พูดอีกรอบได้ไหม
อีกด้านหนึ่งจางเฉิงห่าวก็ส่งอีโมติค่อนร่าเริงมาให้เป็นชุด แต่โจวม่อไม่มีอารมณ์จะไปสนใจ สำหรับเขาแล้วตารางการแข่งขันแบบนี้ไม่ได้เป็นข่าวดีเลยแม้แต่นิดเดียว สถิติของทีมหวงเฉาของจางเฉิงห่าวในสองเทอมที่ผ่านมาต่างก็ขึ้นไปถึงระดับแปดทีมสุดท้าย เป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆ สมาชิกของทีมทั้งห้าคนรวมตัวกันตั้งแต่ตอนที่พวกเขาทุกคนเป็นนักศึกษาใหม่ ไลน์อัพไม่เคยเปลี่ยน รู้ใจกันมาก เทียบกับทีมของผู้เล่น conqueror ห้าคนที่รวมตัวกันอย่างมั่ว ๆ แล้วดีกว่ามาก ๆ
โจวม่อกับเกาเกอเข้าร่วมลีกภายในมหาวิทยาลัยด้วยกันมาสี่ครั้งแล้ว จะเล่นได้ถึงระดับไหนในใจก็พอจะรู้อยู่ ไม่ต้องถึงมือทีมที่มีแผนการเล่นประจำแบบหวงเฉานี้ แค่เป็นผู้เล่นแรงค์ conqueror ห้าคนมารวมตัวกันก็ยากยิ่งที่คลื่น7 จะเอาชนะได้แล้ว เพื่อนร่วมทีมที่พวกเขาหามาได้ก็เป็นแค่คนที่หามาเติมให้เต็ม ๆ ทีม แล้วส่วนมากก็ยังมาเอาตำแหน่งที่โจวม่อกับเกาเกอชำนาญไปอีกด้วย
ในที่สุดเทอมนี้คลื่น7 ก็ได้มีเหออวี้เพิ่มขึ้นมาอีกคน ถึงจะเป็นผู้เล่นใหม่แต่ก็แตกต่างจากผู้เล่นใหม่โดยทั่วๆ ไป เหออวี้มีภาคทฤษฎีที่แข็งแกร่ง เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่ได้จงใจเพิ่มความยากให้กับตัวเองแล้วก็มีความแข็งแกร่งที่เชื่อถือได้อย่างมาก โจวม่อที่คิดอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันไปด้วยแล้วก็พัฒนาฝีมือไปด้วยและในเวลาเดียวกันก็หาเพื่อนร่วมทีมที่ร่วมมือกันได้ต่อไปมีความคาดหวังเต็มหัวใจ ในตลอดสองปีสี่เทอมที่เข้าร่วมลีกภายในมหาวิทยาลัยนี้มาเขาไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้เลย การแข่งขันสี่ครั้งที่ผ่านมาพวกเพื่อนร่วมทีมอีกสามคนที่มาเติมทีมต่างก็มีสภาวะจิตใจแบบ “เล่นขำ ๆ” โจวม่อก็ได้แต่รอวันที่ “ต้องจอด” เท่านั้น ว่ากันตามตรงแล้วเขาก็โมโหเหมือนกัน
มาครั้งนี้ในที่สุดเรื่องราวก็ดีขึ้นแล้ว ในที่สุดก็มีสิ่งที่สมควรให้ตั้งตาคอย แต่ในรอบแรกดันมาเจอเข้ากับหวงเฉาเสียได้ นั่นเป็นศัตรูที่โจวม่อคาดหวังที่จะเอาชนะในอนาคต มาเจอกันตอนนี้มันเร็วเกินไปจริง ๆ
ระบบการแข่งขันของลีกภายในมหาวิทยาลัยเรียบง่ายแต่ก็โหดร้ายสุด ๆ ถ้าแพ้แม้แต่ครั้งเดียวก็คือจบ ตั้งแต่นั้นการแข่งขันลีกภายในมหาวิทยาลัยตลอดเทอมที่เหลืออยู่ก็จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาอีกต่อไป — ถึงแม้ว่าระบบการแข่งขันจะไม่ได้มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่เข้มงวดมากมาย แต่ก็ไม่มีทางปล่อยในคนที่แข่งแพ้แล้วก็เปลี่ยนทีมไปเล่นอีก แพ้อีก เปลี่ยนทีมอีก เล่นอีก ไปเรื่อย ๆ ได้!
