ตอนที่ 820 สังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้า
เซี่ยอวี้ถังกำฝ่ามือสองข้างแน่นเงียบๆ ในใจเต็มไปด้วยความอับอายและเคียดแค้นที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูด
เด็กหนุ่มที่เขาไม่เคยเห็นในสายตา ตอนนี้กลับกลายเป็นเทพมารหลินที่ทำให้ทุกคนตะลึงและฮือฮา นี่ทำให้เขาไม่สามารถรับได้!
ยามนี้แม้แต่จั๋วขวงหลันเองก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มพูดว่า “เช่นนี้ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนความรู้กับเด็กนั่นเช่นกัน ดูความสามารถของเขาสักหน่อยแล้ว หวังว่า… เขาจะมีโอกาสไปร่วมในเทศกาลโคมกถามรรค”
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินมองหน้ากัน
เด็กหนุ่มที่มาจากโลกชั้นล่างกลับสร้างความฮือฮาขนาดนี้ ไม่เพียงดึงดูดความสนใจจากลู่จิ่วเกอองค์ชายห้าแห่งเผ่าอีกาเพลิง แม้แต่จั๋วขวงหลันหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงทั้งห้าของสำนักกระบี่โผผินของพวกเขา ก็เหมือนจะเริ่มให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้ นี่ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกคาดไม่ถึงอย่างอดไม่อยู่
‘หากเจ้ากล้าปรากฏตัวในเทศกาลโคมกถามรรค ข้าจะโจมตีเจ้าให้พ่ายแพ้ด้วยมือของข้าเอง!’ ในใจเซี่ยอวี้ถังเกิดความชิงชัง กัดฟันจนแทบจะแหลกละเอียดแล้ว
……
“พี่ๆ เกิดอะไรขึ้นในหอสุรา”
นอกบุปผาเมามาย ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนหนึ่งเหมือนแมวที่ได้กลิ่นคาว เริ่มสืบข่าวสารขึ้นมา
เมื่อได้รู้ทุกสิ่งที่อยากรู้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนั้นก็ตื่นเต้นจนตาเป็นประกาย อ้าปากหัวเราะลั่น
ข่าวใหญ่!
เป็นข่าวใหญ่แน่นอน!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนี้ราวกับสามารถจินตนาการได้ว่า เมื่อตนเผยแพร่ข่าวนี้ออกไปจะต้องสร้างความฮือฮาไปทั่ว เป็นที่ติดตามของทุกคนอย่างแน่นอน
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาดทันควัน หมุนตัวแล้วเดินออกไป หมายจะไปแพร่ข่าวนี้ที่ต้นข่าวสารทันที
เพียงแต่ตอนที่เขาเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกขวางเอาไว้ “เจ้าจะไปแพร่ข่าวหรือ”
“รู้แล้วยังจะถาม รีบหลีกไป อย่าทำให้เสียเวลา”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยคนนี้หงุดหงิดมาก เพียงแต่เมื่อสายตาของเขาเห็นหน้าคนที่เข้ามาขวางชัดแล้ว พลันกระโดดตัวลอย ร้องเสียงหลง “หลิน…หลิน…ฮูว…”
ไม่รอให้พูดออกมาก็ถูกหลินสวินจับจ้อง จึงหุบปากไปทันที
“เจ้าชื่ออะไร” หลินสวินถาม
“ไป๋เสี่ยวซิง”
“ชื่อเพราะ”
“แฮะๆ คือ คุณ… คุณชายหลิน ท่านมีธุระอะไรกับข้า” ไป๋เสี่ยวซิงถาม
“ช่วยอะไรข้าหน่อย แพร่ข่าวออกไปว่า ข้าหลินสวินไม่ได้ตั้งใจเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่า แต่ถ้าพวกเขายังไม่คิดจะวางมือ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”
“คุณชายหลิน ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าท่านจะไม่เกรงใจอย่างไร” ไป๋เสี่ยวซิงยากจะทนความอยากรู้อยากเห็นในใจ สงสัยอย่างที่สุด
หลินสวินยิ้มเยาะ พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “บางทีวันหนึ่ง อาจจะสังหารหมู่สุนัขมายาทมิฬทั่วหล้ากระมั้ง”
ไป๋เสี่ยวซิงอึ้งจนอ้าปากค้างทันที นี่แค่ไม่เกรงใจซะที่ไหน ต้องการกวาดล้างเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่าชัดๆ!
