ตอนที่ 1154 สาเหตุของอันตราย

True Martial World พิภพเทพยุทธ์

บทที่ 1154 สาเหตุของอันตราย โดย Ink Stone_Fantasy

ข่าวเรื่องการบาดเจ็บหนักของต่งเสี่ยวหวั่นแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลังจากที่กินโอสถชำระร่างของห้องหออวิ๋นซินแล้วก็ไม่เพียงไม่ฟื้นฟูเส้นลมปราณหรือฟื้นฟูพลัง แต่ยังทรุดตัวลงหนักประหนึ่งว่าใกล้ตายแล้ว

คราวนี้ทุกคนแน่ใจแล้วว่าคำพูดที่ต่งเส่าชิงบอกก่อนหน้านี้ว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จเป็นเรื่องโกหก

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

ฮูเหยียนชางหัวเราะเสียงดัง ตอนนี้เขารู้สึกสะใจมากจริงๆ

“เจ้าต่งเส่าชิงนี่คิดจะเอาคืนข้า แต่ตอนนี้กลับยกหินมาทับขาตัวเอง อีกไม่กี่วันคงมาขอร้องข้าอีกรอบ ไม่เช่นนั้นชีวิตลูกสาวเขาคงไม่รอด”

“ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนช่างมีญาณหยั่งรู้ล่วงหน้าจริงๆ” จั่วชิวเฮ่าอวี้หัวเราะด้วยเช่นกัน ในฐานะที่เป็นคุณชายของหอเซียนสรรพสิ่ง จั่วชิวเฮ่าอวี้จึงมีคู่แข่งจากสำนักเดียวกันเป็นจำนวนไม่น้อย เขาต้องผูกมิตรกับฮูเหยียนชางให้ดี “ในเมื่อต้องการให้ปรมาจารย์โอสถฮูเหยียนช่วย ท่านปรมาจารย์ก็ย่อมพาต่งเสี่ยวหวั่นเข้าห้องและค่อยๆ ศึกษาได้”

จั่วชิวเฮ่าอวี้พูดอย่างมีเลศนัย ฮูเหยียนชางลูบคางตัวเอง ช่วยสาวงามที่หมดสติ ไม่มีแรงต่อต้านอะไรและลงมือได้อย่างตามใจก็เป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อย

“เด็กไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่งจะหลอมโอสถชำระร่างได้อย่าง แต่ให้ข้าหลอมโอสถชนิดนี้ก็ยังต้องระวังแล้วระวังอีก อี้อวิ๋นผู้นี้คงหลอมโอสถปลอมออกมาแน่นอน ทั้งภายในก็มีพิษอยู่จำนวนมาก”

ขนาดโอสถที่ได้มาตรฐานยังมีพิษหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอสถปลอม

“การนัดหมายในอีกสามวันคงเป็นวันตายของเจ้าเด็กนี่แน่แท้” จั่วชิวเฮ่าอวี้ถอนใจด้วยความโล่งอก ตอนที่มีข่าวว่าอี้อวิ๋นหลอมโอสถชำระร่างสำเร็จปล่อยออกมาเขาก็กังวลเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาไม่มีประโยชน์ที่ต้องกังวลแล้ว

……

เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้วสามวัน เรียกได้ว่าสามวันมานี้ต่งเส่าชิงไร้ซึ่งหนทาง

เขาไม่รู้ว่าลูกสาวเป็นอะไรไปกันแน่ นางอ่อนแอลงทุกวัน เค้ารางชีวิตเบาบางลงเรื่อยๆ ดูจากแนวโน้มตอนนี้ ใช้เวลาอีกไม่กี่วันนางก็จะตายแน่นอน นี่เป็นแรงปะทะที่รับได้ยากสำหรับต่งเส่าชิง

ตอนนี้เขาสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีสมบัติอะไรอะไรที่ช่วยรักษาลูกสาว ปรมาจารย์โอสถคนอื่นก็ไม่มีใครอยากยุ่งเรื่องนี้ ได้แต่หาอี้อวิ๋นกับฮูเหยียนชาง

