“ทว่าชิงหลงจะไปจากเมืองเทวะสวรรค์จริงๆ หรือ? ต่อให้เขายินยอม สมาคมอาวุโสก็คงไม่เต็มใจปล่อยไปหรอกกระมัง ถึงอย่างไรเสียผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางคนหนึ่ง ก็เป็นพละกำลังในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของเมืองเทวะสวรรค์ในยามนี้” หงส์น้ำแข็งยังคงเอ่ยถามด้วยความกังวลใจ
“พละกำลังในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ แม้แต่ข้าโจมตีสามครั้งยังรับไม่ไหว เจ้าคิดว่าสมาคมอาวุโสจะให้ความสำคัญมากหรือ? และยิ่งไปกว่านั้นเหมือนที่ข้าบอกเอาไว้ก่อนหน้า หากเป็นยามปกติสมาคมอาวุโสคงจะรักษาศักดิ์ศรีของตนเอาไว้ บางทีอาจจะส่งคนมาบีบให้ข้าล้มเลิกเรื่องนี้ แต่ยามนี้กองทัพเผ่ามารเข้ามาประชิดเมือง ข้าและชิงหลงใครสำคัญกับเมืองเทวะสวรรค์กว่ากัน ตาเฒ่าเหล่านั้นน่าจะรู้ดี! เดาว่ากว่าครึ่งคนส่งมาโน้มน้าวสองสามครั้งแล้วก็ยอมรับโดยดุษณีไปเอง” หานลี่ฉีกยิ้มราบเรียบ แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“สหายหานพูดถึง ยามนี้สถานการณ์เข้มงวด สมาคมอาวุโสคงไม่ล่วงเกินพี่หาน แต่ความแค้นที่อรหันต์ชิงหลงมีต่อสหาย วันข้างหน้าพี่หานต้องระมัดระวังด้วย แน่นอนว่าพี่หานไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวคนผู้นี้ แต่ต้องกำชับศิษย์ในอาณัติ” หงส์น้ำแข็งครุ่นคิดแล้วเตือนด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ไม่ต้องยุ่งยากเพียงนั้น หลังจากนี้ชิงหลงคงไม่มีทางสร้างปัญหาให้ข้าแล้ว” หานลี่ได้ยิน ใบหน้ากลับเผยสีหน้าแปลกประหลาดออกมา หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เอ่ยขึ้น
“อันใด หรือพี่หานคิดจะ…” หงส์น้ำแข็งชาญฉลาดเพียงนี้ แน่นอนว่าย่อมฟังเจตนาของหานลี่ออก ทันใดนั้นพลันรู้สึกตกตะลึง
“ปณิธานของเขาเล็กมาก! ในเมื่อสร้างความแค้นกับข้าแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจปล่อยให้อรหันต์ชิงหลงมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีก ในโลกนี้มีเพียงต้องเป็นโจรพันวัน ไหนเลยจะต้องป้องกันโจรพันวันด้วย!” หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แม้ว่าพี่หานจะมีฝีมือด้านอัสนี แต่เรื่องนี้เกรงว่าคงทำได้ยาก อย่างน้อยสมาคมอาวุโสคงไม่อนุญาตให้พี่หานทำเช่นนี้ และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าสหายจะทำสำเร็จ ต่อให้เป็นความลับแค่ไหน เหล่าอาวุโสก็ต้องสงสัยพี่หานแน่” หงส์น้ำแข็งเอ่ยอย่างลังเล
“ข้าไม่มีางลงมือในเมือง และไม่มีทางออกหน้าเอง ต้องให้คนอื่นทำแทนอยู่แล้ว” หานลี่ได้ยินกลับหัวเราะน้อยออกมา
“พี่หานมีผู้ช่วยอื่นหรือ? แต่อย่าประมาทเชียวนะ แม้ว่าชิงหลงจะสู้สหายไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง เกรงว่าคนอื่นคงสังหารเขาได้ยาก” หงส์น้ำแข็งเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่ก็เอ่ยอย่างรอบคอบ
