวิตไปแล้ว
แต่ตระกูลจ้าวก็ได้เล่นบทโศกโดยการอ้างเหตุผลว่าลูกชายของเธอตายจนทำให้ฟิวส์ขาดไป
ถึงแม้การตายของเกาจุนเต็งในตอนนี้จะดูประหลาดไปสักหน่อย แต่เรื่องก็เกิดไปแล้วพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้
ยังดีที่พวกเขานั้นมีสายสัมพันธ์อันเหนียวนั่นกับกองทัพทำให้อีกไม่ได้เดือนดีแม่ของจ้าวซือหลงก็ออกมาจากคุกอย่างสบายอารมณ์
ความจริงเรื่องนี้เองก็สมควรจะจบลงไปแล้วแต่ดันมีคนส่งรูปของซูฉือมายั่วอารมณ์โกรธแม่ของจ้าวซือหลงมาถึงหน้าประตูบ้านแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะกระฟัดกระเฟียดออกมา
“อย่าพึ่งวู่วามไปน่าเธอ รูปนี้อาจจะถ่ายก่อนที่เธอตายไปแล้วก็ได้” พ่อของจ้าวซือหลงเองก็ได้พยายามพูดเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น
“รูปเก่าหรอ คุณดูยังว่ารูปเก่า ก็เห็นอยู่ว่าไอ้คนถ่ายมันบอกไว้ว่าพึ่งจะถ่ายยังไม่ถึงเดือนดี แล้วมันจะไปถ่ายก่อนเธอตายได้ยังไง
นังนี้ต้องยังไม่ตายแน่ๆ มันต้องหนีไปกบดานอยู่นอกประเทศ ฉันจับมันกลับมาได้เมื่อไหร่ ฉันจะทำให้มันต้องตายทั้งเป็น” แม่ของจ้าวซือหลงร้องไห้ออกมา
“ผมส่งคนไปสืบแล้วครับ ถ้าเธอยังไม่ตายจริงๆล่ะก็ คราวนี้ผมจะไม่มีทางปล่อยให้นังนี่หนีจากมือไปได้อีกเป็นอันขาด แต่เรื่องนี้มันก็น่าแปลกจริงๆ”
พ่อของจ้าวซือหลงได้นิ่งเงียบไปสักพักก่อนที่จะหันไปถามจ้าวซือเฟิงว่า “ซือเฟิง ตอนที่ลูกไปพบร่างของซูฉือในวันนั้นมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นรึเปล่า”
“…วันนั้นผมก็ไม่พบอะไรแปลกๆเลยนะ ผมทั้งเช็คชีพจร ลมหายใจ แม้แต่การเต้นของหัวใจ ผมลงมือตรวจสอบเองด้วยซ้ำจนแน่ใจว่าเธอตายแล้วแน่ๆ
แต่ถ้าหากเธอยังไม่ตายจริงๆล่ะก็ บอกได้เลยว่าฝั่งตรงข้ามจะต้องมีสุดยอดวิธีการที่ใช้ซ่อนตัวเธออกจากโลกนี้ได้ เอาจริงๆผมก็ไม่อยากให้รีบตัดสินใจไปนะ
เรามารอดูก่อนว่าคนของเราที่ส่งไปสืบสวนว่าได้ผลมายังไง” จ้าวฉิเฟิงพูดออกมา