เขาอดถามไม่ได้ “คุณชายท่าน… ล้อเล่นหรือเปล่า”
“เจ้าถือซะว่าข้าล้อเล่นก็แล้วกัน” หลินสวินยิ้มพูดแล้วจากไป
เพียงแต่หลินสวินคิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพิ่งไปจากเมืองก่วมหิมะไม่นาน ไป๋เสี่ยวซิงก็ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่!
……
“เทพมารหลินปรากฏตัวในเมืองก่วมหิมะ สังหารกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างเดือดดาล!”
“พร้อมกันนั้นเทพมารหลินกล่าวว่า ไม่ได้จงใจเป็นศัตรูกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ แต่ถ้าเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬยังไม่คิดจะวางมือ สักวันหนึ่งเขาจะสังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้า!”
วันนี้ตอนที่ข่าวนี้เผยแพร่ออกไป เมืองก่วมหิมะทั้งเมืองตกอยู่ท่ามกลางความฮือฮา ทุกคนต่างวิพากษ์วิจารณ์
“เทพมารหลินเก่งกาจจริงๆ ดุร้ายและเผด็จการเกินไปแล้ว ทอดสายตามองไปใต้หล้า ใครบ้างที่ไม่เกรงกลัวการข่มขู่ของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่างเขา”
ผู้ฝึกปราณหลายคนอุทานด้วยความตกใจ คิดว่าหลินสวินห้าวหาญอย่างที่สุด อานุภาพตะลึงโลก
“กี่ปีแล้ว ยังไม่เคยเห็นคนรุ่นเยาว์คนใดกล้าประกาศศึกกับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเหมือนอย่างเทพมารหลิน คนรุ่นหลังเหนือล้ำกว่ารุ่นก่อนจริงๆ!”
ผู้ฝึกปราณรุ่นอาวุโสหลายคนอดถอนหายใจไม่ได้
“หึ เด็กคนนี้เพิ่งผงาดขึ้นมาได้ไม่กี่วันก็คิดว่าไร้คู่ต่อสู้แล้วจริงๆ หรือ แข็งเกินไปก็หักง่าย เขาหลงระเริงปานนี้ ก็เหมือนกับดาวตกบนท้องฟ้า ถูกกำหนดให้กะพริบหายไปอย่างรวดเร็วและร่วงหล่นลง ไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้!”
และมีผู้ฝึกปราณหลายคนไม่เห็นด้วย คิดว่าการกระทำเช่นนี้ของหลินสวินโง่เขลาเกินไป คิดจะเผชิญหน้ากับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬทั้งเผ่าโดยลำพัง เอาไข่ไปกระทบหินชัดๆ ไม่ต่างอะไรกับมดคิดเขย่าต้นไม้ใหญ่ เกรงว่าอีกไม่นานก็คงจะประสบเคราะห์
ไม่ว่าอย่างไรข่าวที่เกี่ยวกับหลินสวินนี้ก็นำพาคลื่นลูกใหญ่เข้ามา ทำให้ฮือฮากันทั้งเมือง และแพร่สะพัดออกไปทั่วทั้งแคว้นล้ำเมฆาอย่างรวดเร็ว
ส่วนผู้ฝึกปราณเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬหลายคนที่รู้ข่าวนี้ต่างโกรธจนแทบระเบิด สังหารสุนัขมายาทมิฬทั่วหล้างั้นหรือ
เด็กนี่ต้องตาย!
อีกอย่างพวกเขาก็ไม่พอใจเผ่าวาทวาโย นี่มันข่าวบ้าอะไร แฝงความเย้ยหยันอย่างแรงกล้า คำพูดแบบนี้ใช่สิ่งที่เผ่าวาทวาโยสามารถพูดได้หรือ
ผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยที่ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีรีบประกาศข่าว “สหายเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬอย่าได้เข้าใจผิด นี่เป็นคำพูดของเทพมารหลิน ไม่ได้หมายความถึงท่าทีของเผ่าวาทวาโยของพวกเรา!”
แต่ไม่ว่าอย่างไรคลื่นที่เกิดจากข่าวนี้ก็ใหญ่เกินไป ถึงขั้นที่ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่มากมาย ต่างเริ่มสืบเสาะและทำความเข้าใจเกี่ยวกับฐานะและภูมิหลังของหลินสวิน
ในชั่วขณะด้วยเหตุจากเรื่องทำหมดนี้ ทำให้หลินสวินได้อยู่ในสายตาของขุมอำนาจใหญ่มากมายอย่างเป็นทางการดุจดาวหาง
ทว่าถึงอย่างไรแดนฐิติประจิมก็ใหญ่เกินไป มีอาณาเขตหลายพันแคว้น เรื่องราวทั้งหมดที่หลินสวินสร้างขึ้นแม้จะฮือฮา แต่ก็จำกัดแค่ในพื้นที่แถบเดียวเท่านั้น ชื่อเสียงยังไม่ถึงขั้นสะเทือนไปทั้งแดนฐิติประจิม
แต่ไม่เกินคาดเดา ท่ามกลางเวลาที่ล่วงเลยไป ในแดนฐิติประจิมจะต้องมีผู้ฝึกปราณและขุมอำนาจที่รู้ถึงการมีตัวตนของหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ!
