ส่วนที่ 4 ภาคความปรารถนาจากบูรพา ตอนที่ 52 ข้ามาที่นี่ก็เพื่อเลือดและสุรา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

“ข้ามิเคยพบทหารที่เพียบพร้อมเช่นเขามาก่อนเลย แข็งแกร่งอย่างยิ่ง ทั้งยังสามารถทำให้ทุกคนในกองทัพแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ เฉินโฉว เจ้าเป็นผู้บัญชาการของพวกเขา ย่อมรู้ว่าพวกทหารม้ากลุ่มนี้ตอนแรกนั้นขี้เกียจไร้ค่าเพียงใด”

“ทุกคนยอมรับถึงความสามารถของเขาในการรบ แต่หากพูดว่าเพียบพร้อม… ดื่มสุราทะเลาะกันทุกวันจะเรียกว่าเพียบพร้อมได้อย่างไรกัน เรายังมีวินัยทหารกันอยู่อีกหรือไม่ ข้าเห็นด้วยที่จะมอบความชอบให้เขา แต่ว่าตามระเบียบแล้ว เราก็ต้องลงโทษเขาที่ทำผิดเหมือนกันมิใช่หรือ”

“หากเขาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า หากเขาลากศพพลหมาป่ามาสิบกว่าศพทุกครั้งที่ออกลาดตระเวน อย่าว่าแต่จะดื่มสุราทะเลาะกัน หากไม่ทำเรื่องฆ่าคนวางเพลิง ข้ายอมรับได้ทุกอย่าง ลงโทษ? ข้ายินดีล้างเท้าให้เขาทุกวันด้วยซ้ำ!”

“พวกเจ้าลืมเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งไปแล้วหรือ เขาถูกศาลทหารพิชิตอุดรส่งมา…ข้าได้ยินมาว่า มีแต่ไปล่วงเกินคนระดับสูงถึงจะถูกส่งมายังที่ห่างไกลกันดารเช่นนี้ หากชื่อของเขาไปปรากฏอยู่บนรายงานความดีความชอบ พวกเบื้องบนจะคิดเห็นเช่นไร”

“แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น เราต้องปกปิดผลงานความดีความชอบของเขาเอาไว้หรือ นี่จะทำให้พวกทหารเกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้น!”

“ใครบอกว่าเราจะปกปิดความดีความชอบของเขา เรากำลังปรึกษาว่าจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสมอยู่ไม่ใช่หรือไร”

“ทุกคนหยุดพูดได้แล้ว! ผลงานการทหารก็คือผลงานการทหาร หากต้องลงโทษก็ลงโทษ…สำหรับผลงานของเขาในช่วงหลายวันมานี้ ก็มีโอกาสที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เรื่องที่เขาทำความผิดในช่วงหลายวันมานี้ จะลงโทษตัดหัวก็ไม่ใช่ว่าเกินเลยเช่นกัน ข้าเห็นว่าเมื่อมีความขัดแย้งกันเช่นนี้ ก็ทำการยกย่องให้กับเขาแต่เงินรางวัลนั้นก็ให้ยกเว้นเอาไว้ก่อน”

กระโจมที่คึกคักเงียบลงในทันที ทุกคนหันไปทางแม่ทัพที่อยู่ด้านหน้าสุด ในใจก็อยากจะคัดค้านการตัดสินใจนี้ กระนั้นเมื่อคิดดูให้ดีแล้ว การทำเช่นนี้ก็นับว่าดีที่สุดแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็หันกลับไปมองนายกองที่ชื่อเฉินโฉวอย่างอดไม่ได้ สายตาเต็มไปด้วยความสงสารหรือไม่ก็ยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น

เฉินโฉวรู้สึกโมโหอย่างยิ่ง เขาคว้าหมวกเกราะจากโต๊ะเดินออกจากกระโจมไป

……

……

สาเหตุที่ทำให้เพื่อนร่วมรบของเขารู้สึกสงสารหรือสุขกับเคราะห์ของเขา สาเหตุที่เขาโมโห ก็เป็นเพราะทุกคนเข้าใจลักษณะนิสัยของทหารหนุ่มผู้นี้เป็นอย่างดี เขาต้องโกรธมากอย่างแน่นอนเมื่อได้ยินข่าวนี้ ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครแม้แต่ตัวแม่ทัพเอง ที่สามารถเผชิญหน้ากับความโกรธของเจ้าหนุ่มนั่นได้

