ตอนที่ 154-4 ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือคนต่ำช้า ที่มาจากแผ่นดินชั้นต่ำ

จำนนรักชายาตัวร้าย

เหวินเหรินเจี๋ยประคองเหวินหลานให้นั่งลงที่ขั้นบันได 

 

 

“ท่านเลือดออกมากมายเพียงนี้! ไม่ได้ ข้าจะต้องทำแผลให้ท่านเสียก่อน!” 

 

 

เมื่อครู่นางถูกบรรพชนเฒ่าปฏิเสธ ตอนนี้เมื่อมาพบกับเหวินเหรินเจี๋ยเข้า เหวินหลานจึงคิดแผนการขึ้นมาได้ 

 

 

คนที่บรรพชนเฒ่ารักและเอ็นดูที่สุดคือเหวินเหรินเจี๋ย หากไม่มีอะไรผิดพลาดละก็ เหวินเหรินเจี๋ยก็จะได้เป็นผู้นำตระกูลเหวินคนต่อไป เมื่อครู่เหวินหลานมองออกว่าจิตใจของเหวินจู๋เริ่มสั่นคลอน เดิมทีเขาก็คิดที่จะเข้าช่วยนาง เพียงแต่ถูกบรรพชนขัดขวางเอาไว้เสียก่อน หากว่านางขอร้องเหวินเหรินเจี๋ย ให้ช่วยพูดแทนนางต่อหน้าบรรพชนเฒ่า ไม่แน่ว่าอาจจะผ่านด่านบรรนเฒ่าไปได้ก็เป็นได้ 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยทำแผลให้กับเหวินหลานจนแล้วเสร็จ ทั้งยังป้อนยารักษาการบาดเจ็บให้กับนาง จึงได้คลายความกังวลใจลงไป 

 

 

“เหรินเจี๋ย——” 

 

 

เหวินหลานยังไม่ทันเอ่ยปาก ก็ถูกเหวินเหรินเจี๋ยขัดขึ้นเสียก่อน 

 

 

“ท่านอา ข้ารู้ว่าท่านต้องการจะพูดอะไร แต่ว่า การตัดสินใจของบรรพชนเฒ่า ข้าจำเป็นต้องปฏิบัติตาม” 

 

 

เดิมทีเหวินหลานยังหลงเหลือเศษเสี้ยวแห่งความหวังอยู่บ้าง ทว่าเมื่อถูกเหวินเหรินเจี๋ยราดน้ำเย็นใส่เข้า หัวใจของนางจึงสิ้นหวังโดยสมบูรณ์ 

 

 

“เหรินเจี๋ย เจ้าจะทนเห็นข้าและพี่สาวของเจ้าไม่มีบ้าน ไร้ญาติขาดมิมิตร พเนจรเร่ร่อนไปทั่วได้อย่างนั้นหรือ?” 

 

 

ในขณะที่เหวินหลานเอ่ยกล่าวอยู่นั้น หลิวอวี๋เยี่ยนก็นำตาไหลพรากลงมาเป็นทางเสียแล้ว 

 

 

“น้องชาย เจ้าชาญฉลาดที่สุด เจ้าช่วยพวกเราคิดว่าวิธีทีเถอะ!” 

 

 

เมื่อหลิวอวี๋เยี่ยนยังเอ่ยปากของร้อง เหวินเหรินเจี๋ยจึงมิอาจปฏิเสธได้ต่อไป เหวินเหรินเจี๋ยยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาใสซื่อบริสุทธิ์ 

 

 

“พวกท่านต้องการแก้แค้นประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋น ก็ใช่ว่าไม่มีวิธีเลย…” 

 

 

“วิธีการอะไร?” 

