บทที่ 2002 – ภัตตาคารหยกรัญจวน ข้อมูล และการร่วมมือ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

เมื่อชิงสุ่ยกลับมาถึงหอคอยจักรพรรดิมันก็เป็นเวลาเที่ยง ทุกคนเห็นชิงสุ่ยกลับมาแต่หลายคนก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของภัตตาคารหยกรัญจวนก็ไม่ได้บอกใคร ตัวของชิงสุ่ยก็ไม่ได้บอกใครเพราะไม่อยากให้คนอื่นเป็นกังวล
  ดังนั้น มันจึงเป็นธรรมดาที่คนอื่นๆจะไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้น สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือข่าวใหญ่ในเมืองฉาง – พระราชวังหอรักษาสวรรค์ได้ถูกลบหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์แล้ว
  ข่าวลือภายนอกพูดคุยกันหนาหูว่าพระราชวังหอรักษาสวรรค์เผชิญหน้ากับความล่มสลายแต่ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ทำ คงจะมีเพียงระดับตระกูลฉางและตระกูลหลางเท่านั้นที่รู้ว่าพระราชวังหอรักษาสวรรค์ถูกกำจัดไปเพราะเรื่องอะไร ยิ่งไปกว่านั้น คนที่รู้มากที่สุดและคนที่รู้ดีที่สุดคงไม่ใช่ใครอื่นไกลเลยนอกจาก
  เจ้าของภัตตาคารหยกรัญจวน
  ไม่นานหลังจากที่หญิงสาวคนนั้นเห็นชิงสุ่ยกลับมา ดวงตาของเธอก็เป็นประกายด้วยความแปลกประหลาด และยิ้มราวกับว่าเธอกำลังโล่งใจที่เห็นเขากลับมา เธอรีบตรงไปทักทายชิงสุ่ย “ท่านกลับมาแล้ว!!”
  ชิงสุ่ยก็ค่อนข้างสบายใจเมื่อรู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา เขาจึงยิ้มแล้วเดินตรงเข้าไปหา “ครั้งนี้ข้าคงต้องขอบคุณท่าน”
  “คุณชายชิงพิธีรีตองมากเกินไปแล้ว ตอนที่หอคอยจักรพรรดิเปิดเป็นครั้งแรก ข้าโชคดีได้ลิ้มลองรสชาติอาหาร และหลงใหลในรสชาติอาหารของท่านมาก เมื่อไหร่ที่หอคอยจักรพรรดิจะกลับมาเปิดขายมันอีก? ข้าพอจะขอซื้อพวกมันได้หรือไม่?”หญิงสาวผู้นั้นถามอย่างมีความสุข
  ชิงสุ่ยยิ้ม เขารู้ดีว่าเธอสนใจในรสชาติอาหารเหล่านั้น เขาจึงยิ้มและตอบกลับว่า “ตอนนี้ข้าเองก็ไม่รู้จะเปิดขายเมื่อไหร่ มันก็ขึ้นอยู่กับเครื่องเทศบางอย่าง ซึ่งข้าบอกได้เลยว่าเครื่องเทศและเครื่องปรุงทั้งหมดเติบโตมาในสถานที่พิเศษที่หาเจอไม่ง่ายเลย ข้าสามารถมอบเงินให้กับท่านได้ ถ้าหากท่านจะไปใช้ส่วนตัว ท่านก็จะมีมันใช้ไปอีกนาน อย่างน้อยก็ 8 ถึง 10 ปี”
  ชิงสุ่ยมีเครื่องปรุงและเครื่องเทศสะสมอยู่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเป็นจำนวนมาก เขาไม่ต้องการที่จะขาย และเขาจะมอบให้กับบรรดาเพื่อนและครอบครัวของเขาเท่านั้น ที่สำคัญเครื่องเทศทั้งหมดเติบโตอย่างไร้ขีดจํากัด จึงไม่ต้องกังวลเลยว่ามันจะมีวันหมด
