ราชันเร้นลับ 743 : ไดอารีหนึ่งหน้า โดย Ink Stone_Fantasy
เหนือสายหมอก ภายในพระราชวังที่มีหลังคาโดมสูง
‘เดอะฟูล’ ไคลน์ชำเลืองมอง ‘เดอะซัน’ ที่ถูกดึงมาก่อนและ ‘เดอะเวิร์ล’ ที่เสกรอไว้ล่วงหน้า จากนั้นก็แผ่พลังวิญญาณเข้าไปสัมผัสกับดาวสีแดงเข้มที่เป็นตัวแทนของจัสติส แฮงแมน เมจิกเชี่ยน เดอะมูน และเฮอร์มิท
เสาลำแสงพวยพุ่ง ร่างมายาที่ไม่คมชัดของแต่ละคนเริ่มปรากฏบนเก้าอี้สองฝั่งโต๊ะทองแดงยาว
‘จัสติส’ ออเดรย์ที่เพิ่งกลับถึงปราสาทหลังจากเข้าไปในป่า เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดเดรส กำไลข้อมือลายลูกไม้ประดับประดาด้วยไข่มุกเม็ดกลม
หญิงสาวลุกขึ้นยืนอย่างกระฉับกระเฉง จับชายกระโปรง แสดงความเคารพ
“ทิวาสวัสดิ์ค่ะ มิสเตอร์ฟูล~”
อารมณ์ของไคลน์ดีขึ้นหลายระดับแล้ว จึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ขณะเดียวกัน มันอดถอนหายใจไม่ได้
ลำพังเศรษฐีใหม่อย่างเรายังมีค่าใช้จ่ายมหาศาล… ตระกูลขุนนางแบบมิสจัสติสจะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายขนาดไหน…
หลังจากสมาชิกทุกคนทักทายกันเสร็จ ชายหนุ่มชำเลืองไปทางเฮอร์มิทด้วยท่าทีผ่อนคลาย เพราะทราบว่าพลเรือโจรสลัดรายนี้จะต้องนำไดอารีจักรพรรดิโรซายล์หน้าใหม่มาส่งมอบ
ไม่ผิดจากที่คาด ‘เฮอร์มิท’ แคทลียาเปิดปากพูด
“มิสเตอร์ฟูล ดิฉันรวบรวมไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ได้อีกหนึ่งหน้า”
แค่หน้าเดียว? ไม่ใช่ว่าราชินีเงื่อนงำสามารถส่งมอบไดอารีทั้งเล่มได้ตามใจปรารถนาหรอกหรือ? แม้ไคลน์จะได้เผชิญบททดสอบอันหนักหน่วงมาตลอดทั้งวัน แต่ก็ยังสามารถรักษาความสุขุม
“ไม่มีปัญหา”
แคทลียารีบลงมือเขียนไดอารีลงบนกระดาษสีน้ำตาลอมเหลือง ส่งมันถึงมือเดอะฟูลผ่านพลังวิญญาณ
ไคลน์ก้มมอง แปลกใจเล็กน้อยเมื่อไม่พบ ‘วันที่’ บนกระดาษ
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไดอารีหน้านี้เป็นเนื้อหาที่ต่อจากหน้าอื่น… ทำไมแบร์นาแดตไม่เอาหน้าแรกมาด้วย? เธอควรแยกแยะได้ไม่ยาก เพราะแม้แต่ลุงนีลล์ก็ยังดูออกว่าตรงไหนเป็นวันที่… หรือเป็นเพราะไดอารีเสียหายจนหน้าสลับกัน ส่งผลให้เรียงกลับไม่ถูก? หมายความว่า หลังจากจักรพรรดิโรซายล์ร่วงหล่น ข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ถูกรื้อค้นโดยกองกำลังของฝ่ายตรงข้ามจนบางส่วนสูญหาย? ตอนนั้นแบร์นาแดตคงยังมีพลังไม่พอจะยับยั้ง รอจนกระทั่งกลายเป็นราชินีเงื่อนงำ จึงค่อยกลับมาสืบสาวหาความจริง… ไคลน์กวาดตาอ่านเนื้อหาอย่างรวดเร็ว
“ผิดคาดมาก… ประวัติศาสตร์ของยุคสมัยที่สี่จากปากมิสเตอร์ประตูเริ่มน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ”
