บทที่ 1709 วูหยงปะทะเฉินอี้

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1709 วูหยงปะทะเฉินอี้

 

“บึ้ม!” เสียงระเบิดดังขึ้น

 

วูหยงนํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ทําลายแนวป้องกันที่ห้าของค่ายกลวิญญาณอมตะและมาถึงชั้นที่หก

 

พื้นที่ชั้นที่หกเป็นความมืดมิดอันไร้ขอบเขต

 

ผู้อมตะภาคใต้ราวกับมดตัวน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่ขนาดใหญ่

 

“นี่คือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ” ผู้อมตะตระกูลลั่วกล่าว

 

เขาสวมชุดพื้นเมืองของคนใต้ เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุดและเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของตระกูลลั่ว

 

ชื่อของเขาคือลั่วหรัน เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติและมีความสําเร็จที่ไม่น่าเชื่อ

 

“นี่คือค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติจริงๆ” จื่อชิวหยูพยักหน้าเห็นด้วย “ให้ข้าอนุมาน”

 

การโจมตีแบบสุ่มไม่ใช่เรื่องฉลาด วิธีที่ดีที่สุดคือปล่อยให้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกลอนุมานเพื่อหาจุดอ่อนของมัน

 

หลังจากอนุมาน จื่อชิวหยูกล่าว “ข้าไม่พบช่องโหว่ของค่ายกลนี้”

 

ลั่วหรันขมวดคิ้ว “แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งค่ายกล แต่ข้าพอมีความรู้เกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่บ้าง ค่ายกลวิญญญาณชนิดนี้มักมีความสามารถเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือการขยายพื้นที่ หลังจากเข้าสู่ค่ายกล ระยะทางหนึ่งก้าวจะยาวไกลราวกับหนึ่งร้อยก้าว”

 

จื่อชิวหยูหัวเราะ “สหายลั่วหรันฉลาดมาก นั่นถูกต้อง แต่ค่ายกลนี้ถูกดัดแปลง มีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายใน

 

บางคนถาม “สิ่งใด?”

 

จื่อชิวหยูสายศีรษะ “ข้ายังไม่แน่ใจ ข้าเพียงสัมผัสถึงมันเท่านั้น เราควรทดสอบ จากนั้นข้าจะสามารถอนุมานต่อ อย่ากังวล มันไม่มีพลังโจมตี มันทําได้เพียงถ่วงเวลาพวกเราเท่านั้น”

 

“ในช่วงเวลานี้หากวังสวรรค์โจมตี ตราบเท่าที่พวกเราสามารถป้องกันตนเอง การเปลี่ยนแปลงใดก็ตามที่เกิดขึ้นจะทําให้ข้าสามารถอนุมานบางสิ่ง”

 

กลุ่มผู้อมตะเลือกทําตามคําแนะนําของจื่อชิวหยู

 

กองกําลังพันธมิตรภาคใต้ปกป้องจื่อชิวหยูที่อยู่ตรงกลางและมีวูหยงเป็นแนวหน้า

 

“ดู ข้างหน้ามีบางสิ่ง!” ผู้อมตะเหยาเทียนซีกล่าว

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้เคลื่อนที่ช้าลง พวกเขาเริ่มมองเห็นหัวไชเท้าขนาดใหญ่เท่าบ้านลอยอยู่กลางอากาศ

 

“มันคือสิ่งใด?” เหยาเทียนซีถาม

 

ทุกคนขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป

 

วูหยงนิ่งเงียบ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับพืชอมตะแต่เขายังจําไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

 

“หากข้าจําไม่ผิด นี่ควรจะเป็นหัวไชเท้าน้ําแข็ง มันเป็นพืชอมตะที่สูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่อดีตกาล ผู้ใดจะคิดว่าวังสวรรค์จะเก็บมันไว้จนถึงตอนนี้” เฉียวจื่อไคกล่าว

 

เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลเฉียว แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่เขาบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งไม้

 

ดวงตาของวูหยงส่องประกายขึ้น “ถูกต้อง มันคือหัวไชเท้าน้ําแข็ง ทุกคนระวังให้ดี หากผู้ใดเข้าใกล้ มันจะระเบิดแสงอันเย็นเยียบออกมาและทําให้คนผู้นั้นแข็งตายทันที”

 

เฉียวจื่อไคอธิบายเสริม “อย่าประมาทแสงน้ําแข็ง มันเกิดจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของหัวไชเท้าน้ําแข็ง หลังจากมันยิงแสงน้ําแข็งออกมา หัวไชเท้าน้ําแข็งจะสูญเสียร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋และกลายเป็นทรัพยากรระดับมนุษย์ แสงน้ําแข็งของมันอาจมีพลังอํานาจระดับแปด”

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ระวังตัวมากขึ้น

 

ทันใดนั้นคลื่นกระแทกลึกลับพลันระเบิดออกมาจากความว่างเปล่า

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ปกป้องตนเองมานานแล้ว อย่างไรก็ตามคลื่นกระแทกไม่ได้โจมตีพวกเขา แต่เป้าหมายของมันคือหัวไชเท้าน้ําแข็ง

 

หัวไชเท้าน้ําแข็งหดตัวลงอย่างกะทันหันก่อนที่มันจะระเบิด

 

“บึม!”