  “คุณชายชิง ข้ามีข้อแนะนำเสนอ ไม่ทราบว่าท่านอยากจะได้ยินข้อเสนอเหล่านี้หรือไม่?”หญิงสาวผู้นั้นยิ้มและกล่าวถาม
  “โอ้? ในความเป็นไปได้ ดูเหมือนข้อเสนอนี้คงจะเป็นข้อเสนอที่ท่านเชิญชวนให้พวกเราเปิดภัตตาคารร่วมกันใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มตอบ  “เอ๊ะ? ท่านรู้ได้อย่างไร”หญิงสาวผู้นั้นเขินอายเล็กน้อย
  เมื่อชิงสุ่ยเห็นสีหน้าประหลาดใจของเธอ เขามีความสุขเล็กน้อย หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขางดงามแม้จะไม่ได้มีเสน่ห์มาก แต่ก็ทำให้อากาศโดยรอบชุ่มชื้นบริสุทธิ์
  ผิวสีขาวหมดหิมะ เรียบเนียนดุจหยก ร่างกายที่ดูผอมเพียว หน้าอกโค้งมน ยิ่งทำให้เธอมีเสน่ห์
  ผนวกกับ อารมณ์ที่เธอพยายามสื่อ ความเย่อหยิ่งที่ผสมของความอ่อนแอยิ่งดึงดูด
  “ข้าว่ามันก็ทำได้ แต่มันก็มีบางสิ่งบางอย่างที่ข้าอยากรู้ แต่ข้าก็ไม่แน่ใจถ้าหากข้าถามมันออกไป”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความลังเล
  หญิงสาวตกตะลึงชั่วครู่หนึ่ง จากสีหน้าการแสดงออกของชิงสุ่ย มันทำให้เธอยิ้มและกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ถามมาได้เลย”
  “ถ้าเช่นนั้น เราไปนั่งคุยกันดีกว่า”ชิงสุ่ยชี้นิ้วไปยังศาลาที่อยู่ไม่ไกล
  ทั้งสองคนเดินตรงไปนั่งในศาลา ชิงสุ่ยแนะนำน้ำชาส่วนตัวออกมา มันคือต้นชาที่ปลูกในดินแดนยกยุพราชอมตะ แน่นอนว่ารสชาติของมันคงไม่เป็นข้อสงสัย สำหรับผู้ที่ดื่มชา มันถือว่าเป็นสุดยอดต้นชา แต่สำหรับคนที่ไม่รู้วิธีการดื่ม มันจะให้ความรู้สึกสดชื่นทันที ฉะนั้น ทุกคนจะต้องชื่นชอบต้นชานี้ไปโดยปริยาย
  หญิงสาวตกหลุมรักหลังจากได้จิบชา เธอชิมชาพลางจ้องมองพลาง ชายคนนี้เต็มไปด้วยความประหลาดไม่เพียงแต่ เขาจะมีทักษะการรักษาที่สูงส่ง เขายังครอบครองพลังมหาศาลที่สามารถโค่นล้มพระราชวังหอรักษาสวรรค์ได้ด้วยตัวคนเดียว พระราชวังหอรักษาสวรรค์ที่เคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ล่มสลายภายในครึ่งวัน
  เขายังมีสูตรการทำอาหารและน้ำชาที่รสชาติน่าตื่นตาตื่นใจ เธอได้แต่สงสัยว่าเขามีความรู้อะไรอีกบ้าง? ตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้คือใครกันแน่? จุดประสงค์ที่เขามาเมืองใหญ่แบบนี้เพื่ออะไร? จุดประสงค์หลักที่แท้จริงของเขาคงไม่ใช่การจัดตั้งสถานพยาบาล เพราะท้ายที่สุดแล้วหากนับจากพลังที่เขาครอบครอง เขาถือว่าเป็นหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่แห่งเมืองฉาง และดูจะไม่ใช่คนที่ขาดแคลนเงินทอง และไม่มีสิ่งใดในเมืองแห่งนี้ดึงดูดจิตใจของเขา แล้วเหตุผลที่แท้จริงมันคืออะไร?