“ชายอับโชคที่ติดอยู่ท่ามกลางพายุและหลงทางในความมืดบอกกับเราว่า แม้จักรพรรดิมืดจะตายไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถคืนชีพได้… น่าประหลาดใจมาก ข้อมูลนี้บังเอิญไปตรงกับสิ่งที่องค์กรลึกลับนั่นเล่าให้ฟัง… ในการชุมนุมครั้งหนึ่ง พวกเขาระบุว่า หากสุสานทั้งเก้าของจักรพรรดิมืดไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์ ต่อให้เทพตนนี้ร่วงหล่นไปพร้อมกับร่างเนื้อ แต่ก็ยังสามารถคืนชีพได้ใหม่จากหนึ่งในสุสานของท่าน”
“และแม้ว่าสุสานทั้งเก้าจะถูกทำลาย ตราบใดที่คำสั่งของจักรพรรดิมืดยังมีผู้คนปฏิบัติตาม ท่านสามารถคืนชีพกลับมาได้ด้วยวิธีพิสดาร เว้นเสียแต่ว่าจะมีจักรพรรดิมืดองค์ใหม่ถือกำเนิด นั่นจึงจะเป็นความตายโดยแท้จริง หมดสิทธิ์คืนชีพโดยสิ้นเชิง”
“จากคำอธิบายของมิสเตอร์ประตู การคืนชีพของจักรพรรดิมืดมีทั้งหมดสามขั้นตอน ขั้นแรก ‘เอกลักษณ์’ ของเส้นทางต้องแยกตัวเป็นอิสระจากเจ้าของปัจจุบัน แปรสภาพกลายเป็นนามธรรม ขั้นที่สอง เหล่าผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อจักรพรรดิมืดต้องได้ยินเสียงที่เปี่ยมด้วยพลังอำนาจจากพระองค์ และขั้นที่สาม จักรพรรดิมืดที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเอกลักษณ์นามธรรม จะปรากฏตัวอีกครั้งบนโลกดารา ส่งผลสืบเนื่องทำให้ตะกอนพลังลำดับ 1 ทั้งสามชิ้น กลับมาอยู่บนมือจักรพรรดิมืดทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่มีใครสามารถบิดเบือนหรือฝ่าฝืนสิ่งนี้ได้ ไม่เว้นกระทั่งเหล่าเทพแท้จริงตนอื่น”
“ด้วยเหตุผลข้างต้น จักรพรรดิโลหิตและจักรพรรดิรัตติกาลซึ่งล้วนเป็นลำดับ 1 องค์ชายวิปลาสของเส้นทางเดียวกัน ต่างตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่มีใครทราบผลลัพธ์ที่แน่ชัดหากจักรพรรดิมืดคืนชีพ พวกมันอาจต้องเสียชีวิตคาที่ หรือไม่ก็ถอยกลับไปเป็นลำดับ 2… มิสเตอร์ประตูเล่าว่า ในช่วงเวลานั้น เทพวายุสลาตันและเทพธิดารัตติกาลตัดสินใจสนับสนุนจักรพรรดิรัตติกาล ช่วยให้ท่านเปลี่ยนไปยังเส้นทางใกล้เคียง – เส้นทาง ‘ผู้ตัดสิน’ ส่งผลให้จักรวรรดิทูดอร์-ทรันซอสต์ต้องแยกตัวออกจากกัน”
“และ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์ผู้ถูกบังคับให้ตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังตามลำพัง ตัดสินใจกระทำในสิ่งที่บ้าบิ่น นั่นคือการย้ายไปยังเส้นทางที่ไม่ใกล้เคียง ยอมสละสติสัมปชัญญะ เสี่ยงเลื่อนลำดับเป็นเทพแท้จริงกึ่งเสียสติโดยไม่มีทางเลือก”
“ต้องยอมรับว่า การตัดสินใจครั้งนี้ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย แทบจะมองไม่เห็นโอกาสประสบความสำเร็จ… แต่มิสเตอร์ประตูกลับระบุว่า ท้ายที่สุดแล้ว อลิสต้า·ทูดอร์ประสบความสำเร็จในการเลื่อนลำดับ กลายเป็นเทพแท้จริงกึ่งเสียสติ!”