 

 

เมื่อได้ยินเหวินเหรินเจี๋ยเอ่ยว่ามีวิธีที่จะแก้แค้น เหวินหลานและหลิวอวี๋เยี่ยนก้หยุดร้องไห้ จ้อมองเหวินเหรินเจี๋ยด้วยสายตาอ้อนวอนทันที 

 

 

“เหรินเจี๋ย เจ้าอย่ามัวแต่อ้ำๆอึ้งๆอยู่เลย รีบพูดมาเสียดีกว่า! ตกลงแล้วมีวิธีการอะไรกันแน่!” เหวินหลานเมื่อเห็นว่าเหวินเหรินเจี๋ยไม่ยอมพูดออกมาเสียทีก็เริ่มร้อนใจ รีบเร่งรัดทันที 

 

 

“พี่สาว ท่านเคยเห็นภาพเหมือนของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นหรือไม่?” เหวินเหรินเจี๋ยเอ่ยถาม 

 

 

“ภาพเหมือน?” หลิวอวี๋เยียนขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยว่า 

 

 

“ไม่เคย” 

 

 

ท่านพ่อต้องตาย สกุลหลิวเกิดเรื่องขึ้น แล้วนางไหนเลยจะมีกระจิตกจะใจไปแสวงหาภาพวาดเหมือนของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นอยู่ได้อีกเล่า 

 

 

“ข้าว่าแล้วว่าท่านจะต้องไม่เคย!” เหวินเหรินเจี๋ยส่งภาพเหมือนภาพหนึ่งให้กับหลิวอวี๋เยี่ยน 

 

 

“ท่านดูสิ คนผู้นี้ท่านพอจะจำได้บ้างหรือไม่?” 

 

 

เมื่อได้เห็นภาพเหมือนของชายหนุ่มที่มีปานแดงที่หว่างคิ้ว หลิวอวี๋เยี่ยนก็ส่ายหน้าปฏิเธะ แต่ฉับพลันนางก็พยักหน้าเป็นพัลวัน 

 

 

‘นี่มันชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนั้น คุ้นตายิ่งนัก!’ 

 

 

“พี่ ท่านกล่าวได้ถูกต้องเลย! ก่อนหน้านี้ที่ท่านเคยเดินทางไปยังแผ่นดินหลัวอวี่เพื่อตามหาข้านั้น พวกเราเคยพบกับเขา ท่านลองนึกดูดีๆสิครับ!” 

 

 

เมื่อได้คำตักเตือนจากเหวินเหรินเจี๋ย ทันใดนั้น หลิวอวี๋เยี่ยนก็คิดนึกขึ้นมาได้ 

 

 

“เขานั้นเองที่ทำลายปรมาจารย์พิษของเจ้า? เป็นเขา! เขาชื่ออะไรนะ?” 

 

 

“ซย่าโหวฉิงเทียน” เหวินเหรินเจี่ยกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม 

 

 

“เขาคือหลิงเจียงอ๋องแห่งแผ่นดินหลัวอวี่ ฮูหยินของเขา ก็คืออวี้หลัวซ่าที่จู่ๆก็ปรากฎตัวขึ้นที่งานประโอสถในตอนนั้น 

 

 

เท่าที่ข้าสืบรู้มา ช่อที่แท้จริงของอวี้หลัวซ่าคืออวี้เฟยเยียน เป็นชาวต้าโจวเช่นกัน” 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยกล่าวขึ้นมาเช่นนี้ ทำเอาหลิวอวี๋เยี่ยนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด 

 

 

นางยังจดจำได้ดี ในตอนนั้นที่ตัวนางได้เจอกับซย่าโหวฉิงเทียน นางอยากจะฆ่าเขาหนักหนา แต่เหวินเหรินเจี๋ยห้ามนางเอาไว้ ทั้งยังบอกอีกว่านางไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซย่าโหวฉิงเทียน 

 

 

‘นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะเก่งกาจถึงเพียงนี้!’ 

 

 

‘เขาผู้นั้นก็คือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นผู้ซึ่งกำจัดสกุลหนานกงและสกุลสุ่ย อีกทั้งยังสำเร็จปราชญ์ราชันย์!’ 

 

 

‘แผ่นดินหลัวอวี่ที่ๆคนชั้นต่ำดำรงชีวิตอยู่ ทำไมถึงมีปราชญ์แห่งยุคเช่นนี้เกิดขึ้นได้!’ 

 

 

“ใช่ เป็นเขา! ข้าจำปานแดงของเขาได้ ข้าชอบสวมใส่ชุดสีม่วง ทั้งเย่อหยิ่งและเย็นชา!” 