เมื่อเข้าไปดูตารางการแข่งขันด้วยตัวเองแล้วเห็นว่าทีมคลื่น7 กับทีมหวงเฉาจะมาพบกันในรอบแรกจริง ๆ ความหวังใยสุดท้ายในใจของโจวม่อก็แตกสลาย เขาเคยหวังว่านี่เป็นเรื่องหลอกอำของเจ้าจางเฉิงห่าวที่มาแกล้งเขา!
ยังไม่ได้ดูข้อมูลที่เหลืออยู่โจวม่อก็ฟุบลงไปบนโต๊ะแล้ว รอบตัวเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หลังจากนั้นสักพักก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่ ส่งแคปจอของทีมคลื่น7 กับทีมหวงเฉาไปที่กลุ่มคลื่น7 จากนั้นก็วางโทรศัพท์มือถือลงฟุบโต๊ะต่อ
ควมหดหู่ดำเนินต่อไปจนจบคาบเรียนตอนบ่าย ต่อไปเป็นการไปพบปะฝึกซ้อมร่วมกับเหออวี้และเกาเกอ ในที่สุดโจวม่อก็ยืดตัวตรงทำหน้าทำตาตัวเองให้ดูร่าเริงขึ้นมา
ถึงแม้ว่าในใจจะเย็นเฉียบ แต่โจวม่อก็คิดว่าความรู้สึกด้านลบพวกนี้ไม่สามารถเอาไปแสดงต่อเพื่อนร่วมทีมได้ คู่ต่อสู้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนทำให้เขารู้สึกว่าไร้ความหวังโดยสิ้นเชิง แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมแพ้
พอกริ่งดังขึ้นปุ๊บโจวม่อก็รีบลุกขึ้นยืนทันที ทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังเดินออกจากห้อง
ห้องทำงานของสหภาพนักศึกษาย่อมไม่สามารถจะปล่อยให้พวกเขายืมใช้ได้ทุก ๆ วัน เห็นได้ชัดว่าห้องสมุดหรือห้องเรียนนอกเวลาพวกนั้นก็ไม่เหมาะสมที่พวกเขาจะไปรวมตัวกันนั่งเล่นเกม แน่นอนว่าในฐานะที่เป็นเกมมือถือขอเพียงมีสัญญาณโทรศัพท์จะไปเล่นที่ไหนก็ได้ทุกที่ทุกเวลา แต่จะมายืนอยู่ริมถนนฝึกซ้อมกันก็ดูจะไม่จริงจังไปหน่อย สุดท้ายแล้วร้านกาแฟบลูเมาท์เทนที่อยู่นอกประตูทิศเหนือของมหาวิทยาลัยก็เลยกลายเป็นสถานที่ฝึกซ้อมที่พวกเขามักจะไปกัน บรรยากาศและกาแฟของร้านนี้ธรรมดามาก แต่ราคาไม่แพง และที่สำคัญที่สุดคือสัญญาณไวไฟดีเป็นพิเศษ
ทุก ๆ วันอังคารคลื่น7 จะมาฝึกซ้อมกันที่นี่ ในวันนี้คาบเรียนของโจวม่อเลิกช้าที่สุดก็เลยมาถึงช้ากว่าทุกคน เพิ่งจะออกมาจากประตูด้านทิศเหนือก็เห็นว่าในหน้าต่างร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามของถนนเหออวี้กับเกาเกอได้มานั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งประจำของพวกเขานั่งเผชิญหน้ากันอยู่แล้ว พวกเขาคนหนึ่งกอดอกคนหนึ่งเท้าคาง ไม่ว่าใครก็ไม่มองหน้ากันดูเหมือนกับกำลังทำสงครามเย็นกันอยู่ ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนกับเป็นคู่รักที่โมโหกันอยู่จริง ๆ
โจวม่ออยากจะรู้จริง ๆ ว่าทั้งสองคนรู้สึกอย่างไรหลังจากที่รู้ตารางการแข่งขัน ผลก็คือเมื่อเปิดโทรศัพท์มือถือไปที่กลุ่มแชตกลับพบว่าโทรศัพท์มือถือแบตหมด ตอนนี้ทั้งสองคนต่างมีสีหน้าไร้อารมณ์ ก็ได้แต่เตือนตัวเองให้ร่าเริงเข้าไว้ จากนั้นเดินไปที่ร้านกาแฟ
ยิ้ม!