“ฟังดูน่าเหลือเชื่อมาก น่าเสียดายที่มิสเตอร์ประตูไม่ได้เล่ารายละเอียด คงจงใจปิดบังจากเรา”
“เราถามกลับไปว่า ระหว่างความตายกับการกลายเป็นคนเสียสติ แบบไหนเลวร้ายมากกว่ากัน มิสเตอร์ประตูตอบว่าความตาย เพราะหากยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสคืนสติกลับมาได้”
“ท่านยิ้มและยกตัวอย่าง – หากพิจารณาจากสัญชาตญาณ เทพแท้จริงที่เสียสติยังสามารถผสมพันธุ์กับสิ่งมีชีวิตทุกชนิดโดยไม่เลือกหน้า ให้กำเนิดลูกหลายมากมาย ระหว่างนั้น ถ้าดวงดี ตะกอนพลังที่ขัดแย้งกันจะถูกถ่ายเทไปยังทายาท อาการเสียสติจะค่อยๆ หายไปทีละนิด”
“มิสเตอร์ประตูจงใจไม่บอกว่าต้นตอของปัญหาหมดไปหรือไม่ และไม่ได้อธิบายว่าทำไมถึงไม่มีใครคิดจะทำมาก่อน แต่เราสัมผัสได้อย่างเลือนรางว่า การทำแบบนี้มีอันตรายใหญ่หลวงซ่อนอยู่”
“คงต้องยอมรับตามตรง มิสเตอร์ประตูมีข้อมูลเกี่ยวกับเทพแท้จริงเกินกว่าที่เราจินตนาการไปมาก… ก่อนจะถูกขับไล่ออกไป บางทีท่านอาจเป็นอีกหนึ่งคนที่เข้าใกล้ลำดับ 0… เข้าใจแล้วว่าทำไมท่านถึงดูแคลนซาราธ แถมยังไม่นับถือเทพแท้จริงองค์ใดเลย”
“นั่นยิ่งทำให้เราไม่อยากพาท่านกลับมายังโลกแห่งความจริง!”
อัดแน่นด้วยข้อมูล… สมแล้วที่แบร์นาแดตคัดมาเป็นพิเศษ… แต่ว่า ทำไมเธอถึงจงใจเลือกหน้านี้ จุดประสงค์คืออะไร? หรือว่าหลังจากเขียนไดอารีหน้านี้เสร็จ จักรพรรดิโรซายล์เริ่มทำตัวแปลกประหลาด กระทั่งกลายเป็นคนเสียสติในที่สุด? เสียสติ…
อย่าบอกนะว่า… ไม่มีทาง… สถานการณ์ในตอนนั้นของโรซายล์ฟังดูคล้ายกับ ‘จักรพรรดิโลหิต’ อลิสต้า·ทูดอร์มาก เส้นทางของตัวเองถูกตัดขาด เส้นทางใกล้เคียงถูกกีดกันโดยใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง การเลื่อนลำดับแทบจะเป็นไปไม่ได้… ท่ามกลางความกดดัน เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่บ้าบิ่นเหมือนกับ ‘จักรพรรดิโลหิต’ พยายามย้ายไปยังเส้นทางที่ไม่ใกล้เคียง…
ด้วยเหตุผลข้างต้น แปลว่าพฤติกรรมแปลกๆ ในช่วงหลายปีหลังเกิดขึ้นเพราะเขาเสียสติไปแล้วจริงๆ ไม่ได้ถูกกัดกร่อนโดยบางสิ่ง… เข้าใจแล้วว่าทำไมแบร์นาแดตที่เคยทอดทิ้งเขา เกลียดชังเขา ถึงพยายามกลับมาค้นหาความจริงอีกครั้ง… จากมุมมองนี้ บางเรื่องก็น่าสนใจมากทีเดียว เช่นการที่โรซายล์ปฏิวัติและขึ้นครองบัลลังก์พร้อมกับสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ ประกาศใช้ ‘ประมวลกฎหมายแพ่ง’ ฉบับใหม่แทนของเดิม ร่างขึ้นโดยอ้างอิงกฎหมายของโลกเก่าในศตวรรษที่สิบแปดและสิบเก้า และยังเผยแพร่รสนิยมส่วนตัวออกไปเป็นวงกว้าง…