 

แสงน้ําแข็งพุ่งออกไปทุกทิศทาง

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ใช้ท่าไม้ตายอมตะสายป้องกันที่ทรงพลังที่สุดของตนเอง แต่ผู้อมตะคนหนึ่งยังถูกเปลี่ยนเป็นประติมากรรมน้ําแข็งภายในเวลาเพียงครึ่งลมหายใจ

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้ตกตะลึง

 

เหตุการณ์นี้เกิดจากสิ่งลึกลับที่จื่อชิวหยูกล่าวถึงก่อนหน้านี้ มันทํางานร่วมกับหัวไชเท้าน้ําแข็งได้อย่างลงตัว

 

การแสดงออกของวูหยงกลายเป็นมืดครื้ม

 

เขาเป็นผู้นํากองกําลังพันธมิตรภาคใต้ แต่ตอนนี้พวกเขาสูญเสียสมาชิกคนแรกไปในที่สุด

 

วูหยงค่อนข้างกังวลและพยายามคิดหาวิธีรับมือกับสถานการณ์

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นกระแทกปะทุขึ้นอีกครั้ง

 

“อยู่ใกล้ๆข้า!” ในช่วงเวลาสําคัญผู้อมตะกั่วหรันตะโกนและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะ

 

แสงน้ําแข็งยิงออกมาจากหัวไชเท้าน้ําแข็ง

 

กลุ่มผู้อมตะภาคใต้รู้สึกถึงแรงกดันราวกับทุกคนถูกผนึกไว้ในโลงศพน้ําแข็ง

 

วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติระดับเจ็ด!

 

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดวงนี้ไม่สามารถทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์แต่มันไม่ได้ไร้ประโยชน์

 

วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติช่วยให้กองกําลังพันธมิตรภาคใต้สามารถหลบหนีจากความตาย ในช่วงเวลาสําคัญ

 

แสงน้ําแข็งกลายเป็นไร้ความหมาย

 

“สถานการณ์เร่งด่วน ข้าต้องใช้วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติอย่างกะทันหัน มันมีระยะการทํางานที่ไม่แน่ชัด ข้าต้องขออภัยทุกท่านด้วย” ลั่วหรันรีบขอโทษ

 

วูหยงหัวเราะ “ทําได้ดีมาก!”

 

“วิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติเป็นวิธีที่ดีในการตอบโต้ค่ายกลวิญญาณนี้” จื่อชิวหยูพยักหน้า ด้วยความยินดี

 

ลั่วหรันยิ้ม “ข้าได้รับวิญญาณอมตะดวงนี้มาจากร่องลึกใต้พิภพเมื่อเร็วๆนี้ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะมีประโยชน์ที่นี่”

 

ทุกสิ่งบนโลกใบนี้มีจุดอ่อนและจุดแข็ง ไม่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด

 

วังสวรรค์สร้างค่ายกลวิญญาณอมตะนี้ขึ้นมาด้วยวิญญาณอมตะระดับเจ็ดและวิญญาณระดับมนุษย์จํานวนมหาศาล แต่มันยังถูกตอบโต้ด้วยวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติเพียงดวงเดียว

 

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะทําลายห้วงมิติ กลุ่มผู้อมตะภาคใต้จึงสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ

 

เนื่องจากค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์ถูกกระตุ้นใช้งาน ดังนั้นการอนุมานของจื่อชิวหยูจึงรวดเร็วขึ้น

 

ครูต่อมาจื่อชิวหยูก็พบช่องโหว่

 

เขากล่าวกับวูหยง “ค่ายกลวิญญาณนี้ยากที่จะทําลายจากภายใน ท่านผู้นํา เหตุใดท่านไม่ใช้วายุไร้ขอบเขตที่อยู่ด้านนอกทําลายมัน วิธีนี้จะง่ายกว่า”

 

วูหยงทําตามคําแนะนําของจื่อชิวหยูและบังคับวายุไร้ขอบเขตทําลายค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

กองกําลังพันธมิตรภาคใต้กลับสู่โลกภายนอก ขวัญกําลังใจของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น

 

ผลลัพธ์นี้ทําให้ผู้ควบคุมค่ายกลวิญญาณอมตะของวังสวรรค์รู้สึกหนักใจ

 

หนึ่งในนั้นเป็นชายที่ดูเยาว์วัยในชุดคลุมเขียว เขาไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะระดับแปดที่ยิ่งใหญ่ อดีตผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของนิกายบัวสวรรค์ และผู้สืบทอดของเทพอมตะบัวสวรรค์รุ่นปัจจุบัน เฉินอี้

 