“สหายเฟิงโปรดวางใจ ในเมื่อข้าตัดสินใจแล้ว ย่อมมีแผนการเอาไว้อยู่แล้ว” หานลี่ตอบอย่างมีแผนการ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีเหลืองพุ่งออกมาหลังจากหมุนวนรอบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเด็กทารกหญิงอายุสองสามขวบ
เด็กทารกหญิงผู้นี้มีผิวขาวเนียน ดวงตาทั้งสองเป็นสีดำสนิท ยืนอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน จ้องมองหานลี่ด้วยดวงตาที่ไม่กะพริบดูน่ารักน่าชังมาก
“ไปเถิด! ไปจับตาดูอรหันต์ชิงหลงเอาไว้ หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ เขาอาจจะไม่รอถึงสามวัน ก็คงออกจากเมืองนี้ไปอย่างเงียบๆ แล้ว เจ้าก็แอบตามเขาออกจากเมืองไป หาที่รกร้างที่หนึ่ง จัดการเขาซะ” หานลี่ออกคำสั่งกับเด็กหญิงผู้นั้น
“เจ้าก็พูดง่าย จับตามองเขาย่อมไม่มีปัญหา จากอิทธิฤทธิ์ของข้าในยามนี้ หากอำพรางกายเกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายก็พบตัวได้ยาก แต่ให้สังหารคนผู้นี้เกรงว่าคงมีพลังไม่พอ ถึงอย่างไรเสียข้าก็เพิ่งแปลงกายได้ไม่นาน แม้ว่าพละกำลังจะเหนือกว่าเขาส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่มากนัก” เด็กหญิงผู้นั้นไม่ได้ขยับริมฝีปาก แต่ในห้องโถงกลับมีเสียงของเด็กหญิงดังก้อง ฟังดูแล้วเหมือนมีอายุสิบสามสิบสี่ปี
“อรหันต์ชิงหลงถูกข้าทำร้ายไปแล้ว แม้ว่ากลับไปกินยารักษาทันที ภายในระยะเวลาสั้นๆ สองสามวันย่อมไม่อาจฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติได้ นอกจากนี้ข้าได้ลงมือกับเขาเอาไว้แล้ว หากลงมือพลังปราณของเขาใช้ได้สามในสิบส่วนก็นับว่าไม่เลวแล้ว เจ้าสังหารเขาได้แน่นอน” หานลี่กลับเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
“อ๋อ หากเป็นเช่นนั้น ย่อมไม่มีปัญหา เจ้ารอข่าวดีจากข้าก็พอ!” เด็กหญิงกะพริบตาปริบๆ เผยสีหน้าน่าเอ็นดูออกมา จากนั้นผิวก็เปล่งแสงสีทอง กลายเป็นเงาลวงตาสายหนึ่งหายวับไปจากที่เดิม
“พี่หาน สหายผู้นี้คือ…” หงส์น้ำแข็งเห็นทุกอย่าง ก็ทนไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น
“มันคืออสูรวิญญาณของข้า เพิ่งจะแปลงกายได้ไม่นาน” หานลี่ลูบใต้คางขณะเอ่ย
“อสูรวิญญาณของสหาย! ฟังจากน้ำเสียงของเจ้า หรือว่ามันพัฒนาไปอยู่ระดับผสานอินทรีย์แล้ว” หงส์น้ำแข็งเอ่ยถามด้วยความตกตะลึง
“อืม มันมีพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ขั้นต้น แต่สืบทอดสายโลหิตของกิเลนเที่ยงแท้ ดังนั้นผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางจึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” หานลี่เอ่ยอย่างตรงไปตรงมา
หงส์น้ำแข็งได้ยินเช่นนี้ มุมปากก็อดที่จะกระตุกไม่ได้ หลังจากผ่านไปชั่วครู่ถึงได้หัวเราะอย่างขมขื่น
“ข้าเพิ่งรู้ว่าเหตุใดพี่หานถึงไม่เห็นสมาคมอาวุโสอยู่ในสายตา หากมีอสูรวิญญาณตนนี้คอยช่วยเหลือ เกรงว่าพี่หานคงเป็นผู้บำเพ็ญเพียรอันดับหนึ่งในเมืองเทวะสวรรค์ตัวจริงเสียงจริงแล้ว”
“ผู้บำเพ็ญเพียรอันดับหนึ่ง ผู้แซ่หานมิกล้ารับไว้ สหายเฟิงคงไม่ได้คิดว่าเมืองเทวะสวรรค์คุ้มครองเผ่ามนุษย์และปีศาจมานานหลายแสนปี จะมีพละกำลังแค่ที่แสดงออกมาจริงๆ หรอกกระมัง ในเมืองนี้ยังมีผู้ที่มีฝีมืออยู่อีกตั้งไม่รู้เท่าไหร่” หานลี่กลับสั่นศีรษะแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