หึหึ… เราประเมิน ‘รุ่นพี่’ คนนี้ต่ำไปสินะ… เคยคิดว่าเขาแค่เลียนแบบนโปเลียนหรือซีซาร์เพื่อความบันเทิงส่วนตัว แต่ในความเป็นจริง นั่นคือการวางรากฐานสำหรับก้าวไปเป็นจักรพรรดิมืด… ไม่สิ… เราเคยอ่านไดอารีของเขาในช่วงนั้น ถึงจะอ่านไปเพียงไม่กี่หน้า แต่ทั้งหมดก็เขียนด้วยสติสัมปชัญญะครบถ้วน อารมณ์สงบนิ่ง แถมยังทำ ‘เรื่องอย่างว่า’ กับสตรีขุนนางผู้เร่าร้อน…
หืม… หรือว่าตอนนั้นยังไม่ได้ตัดสินใจย้ายเส้นทางอย่างเด็ดขาด เพียงสร้างทางหนีทีไล่เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉิน?
สำหรับ ‘ประมวลกฎหมายแพ่ง’ ฉบับใหม่ การเดินหมากก้าวนี้อาจไม่มีอะไรแอบแฝง แต่เนื่องจากเป็นคนทำรัฐประหาร ตามปรกติแล้วต้องร่างกฎหมายฉบับใหม่ขึ้น… และด้วยความรู้กับความทรงจำของเขา แหล่งอ้างอิงทางกฎหมายเดียวจึงหนีไม่พ้นข้อมูลจากโลกเก่าในศตวรรษที่สิบแปดและสิบเก้า เพราะมีความสอดคล้องกับยุคสมัยในปัจจุบัน…
ในภายหลัง การตั้งตนเป็นจักรพรรดิของโรซายล์ทำให้แบร์นาแดตเกิดความไม่พอใจและรู้สึกต่อต้าน… ในฐานะทายาทคนโปรด เธอคงสังเกตเห็นความผิดปรกติก่อนที่บิดาของตนจะสถาปนาตัวเองเป็นจักรพรรดิ จึงเลือกไดอารีหน้าที่ยาวที่สุดที่โรซายล์เขียนในช่วงเวลานั้น… ไคลน์ยังคงครุ่นคิดต่อไปอีกสักพัก ภายในใจรู้สึกราวกับว่า ตนได้เห็นประวัติศาสตร์อันหนักอึ้งที่ถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของม่านหมอก แผ่นกระดาษหนังตรงหน้าราวกับกำลังส่งกลิ่นเลือดและเหล็กออกมา
ไคลน์ยิ่งทวีความสงสัย เกี่ยวกับ ‘สลัก’ สุดท้ายที่ทำให้โรซายล์เสียสติ
ขณะเดียวกัน มันก็ได้คลายปมในเรื่องเก่า
จักรพรรดิมืดคืนชีพด้วยวิธีแบบนี้นี่เอง… คล้ายกับข้อสันนิษฐานของเราในอดีต…
จากประวัติศาสตร์ของยุคสมัยที่สี่ ดูเหมือนว่าจะมีจักรวรรดิทูดอร์-ทรันซอสต์อยู่จริง และได้รับการสนับสนุนจากหกเทพจารีต เช่นเทพวายุสลาตันและเทพธิดารัตติกาล… บัลลังก์คู่ในซากอาคารใต้ดินถนนวิลเลียมส์สามารถยืนยันการมีอยู่ของ ‘จักรวรรดิร่วม’ ได้เป็นอย่างดี…
จากคำบอกเล่าของมิสเตอร์ประตู ในตอนหลัง หกเทพจารีตเลือกจะอยู่ฝ่าย ‘จักรพรรดิรัตติกาล’ ส่งผลให้จักรวรรดิร่วมต้องแยกตัวออกจากกัน… ถ้าอย่างนั้น แล้วใครคือคนที่ช่วยจักรพรรดิโลหิตจับตัวลำดับ 1 ของเส้นทางนักล่าทั้งสามตน? ในหมู่พวกมันยังมี ‘เทวทูตสีชาด’ เมดีซี ผู้น่าจะแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิโลหิตในเวลานั้นเสียอีก… แม่มดบรรพกาล? เทพมรณา? ดวงจันทร์บรรพกาล? ด้านมืดเอกภพ? มารดาพฤกษาแห่งแรงกระหาย?