นี่ก็คือชื่อเสียง
ในบรรดาคนรุ่นเยาว์มีคนชื่อเสียงโด่งดังด้วยพรสวรรค์อันกร้าวแกร่ง มีคนกลายเป็นที่รู้จักเพราะตำแหน่งฐานะ
และมีคนที่ผ่านการเข่นฆ่านองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน สังหารจนได้ชื่อเสียงมาเหมือนเช่นหลินสวิน
สำหรับหลินสวิน เขาเพิ่งมาถึงแดนฐิติประจิมไม่ถึงครึ่งปี ในบรรดาคนรุ่นเยาว์นับได้ว่าเป็นผู้โดดเด่นที่เพิ่งผงาดขึ้นเท่านั้น แม้อิทธิพลกำลังอยู่ในขั้นบ่มเพาะและแพร่กระจาย แต่เมื่อเทียบกับผู้กล้าแห่งยุคที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งแดนฐิติประจิมแล้ว ก็ยังด้อยกว่าระดับใหญ่
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ความแตกต่างด้านชื่อเสียงและอิทธิพลเท่านั้น ไม่ใช่การเทียบพลังต่อสู้ที่แท้จริง
……
กลางลำต้นของต้นข่าวสาร มีใบน้ำแข็งที่ส่องแสงระยิบระยับขนาดเท่าใบพัดสามใบแขวนอยู่ กำลังแสดงภาพที่แตกต่างกัน
บนใบไม้ใบแรก หลินสวินที่ดุจดั่งเทพมารกำลังต่อสู้กับหญิงสาวหน้ากากเงินผู้ลึกลับอยู่บนฟ้า โดดเด่นเป็นประกาย
บนใบไม้ใบที่สอง เป็นประกาศนำจับของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ เต็มไปด้วยไอเข่นฆ่าและกระหายเลือด น่ากลัวอย่างมาก
บนใบไม้ใบที่สามคือบันทึกเกี่ยวกับข่าวที่หลินสวินสังหารกลุ่มผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬที่หอสุราบุปผาเมามาย ภายในยังมีเสียงของหลินสวินที่ฝากถึงเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่โผผินและพวกของลู่จิ่วเกอองค์ชายเผ่าอีกาเพลิงยืนอยู่ ณ ที่แห่งนี้ จ้องมองข่าวต่างๆ ที่ปรากฏบนใบไม้ทั้งสามใบแล้ว ต่างตกอยู่ในภวังค์อันยาวนาน
ทันใดนั้นบนร่างลู่จิ่วเกอปรากฏกลิ่นอายอันไร้รูป ทำให้ชุดสีแดงราวกับเปลวเพลิงของเขาโบกสะบัด ความเฉียบคมปรากฏวาบในดวงตาเขา ปลดปล่อยอานุภาพอันน่าหวาดหวั่น
นี่ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นตะลึง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ต่างถอยหนีออกไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน บนร่างของจั๋วขวงหลันที่ยืนอยู่เงียบๆ ก็แผ่เจตกระบี่อันรุนแรง ตรงดิ่งทะลวงฟ้า!
ผมดำของเขาพลิ้วไหว ร่างกายที่ยืดตรงราวกับกระบี่น่าสะพรึงอย่างที่สุด อานุภาพนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นใจสั่นไหว สูดหายใจด้วยความตกใจ
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นลู่จิ่วเกอหรือจั๋วขวงหลันกลับราวกับไม่รู้ตัว สายตาของพวกเขาจดจ้องภาพการต่อสู้บนใบไม้ใบที่หนึ่งไม่กะพริบ
“แม้แต่พวกเขาก็ถูกกระตุ้นจิตต่อสู้ในใจ…”
หลายคนที่สายตาเฉียบคมต่างดูออกทันที ว่าพลังขับเคลื่อนรอบตัวของลู่จิ่วเกอและจั๋วขวงหลันล้วนได้รับอิทธิพลจากภาพการต่อสู้
นี่ก็คือการตอบสนองพลังระหว่างผู้กล้าแห่งยุค ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง มีเพียงไปถึงระดับอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะสามารถสัมผัสได้
เซี่ยอวี้ถังเองเมื่อเห็นภาพนี้แล้วจิตใจพลิกตลบไม่หยุด ในใจยิ่งรู้สึกเดือดดาล เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหลินสวินเติบโตขึ้นขนาดนี้ได้อย่างไร!