“อ๋อ พี่หานกล่าวเช่นนี้ หรือว่าได้ยินอันใดมาบ้าง?” หงส์น้ำแข็งย้อนถามกลับด้วยความตกตะลึง
“ก็ไม่ใช่ ทว่าข้าน้อยแค่คาดเดาเท่านั้น เอาล่ะ พวกเราไม่ต้องคาดเดาเรื่องนี้หรอก รอให้เผ่ามารทำการโจมตีเมืองอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างย่อมชัดเจน ทว่าก่อนหน้านั้นข้ากลับต้องให้สหายเฟิงช่วยข้าอีกแรง” หานลี่เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“อีกแรง! หรือว่าพี่หานคิดจะ…” หงส์น้ำแข็งพลันตกตะลึง แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดขึ้นมาได้ ใบหน้าจึงอดที่จะแดงระเรื่อขึ้นมาไม่ได้
“ใช่แล้ว แม้ว่าการออกไปข้างนอกครั้งนี้ข้าน้อยจะประสบกับอันตราย แต่ก็ได้รับวาสนามาเช่นกันสามารถทะลวงจุดคอขวดระดับขั้นปลายได้แล้ว เกรงว่ายามนี้ต้องอาศัยหยินแท้หงส์สวรรค์ของสหายแล้ว” หานลี่กระแอมไอแล้วเอ่ยอย่างแช่มช้า
“ตอนแรกหากไม่ใช่เพราะพี่หานลงมือช่วยเหลือ ข้าคงต้องเป็นอสูรวิญญาณที่เร่ร่อนอยู่กับผู้ใด ยิ่งไม่อาจฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วเพียงนี้ แถมยังพัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับหลอมสุญตา ยามนี้ช่วยพี่หานทะลวงจุดคอขวดย่อมสมเหตุสมผล แต่ไม่ทราบว่าพี่หานคิดจะเริ่มกักตนเมื่อใด?” สีหน้าแดงระเรื่อของหงส์น้ำแข็งสลายหายไป และเอ่ยถามอย่างจริงจัง
“หากไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่มั่นใจว่าจะทะลวงจุดคอขวดได้ เดิมก็คงไม่คิดจะทำเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรครั้งนี้หากผู้แซ่หานทะลวงจุดคอขวดสำเร็จ เซียนย่อมมีความดีความชอบเป็นคนแรก ส่วนเวลานั้นก็รอช้าไม่ได้รอให้อสูรมิคาทนกลับมา ข้าจะเริ่มกักตนทันที” หานลี่ตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด
หงส์น้ำแข็งฟังจนมาถึงยามนี้ ย่อมพยักหน้าไม่มีความคิดเห็นอันใด
และยามนั้นหงส์น้ำแข็งและหานลี่ย่อมพูดคุยกันอีกชั่วครู่ภายในห้องโถง หญิงสาวผู้นี้ก็หยัดกายลุกขึ้นกล่าวลา
หานลี่ไม่ได้มีเจตนารั้งไว้ หลังจากที่ส่งนางออกนอกประตูห้องโถง ก็กลับมานั่งสมาธิฝึกฝน
ในเวลาเดียวกันภายในตำหนักหอคอยหินขนาดเล็กสูงประมาณร้อยจั้งอีกแห่งหนึ่ง อรหันต์ชิงหลงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ด้วยสีหน้าซีดขาว รอบด้านมีศิษย์ชายหญิงอายุหลากหลายสิบกว่าคนยืนอยู่ ทุกคนมีแววตาเปล่งประกาย ดูเหมือนว่าจะมีพลังยุทธ์ไม่อ่อนแอ
บนเก้าอี้อีกตัวหนึ่งตรงข้ามกับอรหันต์ชิงหลงมีสตรีผู้บำเพ็ญเพียรหน้าตางดงามอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปีนั่งตัวตรงแน่วอยู่ ตรงเอวรัดตะกร้าสีม่วงเอาไว้
นั่นก็คือผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์อีกคนหนึ่งของเมืองอี่เทียน หลินหลวน