“อะไรนะ มีแต่ประกาศเกียรติคุณไม่มีเงินรางวัล”

ที่พักทหารนี้มีผังโครงสร้างที่เรียบง่ายหยาบกระด้าง เขาโมโหอย่างหนัก โชคยังดีที่โต๊ะไม้ตรงกลางที่มีตะเกียงน้ำมันและจอกสุราสิบกว่าจอกนั้นไม่หกคว่ำไป

เฉินโฉวย่อมไม่คิดจะได้เห็นสีหน้าอันดีจากนายทหารหนุ่มผู้นี้หลังจากแจ้งข่าวการตัดสินใจในกระโจมแม่ทัพ แต่เขาก็ไม่คิดว่าคนผู้นี้จะตอบสนองรุนแรงเช่นกัน เขารีบเข้าไปประคองและปลอบใจ “การประกาศเกียรติคุณเป็นเรื่องดี! แม่ทัพเองก็ได้รับการกดดันจากเบื้องบนในการมอบรางวัลแก่เจ้า!”

ด้วยการคว้าจับอย่างแน่นหนานี้บรรดาของบนโต๊ะถึงได้ไม่แตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะความโกรธของนายทหารผู้นี้

ชุดเกราะของนายทหารหนุ่มปกคลุมไปด้วยฝุ่น ดุจกันใบหน้าเขา เมื่อรวมเข้ากับหนวดเคราที่ไม่ได้ตัดเล็มมานานก็ยิ่งดูสกปรกเข้าไปใหญ่

กระนั้นก็ตาม ดวงตาของเขากระจ่างใสล้ำลึก เมื่อเห็นตาของเขาผู้คนถึงจะตระหนักได้ว่าเขาเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีเท่านั้น

ทหารหนุ่มดิ้นหลุดจากมือของเฉินโฉว เดินไปยังโต๊ะและรินสุราลงคอ กล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าปฏิเสธ”

เฉินโฉวเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง “บรรพบุรุษน้อยของข้า คงเป็นเจ้าขาดเงินใช้ล่ะสินะ”

นายทหารหนุ่มกระแทกไหสุราลงกับโต๊ะและกล่าว “ข้าไม่เข้าใจ ทำไม หลังจากข้าทำไปตั้งมากมาย เหตุใดถึงแลกเป็นเงินไม่ได้”

เฉินโฉวมองไปนอกบ้านพักและกล่าว “ครั้งก่อน…เจ้าสังหารนักโทษอย่างโหดเหี้ยมเกินไป”

นายทหารหนุ่มโบกมือ “ข่าวลือนี้มาจากไหนกัน ข้าจะไปทำเรื่องยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้อย่างไรกัน มีแต่ทหารโจวแบบพวกเจ้านั่นแหละที่ชอบทำเรื่องเช่นนั้น”

“ฟังคำพูดคำจาของเจ้าสิ ถึงเจ้าจะเป็นชาวใต้ แต่ตอนนี้พวกเราก็ถือว่าเป็นกองทัพเดียวกัน”

“ก็ได้ ในเมื่อพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมถึงมอบเงินให้ข้าไม่ได้”

“แล้วเจ้าจะเอาเงินไปทำไม”

“ไม่ต้องการเงินแล้วจะให้ต้องการอะไรกัน”

“แม่ทัพบอกว่าหากเจ้ายินดีจะลงทะเบียน ด้วยความเร็วในการสะสมความดีความชอบของเจ้า เจ้าก็จะก้าวล้ำเหนือกว่าทุกคนในชีหลี่ซี แม้แต่…”

เฉินโฉวมองดูเขา ด้วยสีหน้าซับซ้อนและกล่าวต่อ “ในห้าปีเจ้าก็จะได้เป็นขุนพลเทพคนใหม่”

ได้ยินดังนั้น นายทหารหนุ่มก็ตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มและกล่าว “ข้าไม่สนใจเรื่องพวกนั้น”

ในกองทัพต้าโจว หากมีใครได้ยินคำพูดนี้ คงคิดว่าคนพูดนั้นเป็นคนสติวิปลาสอย่างแน่นอน

แต่เฉินโฉวไม่รู้สึกประหลาดใจเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดเช่นนี้