ส่งลูกสาวให้ฮูเหยียนชางก็เท่ากับส่งลูกแกะเข้าปากเสือ จะส่งให้อี้อวิ๋น อี้อวิ๋นก็ปิดด่านฝึกตนอยู่ ไม่ให้ใครพบทั้งนั้น

การปิดด่านฝึกตนของอี้อวิ๋นในเวลานี้ช่วยยืนยันว่าเรื่องที่เขาหลอมโอสถปลอมเป็นเรื่องจริงในสายตาคนอื่น เห็นได้ชัดว่าเขาปิดด่านฝึกตนเพื่อหนีปัญหา

แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไร ต่งเส่าชิงก็ไม่เชื่อว่าตัวเองถูกหลอก

เขาตรวจสอบโอสถสามเม็ดนี้ด้วยตัวเอง ต่อให้สายตาเขาจะผิดพลาดจริงๆ แต่ก็ดูกระบวนการหลอมโอสถของอี้อวิ๋นกับตาตัวเอง แม้เขาจะเป็นคนนอกวงการหลอมโอสถก็รู้ว่าทักษะอันเลิศล้ำนั้นไม่ธรรมดา

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาได้แต่อดทนกับความร้อนรนในใจ ไม่ไปรบกวนการปิดด่านฝึกฝนของอี้อวิ๋น เขารู้ว่าอี้อวิ๋นจะออกจากการปิดด่านในอีกไม่นาน เพราะวันนี้คือวันที่เขาจะเปิดหม้อหลอมโอสถหทัยน้ำแข็งไท่เวย

อี้อวิ๋นออกจากปิดด่านในเช้าวันนี้!

เขาใช้เวลาสามวันนี้มาหลอมหญ้าน้ำค้างสวรรค์ให้เป็นโอสถน้ำค้างสวรรค์เลี้ยงวิญญาณ หลังจากที่กินลงไปก็ทำให้จิตวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นมาก

แต่เขายังไม่ทันได้ดีใจก็ได้ยินเรื่องที่ชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นตกอยู่ในอันตรายจากหรูเอ๋อร์

“เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้เจ้าค่ะคุณชาย…”

หรูเอ๋อร์รู้เรื่องนี้อยู่นานแล้วและเพิ่งมาบอกอี้อวิ๋น อี้อวิ๋นย่อมเป็นคนที่สำคัญที่สุดในสายตานาง

“เจ้าบอกว่าชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นตกอยู่ในอันตราย?” อี้อวิ๋นขมวดคิ้ว

“คนในเมืองสรรพสิ่งพากันพูดเช่นนี้ เจ้าสำนักต่งมาที่ห้องหออวิ๋นซินเมื่อสองสามวันก่อน เขาบอกข้าด้วยตัวเองว่าสถานการณ์ของลูกสาวย่ำแย่ลงเรื่อยๆ”

“แปลก โอสถชำระร่างที่ข้าหลอมน่าจะมีพิษปะปนอยู่น้อยมากจึงจะถูก พลังโอสถก็นุ่มนวล ต่อให้กินทีเดียวสามเม็ดก็ไม่ถึงขั้นมีปัญหาเช่นนี้”

อี้อวิ๋นรู้สึกไม่เข้าใจ ในตอนนี้เองที่เขารู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาส่งเสียงไปนอกประตูว่า “เจ้าสำนักต่ง ข้าออกจากการปิดด่านแล้ว เจ้าเข้ามาเถอะ”

ต่งเส่าชิงมารออยู่หน้าประตูห้องหออวิ๋นซินตั้งแต่เมื่อคืน ตัวเขาที่ใจร้อนรนดั่งไฟไม่มีอารมณ์มาทำอะไรอย่างอื่นทั้งนั้น เขาแทบจะนับเวลาสามวันนี้ทุกลมหายใจ

ต่งเส่าชิงดีใจเมื่อได้ยินเสียงของอี้อวิ๋น เขารีบผลักประตูและทำความเคารพให้อี้อวิ๋นทันที

“คุณชายอี้โปรดช่วยลูกสาวข้าด้วยเถิด!”