ความโดดเด่นไร้เทียมทานเช่นนั้น ทำให้เขาเองยังหัวใจสั่นไหว
จนกระทั่งเห็นคลื่นพลังขับเคลื่อนที่ถูกกระตุ้นโดยไม่ได้ตั้งใจของจั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอ ทำให้เซี่ยอวี้ถังยิ่งมีความรู้สึกเหมือนฝัน
นี่หมายความว่าหลินสวินนั่นมีพลังแฝงและรากฐานพลังที่สามารถต่อสู้กับศิษย์พี่จั๋วและลู่จิ่วเกอได้แล้วใช่หรือไม่
ไม่!
เป็นไปไม่ได้!
ไม่เจอกันเพียงไม่กี่ปี เขาผงาดขึ้นเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
เซี่ยอวี้ถังรับไม่ได้ ตอนนี้เขาร้อนใจอยากเจอหลินสวิน อยากต่อสู้กับหลินสวินซึ่งๆ หน้าสักรอบ
มีเพียงการสยบหลินสวินเท่านั้น จึงจะคลี่คลาย ‘ปม’ ในใจเขาได้!
บางทีนี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นมารในใจ หากไม่กำจัดซะ จะต้องกลายเป็นบ่วงขัดขวางการฝึกปราณอย่างแน่นอน
เซี่ยอวี้ถังฉลาดมาก พรสวรรค์โดดเด่น มิฉะนั้นคงไม่มีความสำเร็จในวันนี้ เขาแทบจะตัดสินได้ในทันทีว่า หลินสวินได้กลายเป็นปมในใจของตนไปแล้ว หากไม่สยบอีกฝ่าย จิตใจของเขาก็จะปรากฏเงามืดหนึ่งเอาไว้!
สำหรับผู้ฝึกปราณ เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นย่อมเป็นภัย จะส่งผลต่อการฝึกปราณอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่มรรคาหยุดชะงักแต่เพียงเท่านี้!
เพียงแต่เซี่ยอวี้ถังคิดให้หัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้ เด็กหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขา ตอนนี้กลับสามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจเขาได้แล้ว…
“หากว่าเด็กนี่สามารถรอดจากการตามฆ่าของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬ จะต้องกลายเป็นบุคคลชั้นยอดที่ไม่สามารถมองข้ามได้ในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแดนฐิติประจิมแน่”
ตอนนี้เองจู่ๆ ลู่จิ่วเกอก็วิจารณ์ออกมาเช่นนี้
“มหาสงครามจะมาเยือนแล้วจริงๆ หรือ เด็กหนุ่มที่เมื่อก่อนไร้ชื่อเสียง กลับสามารถผงาดขึ้นมาราวกับดาวหาง… แล้วปัจจุบัน คนที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากที่เงียบกริบไร้ชื่อเสียงจะมีอีกกี่คน”
จั๋วขวงหลันพึมพำ ในสายตาเต็มไปด้วยประกายอันน่าพรั่นพรึง
ราวกับมีจิตเชื่อมกัน จั๋วขวงหลันและลู่จิ่วเกอสบตากันครู่หนึ่ง ต่างดูความคิดในใจของอีกฝ่ายออก
เมื่อหลินสวินคนนี้ปรากฏตัว เท่ากับทำให้พวกเขาค้นพบคู่ต่อสู้ที่สูสีกันอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย!
แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกคือ เด็กหนุ่มคนนี้จะต้องสามารถรอดพ้นจากการต่อสู้กับเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬให้ได้ มิฉะนั้นทุกอย่างล้วนเสียเปล่า
และในช่วงพลบค่ำวันเดียวกัน ในเมืองก่วมหิมะเริ่มปรากฏขบวนวิญญาณมายาทมิฬขบวนแล้วขบวนเล่า ผู้แข็งแกร่งเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬมาพร้อมไอสังหารเดือดพล่าน ต่างมารวมตัวกัน ทำให้เมืองก่วมหิมะทั้งเมืองเต็มไปด้วยบรรยากาศกดดันเคร่งเครียดราวกับพายุกำลังจะกระหน่ำ
ทุกคนต่างตระหนักได้ว่า เพราะการกระทำของเทพมารหลิน ทำให้เผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬเดือดดาลอย่างสิ้นเชิงแล้ว!