 

 

หลิวอวี๋เยี่ยนตั้งใจมองดูภาพเหมือนนั้นโดยละเอียดอีกครั้ง 

 

 

หลังจากพินิจพิจารณาจนแน่นใจแล้ว ในที่สุดนางก็มั่นใจว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นที่สร้างความวุ่นวายจนจนอู่โยววุ่นวายอลหม่าน ก็คือหลิวเจียงอ๋องแห่งต้าโจว ซย่าโหวฉิงเทียนนั่นเอง 

 

 

“เหรินเจี๋ย เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่? ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นจะเป็นชาวอู๋โยวชั้นต่ำนั้นได้อย่างไรกัน? มันจะเป็นไปได้อย่างไร!” 

 

 

เหวินหลานกำลังงงเป็นไก่ตาแตกเพราะบุตรสาวและหลานชายของตน 

 

 

‘คนชั้นต่ำคือปราชญ์ราชันย์?’ 

 

 

‘นี่มิใช่กำลังล้อเล่นใช่หรือไม่!’ 

 

 

เมื่อเห็นว่าเหวินหลานมีท่าทีไม่เชื่อ หลิวอวี๋เยี่ยนก็ยิ้มเจื่อนๆออกมา 

 

 

“ท่านแม่ ข้ามิได้โกหกท่านแม่นะคะ ข้ารู้ดีว่าเรื่องนี้มันเหลือเชื่อ แต่มันก็กลับเป็นเรื่อจริงเสียนี่! ข้าไม่อาจไม่ยอมรับมัน!” 

 

 

หลิวอวี๋เยี่ยนต้องยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะอีกครั้ง เหวินหลานถึงได้เชื่อ 

 

 

‘หากกล่าวเช่นนี้ ก็เท่ากับว่า ท่านพ่อของเจ้าตายด้วยน้ำมือของคนชั้นต่ำ?’ 

 

 

หลังจากที่ได้รู้ฐานะที่แท้จริงของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นแล้วก็ทำให้ เหวินหลานก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ 

 

 

‘คนชั้นต่ำ!’ 

 

 

“พวกมันเป็นตัวอะไร! พวกมันยังสู้สุนัขที่ตระกุลใหญ่เลี้ยงเอาไว้ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทว่ากับมาทำยโสโอหังเหิมเกริมที่นี่ได้ “ 

 

 

ซึ่งตลอดทางที่เดินทางจากสกุลหลิวมายังสกุลเหวินนั้น เหวินหลานได้ยินผู้กล่าวถึงประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นไม่ขาด 

 

 

ชาวบ้านต่างก็เคารพนับถือประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ่นที่จู่ๆก็โผล่มาจากไหนไม่รู้คนนี้จนแทบจะหมอบราบคาบแก้ว เสียงชื่นชมดังออกไม่ขาดสาย ซึ่งเหวินหลานได้ยินจนหูชา กระทั่งต้องเอาสำลีมาอุดหูเอาไว้ในที่สุด 

 

 

ชาวอู๋โยวนี่ช่างเปลี่ยนขั้วอำนาจรวดเร็วเสียเหลือเกิน! 

 

 

‘ผู้ชนะเป็นเป็นเจ้า ผู้แพ้เป็นโจร’ 

 

 

หากเป็นเมื่อก่อนไม่ว่านางจะไปที่ไหนก็จะมีแต่คนออกมาต้อนรับ ล้อมหน้าล้อมหลัง คนอื่นๆจนแทบจะเลียแข้งเลียขานางด้วยซ้ำ ตอนนี้ เมื่อสกุลหลิวพ่ายแพ้ หลิวอวี๋เซิงตายไป นางถูกหลิวปิงปิงขับออกจากสกุลหลิว ตอนนี้เมื่อได้เจอหน้าพวกที่เคยประจบสอพลอสรรเสริญเยินยอนางเหล่านั้นอีกครั้ง แต่ละคนกลับรีบเร่งหลบหน้าหลบตาอย่างรวดเร็ว 

 

 

อย่าว่าแต่คนคิดจะเข้ามาช่วยเหลือเลย แม้เข้ามาถามสารทุกข์สุกดิบยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ 

 

 

โลกนี้ช่างโหดร้ายยิ่งนัก! 