“ผู้ใดจะคิดว่าศัตรูจะดุร้ายเช่นนี้ เหลือแนวป้องกันเพียงสามชั้นเท่านั้น” เฉินอี้คิดก่อนกล่าวกับคนด้านข้าง “เหตุใดเราไม่ร่วมมือกันและต่อสู้กับพวกเขา ด้วยวิธีนี้พวกเราจะสามารถซื้อเวลาให้ค่ายกลวิญญาณอมตะ”

 

ผู้อมตะหญิงที่อยู่ด้านข้างเฉินอี้คือเพ่ยกังซุ้ย นางเป็นสมาชิกวงสวรรค์ นางเคยเข้าร่วมในการฟื้นฟูวิญญาณชะตากรรมครั้งก่อน เมื่อได้ยินคํากล่าวของเฉินอี้ นางตกลงโดยไม่ลังเล

 

ทั้งสองเดินออกจากค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

วูหยงกับคนอื่นๆกําลังทําลายแนวป้องกันที่เจ็ดของค่ายกลวิญญาณอมตะ

 

เฉินอี้ป้องหมัดขึ้น “สหายภาคใต้ ข้าคือเฉินอี้แห่งวังสวรรค์ มีผู้ใดต้องการต่อสู้กับข้าตัวต่อตัวหรือไม่?

 

รูม่านตาของวูหยงหดเล็กลง เขาโบกมือและนําบ้านไม้ไผ่สายลมออกมา

 

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับแปด ผู้อมตะระดับเจ็ดไม่สามารถเข้าแทรกแซง แต่หากพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเขาจะสามารถเข้าร่วมการต่อสู้

 

ผู้อาวุโสสูงสุดลําดับที่หนึ่งของตระกูลปา ปาซื่อปา หัวเราะเสียงดัง “ตาแก่เฉินอี้ มันไม่ฉลาดที่เจ้าออกมาจากกระดอง ข้าจะต่อสู้กับเจ้า”

 

“เดี๋ยว! อย่าปล่อยให้เขาถ่วงเวลา เราจะโจมตีพร้อมกัน!” วูหยงหัวเราะและออกคําสั่ง

 

หากวูตู๋ซิ่วอยู่ที่นี่ นางจะยอมรับคําท้าทายของเฉินอี้และต่อสู้เพียงลําพัง

 

แต่วูหยงแตกต่างออกไป เหตุใดเขาต้องละทิ้งโอกาสประสบความสําเร็จ?

 

วูหยงนํากลุ่มผู้อมตะระดับแปดของภาคใต้และคฤหาสน์วิญญาณอมตะบ้านไม้ไผ่สายลม พุ่งไปข้างหน้าทันที

 

เฉินอี้และเพ่ยกังซุ้ยถูกโจมตีจากทุกทิศทาง

 

เพ่ยกังซุ้ยผลักฝามือส่งคลื่นสีขาวขนาดใหญ่ออกไป

 

ร่างของวูหยงกลายเป็นภาพติดตา ร่างจริงของเขาหายไปจากจุดนั้นอย่างกะทันหัน เพ่ยกังซุ้ยเผชิญหน้ากับกองทัพศัตรูด้วยพลังทั้งหมด

 

ปีกบนแผ่นหลังของอี้ห่าวฟางยิงพายุลูกศรจํานวนนับไม่ถ้วนไปยังเพยทั้งซุ้ยและเฉินอี้

 

“เข้ามา!” เฉินอี้สร้างต้นไม้มายาขนาดใหญ่ขึ้นรอบตัว

 

ฝนลูกศรพุ่งเข้าไปในปาและทําให้ใบไม้จํานวนมากร่วงหล่นลงจากต้น

 

เฉินอี้กําลังจะตอบโต้แต่วูหยงกลับปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขาโดยไม่คาดคิด

 

“เขามีวิธีปกปิดที่ยอดเยี่ยม! ข้าไม่สามารถตรวจจับเขา!” เฉินอี้ตกใจมาก

 

ในช่วงเวลาสําคัญเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหันหลังกลับ

 

“เราเป็นสหายตั้งแต่แรกพบ แต่ตอนนี้เจ้าต้องจากไป นี่คือการอําลาสหายที่ดีของข้า ให้ข้าส่งเจ้า” วูหยงเผยรอยยิ้มบาง

 

ใบหน้าของเฉินอี้กลายเป็นซีดเผือด

 

เขาตะโกนในใจ นี่คือท่าไม้ตายอมตะอําลาสหาย! วังสวรรค์หามันไม่พบ ผู้ใดจะคิดว่ามันจะอยู่ในมือของวูหยง”

 

ร่างของเฉินอี้ค่อยๆลอยขึ้น เส้นผม เสื้อผ้า และแขนขาของเขาเริ่มสูญสลาย

 

“ช่วยด้วย! เฉินอี้ตะโกนอยู่ในใจ เขาไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมา

 

เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนและไม่สามารถตอบโต้

 

กระทั่งท่าไม้ตายอมตะต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งชะตากรรมก็ไม่สามารถกระตุ้นใช้งาน