โจวม่อยิ้มแย้มเดินเข้าไปหา เกาเกอที่หันหน้าไปทางประตูเห็นเขาก่อน ผงกศีรษะทีหนึ่งถือเป็นการทักทาย เหออวี้ที่ด้านตรงข้ามถึงรู้ตัว หันศีรษะไปมองแล้วก็ยกมือขึ้นทักทาย
“โทษที ลาเต้แก้วหนึ่ง ขอยืมสายชาร์จมือถือด้วยนะครับ” โจวม่อพูดกับพนักงานที่เดินตามเขามา สีหน้าท่าทีดูผ่อนคลายมาก
เกาเกอมองเขา เมื่อเขานั่งลงพร้อมรอยยิ้มก็เปิดปากเอ่ยถามว่า “กลัวมากเหรอ”
“กลัว? กลัวอะไร” ทักษะเล่นละครของโจวม่อห่วยจริงจัง โดนเกาเกอจับได้แหย่ขึ้นมาทันที รีบทำท่างง ๆ ปิดบังเอาไว้
“รอบแรกเจอหวงเฉา นายไม่กลัวเหรอ” เกาเกอพูด
“กลัวแล้วมีประโยชน์อะไร” โจวม่อพูดโดยไม่ต้องคิด
“รู้ก็ดี” เกาเกอพูด
โจวม่อมองทั้งสองคนซึ่งยังคงมีสีหน้าเฉยชา หลังจากวันนั้นแล้วสองคนนี้ตอนซ้อมก็ล้วนมีท่าทางแบบนี้แทบจะตลอดเวลา วันนี้ดูไปแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรแตกต่าง ทำให้เขาเดาใจทั้งสองคนไม่ออก เมื่อได้รับสายชาร์จโทรศัพท์มาแล้วโจวม่อก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกล่าวว่า “มือถือแบตหมด ฉันชาร์จก่อนนะ”
เขารีบเสียบสายชาร์จแล้วเปิดโทรศัพท์มือถือทันที จากนั้นก็เข้าไปที่กลุ่มวีแชต เขาอยากจะดูประวัติการแชตของทั้งสองคนว่าปฏิกิริยาอย่างไรกับเรื่องของหวงเฉา
เปิดกลุ่มแชตแล้วสิ่งแรกที่เห็นก็คือภาพแคปจอของตารางการแข่งขันที่ตัวเองส่งเข้าไป ต่อจากนั้นมีข้อความอีกเพียงสองข้อความ อันหนึ่งของเกาเกอ อันหนึ่งของเหออวี้
เกาเกอว่า : อืม
เหออวี่ว่า : ทราบแล้ว
“หมดแล้วเหรอ” โจวม่อร้องตะโกน
ทั้งสองคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียว
“อะไรหมด” เกาเกอถาม
“เงินในมือถือ เงินในมือถือหมดแล้ว…” โจวม่อปกปิด
“วันนี้สัญญาณเน็ตที่นี่เจ๊ง ไม่มีไวไฟ พวกเราต้องใช้ 4G” เหออวี้บอกกับโจวม่อ
“อืมอืม โอเค!” โจวม่อพูดอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็เห็นเหออวี้จ้องมองโทรศัพท์มือถือของเขา
“ทำไมเหรอ” โจวม่อไม่เข้าใจ
“แต่พี่ไม่มีเงินในมือถือ…” เหออวี้พูด
“อ้อ เดี๋ยวเติมเลย” โจวม่อรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแกล้งทำเป็นจิ้มโทรศัพท์มือถือ ที่สำคัญก็คือห้ามไม่ให้เหออวี้เห็นหน้าจอมือถือเด็ดขาด ไม่งั้นก็โป๊ะแตกกันพอดี