 

 

บัดนี้ คนชั้นต่ำจากหลัวอวี่ถูกยกยอจนสูงส่ง หากทุกคนรู้ว่าฐานะที่แท้จริงของประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นนั้นต่ำต้อย พวกเขาจะรีบเผ่นแนบไม่เห็นหัวเขาอีกต่อไปหรือไม่นะ 

 

 

“ท่านอา พี่สาว ข้าได้ให้เบาะแสที่สำคัญแก่พวกท่านแล้ว ขั้นต่อไปก็ต้องพึ่งพาตัวของพวกท่านเองแล้ว” 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยยิ้มพร้อมกับลุกยืนขึ้นมา 

 

 

“พวกท่านไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปราชญ์ราชันย์ก็จริง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นว่าแม้กระทั่งคนชั้นต่ำจากหลัวอวี่พวกท่านก็จัดการไม่ได้หรอกนะ!” 

 

 

“ข้าพูดได้เพียงเท่านี้แหละ ขอตัวก่อนละ! กล่าวจบเหวินเหรินเจี๋ยก็เดินกลับเข้าไปในบ้านสกุลเหวินโดยที่ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ” 

 

 

เหวินหลานถือภาพเหมือนของซย่าโหวฉิงเทียน เม้มริมฝีปากแน่น นางได้ตัดสินใจแล้ว ที่เหวินเหรินเจี๋ยพูดมานั้นถูกต้อง ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นคือปราชญ์ราชันย์ พวกนางสองแม่ลูกหาใช่คู่ต่อสู้ของเขาไม่ แต่ว่า แม้จะทำอะไรเขาไม่ได้ ก้ใช่ว่าจะทำอะไรคนใกล้ชิดเขาไม่ได้เช่นนั้นเสียเมื่อไหร่เล่า? 

 

 

‘เจ้าทำให้ข้าต้องสูญเสียสามี สูญเสียญาติสนิท ข้าก็จะให้เจ้าได้ลิ้มรสความเจ็บปวดที่ต้องเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปบ้าง!’ 

 

 

ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นชาวต้าโจว ฮูหยินของเขาก็เช่นเดียวกัน เช่นนั้นพวกเขาสองคนจะต้องมีครอบครัวอยู่ที่ต้าโจวอย่างแน่นอน! 

 

 

“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเราไป! เหวินหลานสีหน้าแน่วแน่ และหลิวอวี๋เยี่ยนก็คิดเช่นเดียวกันกับมารดา  

 

 

‘หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง’ 

 

 

‘ฆ่าคนใกล้ชิดของซย่าโหวฉิงเทียนและอวี้เฟยเยียน ทำพวกเขาได้ลิ้มรสความเจ็บปวดใจเสียบ้าง!’ 

 

 

เหวินหลานและหลิวอวี๋เยี่ยนไหนเลยจะรู้ได้ว่า ฆาตกรตัวจริงฆ่าหลิวอวี๋เซิงก็คือผู้ที่ทำเป็น เจตนาดี ออกความคิดให้กับพวกนาง เหวินเหรินเจี๋ยต่างหากเล่า! 

 

 

รอจนกระทั่งสองแม่ลูกเดินทางออกไป เหวินเหรินเจี๋ยถึงได้ก้าวออกมาจากด้านหลังประตู 

 

 

“รีบไปเถอะ! พวกเจ้าไม่ทำเรื่องโง่เง่า แล้วสกุลหลิวจะสูญสิ้นได้อย่างไรกันเล่า!” 

 

 

เหวินเหรินเจี๋ยสูดลมหายใจเข้าออกให้ลึกๆ  

 

 

“อากาศวันนี้ช่างดีจริงๆเชียว! อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นไปของดวงอาทิตย์! วันดี เป็นวันดีจริงๆ!” 