สตรีผู้นี้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความอ่อนแอลงเป็นอย่างมากบนเรือนร่างของอรหันต์ชิงหลง ก็อดที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“สหายชิงหลง เจ้าตัดสินใจออกจากเมืองเทวะสวรรค์ ไปอยู่ฝั่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องรู้ด้วยว่าอาวุโสของสี่พรรคของพวกเราเหลือแค่ข้ากับเจ้าสองคนเท่านั้น หากเจ้าจากไป ข้าก็ต้องอยู่ลำพังในเมืองนี้ เกรงว่าคงไม่ดีต่อการสร้างรากฐานในเมืองเทวะสวรรค์ให้ศิษย์อย่างพวกเรา”
“ข้าไม่อยากไปหรอก แต่คนผู้นั้นบีบบังคับ จึงจำใจต้องทำเช่นนี้ อิทธิฤทธิ์ของคนผู้นั้นเจ้าเองก็รู้ดี แม้ว่าเจ้ากับข้าร่วมมือกันก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ ข้าน้อยจะอยู่ไปเพื่ออันใด!” อรหันต์ชิงหลงมุมปากกระตุก แววตาเปล่งประกายความเคียดแค้นขณะเอ่ย
“สหายชิงหลง หากรู้เช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงไปล่วงเกินเซียนหงส์น้ำแข็ง ข้าก็แปลกใจมาตลอด แม้ว่าสตรีผู้นั้นจะมีหน้าตางดงาม แต่ก็ไม่ถึงกับต้องทำให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ จากที่ข้ารู้จักกับสหายชิงหลงมา ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่คนใจร้อน หรือว่ามีเหตุผลอื่นหรือ?” หลินหลวนขมวดคิ้วดำขลับ แล้วเอ่ยถามอย่างตำหนิ
“ข้าน้อยมีเรื่องที่พูดได้ยาก ทว่ายามนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าโจรนั่นมาสังหารข้า คืนนี้ข้าจะจากไปทันที หากไม่คิดจะฝากฝังศิษย์ไว้กับสหาย ผู้แซ่ชิงก็คงจะไปโดยไม่บอกลาผู้ใด” อรหันต์ชิงหลงหัวเราะอย่างขมขื่นขณะเอ่ย
“เดิมสี่พรรคของพวกเราก็หยั่งรากลึกด้วยกันอยู่แล้ว ต่อให้สหายไม่พูดข้าก็จะช่วยเจ้าดูแลนศิษย์ของพรรคเก้าดารา จากฐานะของคนผู้นั้นคิดดูแล้วคงไม่มาหาเรื่องชนรุ่นหลัง ทว่าพี่ชิงจะไปเมืองจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ดี พวกเราไม่จำเป็นต้องวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน ไม่ว่าฝั่งนั้นจะเกิดเรื่อง อีกฝ่ายก็ยังทำให้พรรคของเราสืบทอดไปได้ต่อ” หลินหลวนครุ่นคิดชั่วครู่ แล้วพยักหน้าขณะเอ่ย
“สาเหตุที่ข้าทำเช่นนี้ ก็เพราะคิดเช่นนี้เช่นกัน เอาล่ะ รอช้าไม่ได้แล้ว ข้าไปล่ะ นอกจากศิษย์สองคนนี้ คนอื่นๆ ข้าคงไม่พาไป พวกเจ้าฟังให้ดีจากนี้ข้าไม่อยู่ที่เมืองเทวะสวรรค์ พรรคเก้าดาราต้องเชื่อฟังคำสั่งของท่านอาวุโสหลิน” อรหันต์ชิงหลงกลับเป็นคนที่เด็ดขาดดังคาด เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ คาดไม่ถึงว่าจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วออกคำสั่งกับศิษย์ใต้อาณัติ
“พวกเรารับคำสั่งของท่านอาวุโส!” ศิษย์สิบกว่าคนได้ยิน ก็ใจหายวาบแล้วตอบรับพร้อมกับด้วยเสียงที่หลากหลาย
อรหันต์ชิงหลงพยักหน้า หลังจากประสานกำปั้นให้หลินหลวน ก็สาวเท้าเดินออกไปจากตำหนัก
ในบรรดาลูกศิษย์ทุกคนมีสองคนเดินออกมาจากฝูงชนโดยไม่พูดอันใด แล้วไล่ตามไปติดๆ
มองเห็นอรหันต์ชิงหลงพาศิษย์สองคนเปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปด้านนอกประตูตำหนัก หลินหลวนก็สั่นศีรษะเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลง เผยสีหน้าเสียดายออกมา