ไคลน์คาดเดาโดยการไล่เรียง แต่ก็ไม่พบความเชื่อมโยง
ชายหนุ่มสลายไดอารี หันไปยิ้มให้ ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
“สำหรับครั้งนี้… ความต้องการคือสิ่งใด”
แคทลียาไม่ปิดบัง ถามอย่างใจเย็น
“บุคคลที่อยู่ในไดอารี… หากไม่นับจักรพรรดิโรซายล์ ยังมีใครอีกบ้าง”
คำถามดังกล่าวทำให้ ‘จัสติส’ ออเดรย์หันไปมองมิสเตอร์ฟูล ดวงตากำลังลุกวาวและเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้แต่ใบหูก็ดูเหมือนจะกระดิกขึ้นเล็กน้อย
‘แฮงแมน’ อัลเจอร์และคนที่เหลือต่างก็สนใจ หากถูกเขียนชื่อลงในไดอารีของจักรพรรดิโรซายล์ บุคคลดังกล่าวย่อมต้องไม่ธรรมดา!
ไคลน์พอจะคาดเดาความรู้สึกของทุกคน อดไม่ได้ที่จะรำพัน
เฮ่อ… ดันเป็นไดอารีที่แบร์นาแดตคัดเลือก หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เราคงตอบส่งๆ ไปได้ว่ามีการกล่าวถึงแม่มดคนหนึ่ง แม่มดอีกคนหนึ่ง นักล่าคนหนึ่ง นักล่าอีกคนหนึ่ง มิสเตอร์ขุนนางสักคน มาดามขุนนางสักคน…
ครุ่นคิดสองวินาที ไคลน์เอนหลังพิงพนัก ตอบด้วยรอยยิ้ม
“มิสเตอร์ประตู”
มิสเตอร์ประตู… ตัวตนที่มีชื่อคล้ายกับมิสเตอร์ฟูล… อย่างน้อยก็คงมีระดับใกล้เคียงเทพสินะ? ‘จัสติส’ ออเดรย์คาดเดาตัวตนอีกฝ่ายจากโทนเสียงและลักษณะการพูด
‘เฮอร์มิท’ แคทลียาและคนที่เหลือต่างก็คิดคล้ายๆ กัน แต่ไม่มีใครทราบว่ามิสเตอร์ประตูเป็นใคร เพียงมองหน้ากันและส่ายหัว
เมื่อเห็น ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สและคนอื่นๆ แสดงความฉงน ไคลน์จงใจหันไปหาเธอและหัวเราะในลำคอ
“เจ้าน่าจะคุ้นเคยกับเขาเป็นอย่างดี”
“เอ๋…?” ดวงตา ‘เมจิกเชี่ยน’ ฟอร์สพลันเหม่อลอย
เธอค่อนข้างมั่นใจว่า ตนไม่รู้จัก ‘มิสเตอร์ประตู’
เพราะจากเท่าที่ฟัง อีกฝ่ายน่าจะเป็นตัวตนในระดับที่สูงมาก!
………………………………………………………..