 

 

เหวินหลานรู้ดีว่าเรื่องนี้สกุลเหวินจะไม่ยอมช่วยเหลือเป็นแน่ หลิวปิงปิงยิ่งจะไม่มีทางสอดมือเข้ามมาร่วมวางกับเรื่องนี้ไปใหญ่ นางจึงเดินทางกลับเมืองเหมย ไปหาบุตรชายของนางหลิวปั๋ว 

 

 

หลังจากที่สุ่ยอวิ๋นเอ๋อร์ตายไป หลิวปั๋วก้เอาแต่ซึมศร้าทุกข์ระทม เมียของเขา ลูกของเขา ไม่มีเหลือ 

 

 

สุ่ยอวิ๋นเอ๋อร์แม้ตายไปก็ยังมิอาจกลับสู่สกุลหลิวได้ ดังนั้นหลิวปั๋วจึงได้หาสถานที่สักที่หนึ่ง ใช้เงินของตนเองฝังลูกและเมียของตนให้เรียบร้อยไป 

 

 

เรื่องที่เกิดขึ้นนี้กระทบกระเทือนจิตใจของหลิวปั๋วเป็นอย่างมาก ในทุกวันเขาได้แต่อาศัยสุราดับทุกข์ นั่นทำให้หลิวปิงปิงยิ่งผิดหวังในตัวของเขาอย่างที่สุด นางจึงไม่มาสนใจเขาอีกต่อไป 

 

 

หากมิใช่เหวินหลานเรียกตัวเขาออกมาละก็ เกรงว่าตอนนี้เขาก็ยังคงใช้สุราดับทุกข์ระทมของตนเองต่อไป 

 

 

“ท่านแม่ ที่ท่านแม่พูดมาเป้นเรื่องจริงหรือครับ? ที่ว่าประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นเป็นชาวหลัวอวี่?” 

 

 

หลังจากที่หลิวปั๋วได้ยินในสิ่งที่มารดากล่าวว่า เขาก็ผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว 

 

 

“จริงแท้แน่นอน! น้องสาวของเจ้าเคยพบเขาที่หลัวอวี่!” เหวินหลานรีบรับรอง 

 

 

“ปั๋วเอ๋อร์แม่รู้ว่าเจ้าเจ็บปวด หัวใจของแม้ก็เจ็บปวดไม่แพ้เจ้า! ดังนั้นพวกเรายิ่งมิอาจปล่อยให้ประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นตัวการของเรื่องราวทั้งหมดไปได้!” 

 

 

“แม่ไม่มีใครที่พอจะช่วยเหลือแม่ได้อีกแล้ว เจ้าจะสามารถสั่งการคนสกุลหลิวสักสองสามคนมาบ้างได้หรือไม่? ขอเพียงแค่ปรมาจารย์ก็เพียงพอ!” 

 

 

ปรมาจารย์เมื่อไปยังแผ่นดินอู๋โยว ก็สามารถบดขยี้พวกคนชั้นต่ำเหล่านั้นได้อย่าง่ายดาย แม่ไม่มีทางเลือกอีกแล้ว ถึงได้มาหาเจ้า! 

 

 

คำพูดของเหวินหลานทำให้หลิวปั๋วเริ่มหวั่นไหว 

 

 

แม้ว่าคนท่สังหารสุ่ยอวิ๋นเอ๋อร์คือบรรพชนเฒ่าสกุลหลิว แต่หากสืบเสาะไปยังสาเหตุแล้ว ทุกอย่างล้วนแต่เกิดจากประมุขแห่งถ้ำจื่ออวิ๋นทั้งสิ้น 

 

 

‘ไอ้คนบัดซบคนนี้ให้ร้ายเขาจนต้องสูญเสียภรรยาและลูก เขาจะทำให้มันต้องสูญเสียคนรักไปบ้าง’ 

 

 

“ท่านแม่ ในมือข้ายังมีคนอยู่จำนวนหนึ่ง ที่อู๋โยวนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่นับว่าเก่งกาจอะไร แต่หากไปที่หลัวอวี่ละก็ยังจัดว่าไม่เป็นสองรองใครทีเดียว ท่านแม่วางใจเถอะ! เรื่องนี้กระทำอย่างที่ท่านแม่ว่าก็แล้วกัน!”