เกาเกอที่นั่งด้านตรงข้ามเพ่งมองเขาแต่ไม่ได้พูดอะไร
“พวกนายมานานแค่ไหนแล้ว” โจวม่อถาม
“สักพักแล้วครับ” เหออวี้พูด
โจวม่อมองทั้งสองคนด้วยความเห็นใจ เมื่อไม่มีเขาอยู่บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนคงจะคุกรุ่นจนแทบระเบิดแล้วล่ะมั้ง ใครจะรู้ว่าเกาเกอกลับพูดต่อมาว่า “เรื่องทีมหวงเฉาฉันแนะนำไปเรียบร้อยแล้ว”
“ผมคิดว่ากัปตันทีมของพวกเขาที่ชื่อว่าจางเฉิงห่าวนั่นน่ะจะเป็นจุดอ่อนที่พวกเราใช้โจมตีได้” จากนั้นเหออวี้ก็พูดต่อ
“ปล่อยลูน่าให้เขา เขาจะต้องเอาไปแน่ ๆ” เกาเกอพูด
“จากนั้นเราก็มาวางแผนแอนตี้บลู*กัน” เหออวี้พูด
“ไม่แค่ไม่ให้เขาได้บัฟฟ้าไปเท่านั้น แต่ต้องพยายามตอนช่วงแรกที่ลูน่าอ่อนแอกดเอาไว้ให้เลี้ยงไม่โตไปเลย” เกาเกอพูด
“ดังนั้นเราจะต้องเลือกฮีโร่ที่ช่วงเริ่มเกมเก่งหน่อย” เหออวี้พูด
“ฉันเป็นซัพพอร์ตจะใช้ซูลี่ หรือไม่ก็เป็นตงหวง” เกาเกอพูด
“ใช้ตงหวงถือว่าแผนของพวกเราไม่ได้สมบูรณ์ที่สุด แต่อย่างน้อยก็ยังจำกัดลูน่าได้อยู่บ้าง” เหออวี้พูด
“เรื่องออฟเลน นายเล่นหยางเจี่ยนไปถึงไหนแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็เลือกมากันหยางเจี่ยนของโจวมู่ถงเอาไว้ก่อน” เกาเกอพูด
“แต่ว่าเรื่องการเปิดเกมผมมีข้อเสนออย่างหนึ่ง ขอเสนอว่าตอนแรกให้แกล้งเปลี่ยนเลนกันก่อน ผมไปกันที่เลนบน พี่ก็ลงไปเลนล่างเวดป่าฟ้า พี่คิดว่าไง” เหออวี้พูดต่ออีกครั้ง
จากนั้นทั้งสองคนก็หันไปมองโจวม่อรอฟังคำตอบของเขา
“ฉันเพิ่งเดินเข้ามา กาแฟก็ยังไม่ได้ดื่ม ยังไง…พวกนายพูดอีกรอบได้ไหม” โจวม่อบอกอย่างปากอ้าตาค้าง
……………………………………………………
*แอนตี้บลู บลูก็คือบัฟฟ้า แอนตี้บลูก็คือการเล่นที่ตั้งใจจำกัดไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้บัฟฟ้าไปเลย ในภาษาจีนบัฟฟ้าเขาจะใช้คำว่า 蓝 ที่แปลว่าสีฟ้า เฉย ๆ เหมือนกับที่ฝรั่งใช้ blue เฉย ๆ เหมือนกัน แต่ว่าเราแปลเป็นบัฟฟ้ามาโดยตลอด ความจริงเกมเมอร์ไทยบางส่วนก็เรียกมันว่าบลูเหมือนกันนะคะ แต่ส่วนมากจะใช้บัฟฟ้ากัน แต่แอนตี้บลูเป็นเหมือนคำเฉพาะเลยใช้ทับศัพท์อังกฤษดีกว่าค่ะ