ต่งเส่าชิงได้แต่ต้องพึ่งพาอี้อวิ๋นแล้ว

เขารู้ว่าขอเพียงอี้อวิ๋นไม่ได้จงใจหลอมโอสถปลอม เช่นนั้นอี้อวิ๋นก็ไม่ติดค้างอะไรเขาทั้งนั้น เขาไม่มีสิทธิเรียกร้องให้อี้อวิ๋นช่วยลูกสาว ได้แต่วิงวอนอีกฝ่าย

“ลูกสาวเจ้าอยู่ที่ไหน?” อี้อวิ๋นเดินลงบันได ต่งเส่าชิงรีบนำที่พำนักติดตัวออกมา…ความจริงสิ่งนี้ไม่อาจเรียกว่าที่พำนัก มันมีขนาดเพียงหนึ่งจั้ง มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของคุณภาพต่ำ เกรงว่าแม้แต่ที่พำนักที่ต่งเส่าชิงเคยมีก็ถูกจำนำเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิน

ที่พำนักขนาดเล็กนี้เปิดออก อี้อวิ๋นเห็นต่งเสี่ยวหวั่นที่นอนอยู่ภายใน

ต่งเสี่ยวหวั่นรูปร่างไม่สูง นางเป็นเด็กสาวรูปร่างเล็กและหน้าตางดงาม แม้จะหน้าซีดขาวเพราะกินโอสถชำระร้างแต่ก็กลับช่วยเพิ่มความงดงามแบบอ่อนแอให้นาง

อี้อวิ๋นไตร่ตรองชั่วครู่เมื่อเห็นสภาพของต่งเสี่ยวหวั่น สภาพนางดูไม่เหมือนผลข้างเคียงจากโอสถชำระร่างแม้แต่น้อย

“เหมือนว่านาง…จะถูกพิษ”

อี้อวิ๋นคาดเดา ในคัมภีร์ของเทพโอสถมีบันทึกเกี่ยวกับการรักษาคนอยู่เช่นกัน แม้อี้อวิ๋นจะเคยอ่านเนื้อหาส่วนนี้ผ่านๆ ตาแต่ก็ไม่เคยลองทำดูจริงๆ ไม่อาจเปลี่ยนเนื้อหาทางภาคทฤษฎีมาเป็นทักษะของตัวเอง

ด้วยเหตุนี้อี้อวิ๋นจึงยากจะช่วยให้ต่งเสี่ยวหวั่นหายดี ได้แต่คาดเดาสาเหตุที่ทำให้นางเป็นเช่นนี้

“ถูกพิษหรือ?” ต่งเส่าชิงตะลึงงัน หมอที่เคยมาดูอาการให้ต่งเสี่ยวหวั่นก่อนหน้านี้ก็เคยพูดถึงความเป็นไปได้นี้ ทว่ามันก็เป็นแค่หนึ่งในความเป็นไปได้จำนวนมาก

“เหตุใดเจ้าสำนักต่งจึงให้ต่งเสี่ยวหวั่นใช้โอสถชำระร่าง คงไม่ใช่แค่เพื่อพัฒนาพรสวรรค์นางใช่ไหม”

อี้อวิ๋นแน่ใจว่าโอสถชำระร่างของเขาไม่มีพิษปนเปื้อนแน่นอน เช่นนั้นความเป็นไปได้อย่างเดียวคือต่งเสี่ยวหวั่นถูกพิษตั้งแต่ก่อนกินโอสถชำระร่าง

“ไม่ได้ให้กินเพราะสาเหตุนี้เป็นหลักขอรับ” ต่งเส่าชิงรีบอธิบายต้นสายปลายเหตุทั้งหมด

“โอ้? หลักจากที่นางกลับจากแดนลับแห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะฝึกฝนอย่างไรระดับยุทธ์ก็ไม่พัฒนางั้นหรือ? โอสถชำระร่างเป็นเทียบโอสถที่หมอคนหนึ่งสั่งให้?”