“เจ้านี่เป็นคนแบบไหนกัน” เขาถามนายทหารหนุ่มผู้นั้น

นายทหารหนุ่มตอบ “ข้าเป็นแค่ชายหนุ่มที่รักเงินและโมโหง่ายเท่านั้นเอง”

ในยามที่เขากล่าว ดวงตาก็เยือกเย็นอย่างยิ่ง

ในความเป็นจริง ก่อนหน้านี้ตอนเขาเขย่าโต๊ะและด่าแม่ท่านแม่ทัพนั้น ดวงตาของเขาก็สงบเยือกเย็นไม่มีร่องรอยความโมโหอย่างแท้จริง

เฉินโฉวถอนหายใจกล่าว “ข้าไม่เข้าใจคนทำตัวประหลาดเช่นเจ้าจริงๆ ไยต้องแสร้งทำเป็นคนหยาบช้าด้วย”

ทหารหนุ่มเข้าไปใกล้และถามอย่าจริงจัง “แล้วทำไมข้าจะทำไม่ได้”

เฉินโฉวมองเขาจากหัวจรดเท้าแล้วกล่าว “เสื้อผ้าท่าทางก็ดูคล้ายอยู่ แต่แววตาของเจ้าหาใช่ไม่”

ในตอนนั้นสาเหตุที่เขามองออกว่าทหารหนุ่มผู้นี้มิใช่คนธรรมดา ก็เป็นเพราะดวงตาคู่นี้นั่นเอง

ไม่ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับพลหมาป่านับร้อยหรือยอดฝีมือเผ่ามาร ดวงตาของทหารหนุ่มผู้นี้ก็ยังคงสงบนิ่งอย่างยิ่ง ท่าทางเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวเองอย่างที่สุด จนสามารถส่งต่อความมั่นใจไปถึงคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวทหารหนุ่มผู้นี้เอง หรือทหารม้าลาดตระเวนสี่สิบกว่าคนใต้การนำของเขา หรือแม้แต่หัวหน้าในนามอย่างเขา ขุนพลเฉินโฉว

หลังจากการสนทนานี้ เฉินโฉวก็ยิ่งมั่นใจว่านายทหารหนุ่มผู้นี้นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

มีแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะมีดวงตาเช่นนี้ได้ และมีแต่ผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงเท่านั้นจึงจะดูหมิ่นเรื่องอย่างการได้เป็นขุนพลเทพ

หากเขาไม่ได้ยืนยันเอกสารส่งตัวอย่างแน่ชัดแล้ว เฉินโฉวก็คงไม่กล้าให้นายทหารหนุ่มผู้นี้รั้งอยู่ในหน่วยของเขา แต่จนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุไฉนคนที่แข็งแกร่งเพียงนี้ถึงได้มายังสถานที่ห่างไกลและอันตรายอย่างชีหลี่ซี เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่

คืนนี้ เขาก็ไม่อาจห้ามใจต้องถามออกไปจนได้

ทหารหนุ่มทอดมองออกไปยังพายุหิมะนอกที่พักพลางยิ้มออกมา เขาดูเหมือนจะเหนื่อยล้าทว่าก็สงบนิ่ง ไม่มีความหงุดหงิดฉุนเฉียวให้เห็น

เขาไม่ตอบคำถามของเฉินโฉว แต่กลับพูดอย่างเฉยชาว่า “ดื่ม”

แม้ว่าเฉินโฉวรู้ว่าทหารหนุ่มผู้นี้เป็นคนที่แข็งแกร่ง แม้กระนั้นในค่ายทหารแห่งนี้เขาก็ยังเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาบุกฝ่าหิมะน้ำแข็งร่วมกันมา ต่อสู้อาบเลือดกับเผ่ามารด้วยกัน เขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกโกรธและตะคอกไม่ได้ “เจ้าก็รู้จักแต่ดื่มกับดื่มเท่านั้น! ข้าถามเจ้าอย่างจริงจังอยู่นะ!”

ทหารหนุ่มตะลึงจากนั้นก็หัวเราะออกมา “อ้า ข้าก็ตอบอย่างจริงจังเช่นกัน”

รอยยิ้มของเขาหายไป และมองดูสายลมหิมะนอกหน้าต่าง กล่าวต่อ “ที่นี่สุรารสแรงที่สุด มีเผ่ามารให้ฆ่ามากมายที่สุด ช่วยให้ผู้คนได้สงบจิตใจ”

……