อี้อวิ๋นนึกย้อนถึงบันทึกของเทพโอสถ หมอคนนั้นใช้โอสถชำระร่างมารักษาต่งเสี่ยวหวั่นก็ดูไม่มีอะไรผิดพลาด ในเมื่อโอสถชำระร่างใช้ชำระร่างกายได้ เช่นนั้นมันก็ย่อมขจัดสิ่งชั่วร้ายและพิษทั้งหมดในร่าง

แต่ชีวิตต่งเสี่ยวหวั่นกลับตกอยู่ในอันตรายหลังจากกินโอสถชำระร่างนี้!

อี้อวิ๋นครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าพิษในร่างลูกสาวเจ้าจะไม่ธรรมดา หลังจากที่กินโอสถชำระร่างแล้วก็ไม่เพียงไม่ถูกกำจัดแต่กลับถูกกระตุ้นขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ชีวิตนางจึงตกอยู่ในอันตราย”

หลังจากที่คิดไปคิดมาแล้วก็มีความเป็นไปได้นี้แค่อย่างเดียว

ต่งเส่าชิงตื่นตกใจเมื่อได้ฟัง ใจเขามีความสิ้นหวังแล่นผ่าน “แม้แต่โอสถชำระร่างก็ขจัดพิษไม่ได้ นี่ต้องเป็นพิษแบบใดกัน ข้าจะช่วยเสี่ยวหวั่นได้อย่างไร?”

ต่งเส่าชิงจนปัญญาแล้วจริงๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้สิ้นเนื้อประดาตัว ต่อให้อยู่ในช่วงที่เขาร่ำรวยกว่าปกติเป็นสิบเท่าก็คงทำอะไรไม่ได้เช่นกัน

อี้อวิ๋นพูดว่า “ข้าคงได้แต่ลองดู ข้าเองก็ไม่ถนัดเรื่องช่วยคน”

อี้อวิ๋นกดนิ้วลงมือข้อมืออ่อนแออันขาวซีดของต่งเสี่ยวหวั่นเพื่อจับชีพจร หากไม่เคยลองจับชีพจรจริงๆ และอาศัยแค่คำบรรยายในคัมภีร์เทพโอสถก็ยากที่จะแยกแยะผลลัพธ์อะไรออก

หลังจากที่อี้อวิ๋นลองจับดูสักพักก็รู้สึกแค่ว่าชีพจรต่งเสี่ยวหวั่นวุ่นวาย ยังคงหาสาเหตุไม่เจออยู่ดี

คิดไปคิดมาแล้วอี้อวิ๋นก็นึกอะไรขึ้นได้ เขาเปิดการมองเห็นพลังของผลึกม่วง

นับจากที่อี้อวิ๋นผสานกับต้นไม้เทพไม้ฟ้า การรับรู้ของเขาก็พัฒนาขึ้นมาก หลังจากที่มองผ่านศิลาแห่งความโกลาหลก็ใช้การมองเห็นพลังของผลึกม่วงน้อยลงมาก

เขาไม่ได้เปิดการมองเห็นพลังมานาน ตอนนี้มาเปิดอีกครั้ง ทุกอย่างรอบด้านที่ไม่มีร่างพลังก็พากันหายไปจากสายตาอี้อวิ๋น เสื้อผ้าและเนื้อหนังของต่งเสี่ยวหวั่นกลายเป็นเพียงลายเป็นอันเลือนราง

ส่วนเส้นลมปราณและจุดตันเถียนที่มีพลังไหลเวียนในร่างต่งเสี่ยวหวั่นกลับปรากฏชัดเจน จากนั้นอี้อวิ๋นก็เห็นภาพที่ทำให้เขาต้องเสียวสันหลังขึ้นมา

เขาเห็นใบหน้าที่ทั้งชั่วร้ายทั้งแก่ชราใบหนึ่งอยู่ในร่างต่งเสี่ยวหวั่น ใบหน้านี้กำลังแสยะยิ้มให้อี้อวิ๋นประหนึ่งเยาะเย้ยเขา

นี่มันตัวอะไรกัน!?

 ………………………………………