  “แม่นาง ภัตตาคารหยกรัญจวนของท่านน่าจะเป็นขุมกำลังที่เก่งกาจด้านการรวบรวมข้อมูล หรือเป็นแหล่งข่าวสารที่กว้างขวางใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยกล่าวถาม
  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องถาม และท่านก็น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว”หญิงสาวผู้นั้นไม่รู้สึกแปลกใจเลย
  “พวกเราร่วมมือกันจัดตั้งภัตตาคาร ดีหรือไม่?”ชิงสุ่ยยิ้มขณะกล่าวถาม
  แม้ว่าเธอเองก็ยังไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไร แต่ที่เธอรับรู้คือความทะเยอทะยาน และการแสวงหาโอกาส เพียงแค่นึกถึงเธอก็รู้สึกดีใจมาก แต่เธอก็พยายามไม่แสดงสีหน้าใดๆออกมา
  “ถ้าเช่นนั้น คุณชายชิงอยากจะให้พวกเราได้ร่วมงานทำสิ่งใดอีกบ้าง?”หญิงสาวจ้องมองชิงสุย
  “เห้อ ข้าเองก็ไม่ได้กลัวที่จะเผยจุดประสงค์ที่แท้จริงให้ท่านรู้ แต่เป้าหมายของข้าตอนนี้ไม่ใช่ที่แห่งนี้ เป้าหมายของข้าอยู่ที่โลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง เพียงแต่ข้าไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ท่านเองเคยคิดอยากจะเข้าไปในโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงหรือไม่?”ชิงสุ่ยไม่ปิดซ่อนอะไรทั้งสิ้น เพราะมันก็ไม่ใช่ความลับอะไร
  “ข้ารู้เรื่องเกี่ยวกับโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริงเพียงเล็กน้อย และข้าเองก็ปรารถนาอยากให้ภัตตาคารหยกรัญจวนได้ขยายขาเข้าไปในโลกเก้ามหาทวีปที่แท้จริง จริงสิ เครือข่ายข่าวกรองของข้ายังไม่มีผู้สนับสนุนฉะนั้นตอนนี้พวกเราก็ยังคงอยู่กันในรูปแบบอิสระไม่ขึ้นตรงต่อใคร”หญิงสาวกระพริบตาและจ้องมองชิงซานด้วยรอยยิ้ม
  หัวใจของชิงสุ่ยสั่นระรั่วจนอยากจะเข้าไปโอบกอดเธอ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยความมีเสน่ห์ยั่วยวน แทรกไปด้วยความเย่อหยิ่งเย็นชา ยิ่งการแสดงออกของเธอ มันเหมือนกำลังวางเหยื่อเพื่อทำให้เขาติดกับดัก
  ชิงสุ่ยยิ้มให้กับเธออย่างเชื่องช้าก่อนจะฟื้นกลับคืนสู่สภาพเดิม ซึ่งเธอเองก็ยังคงยิ้มตอบกลับมา แต่การแสดงออกในช่วงสั้นๆของชิงสุ่ยมันดูน่ากลัวเล็กน้อยและทำให้เธอมองเห็นความโลภที่ชิงสุ่ยมีต่อเธอ เพียงแต่ความโลภอาจจะดูไม่ชัดเจนสิ่งที่ชัดเจนกว่าคือความชื่นชมและความชอบที่ซ่อนอยู่ในสายตาของเขา
  เธอไม่ได้รู้สึกรังเกียจ อันที่จริงเธอเองก็รู้สึกดีด้วยซ้ำ เพราะความรู้สึกของเธอตอนนี้มันต่างจากตอนแรก
  “ยอดเยี่ยมไปเลย ไม่ทราบว่าแม่นางยินดีที่จะร่วมมือกับข้าหรือไม่”ชิงสุ่ยกล่าวถามอย่างฉับพลัน
  “ท่านจะไม่รอหน่อยเหรอ? ท่านถามเข้าประเด็นเร็วยิ่งนัก ตอนนี้ข้าสงสัยเหลือเกินว่าท่านกำลังคาดหวังให้ค่าตอบกลับว่าอย่างไร? ถ้าหากข้าขอเวลาท่าน 3 วันเพื่อพิจารณา ท่านจะโกรธหรือไม่?”หญิงสาวยิ้มและกล่าวถาม
  “แน่นอนว่าไม่”ชิงสุ่ยรู้ดีว่าเธอจะต้องตอบเห็นด้วย
  “ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าก็ขอแนะนำตัว ข้ามีชื่อว่าอวี้ซี่หยวน”เธอยื่นมือที่แขนอ่อนโยนออกมาขณะแนะนำตัว
  ชิงสุ่ยยื่นมือออกไปจากมือของเธอ “ข้าชิงสุ่ย!!”
  “แม่นางอวี้ ข้าอยากรู้เหลือเกิน ตอนนี้คงจะมีขุมกำลังบางขุมกำลังอยากจะทำงานร่วมกับท่านใช่หรือไม่”ชิงสุ่ยถาม
  “เรียกข้าว่าซีหยวนก็พอ ท่านเชื่อหรือไม่ว่าข้าไม่สนใจกองกำลังทั้งหมดในเมืองฉางเลย และไม่เคยปรารถนาคิดจะทำงานร่วมกับพวกเขา”
  “ข้าเชื่อ เพียงแค่มองแววตาของท่าน ข้าก็รู้เลยว่าท่านเป็นคนพิถีพิถันไม่ทันมากเพียงใด”ชิงสุ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
  “ข้ารู้สึกเหมือนกำลังออกเดินทางไปบนเรือโจรสลัด”อวี้ซีหยวนจ้องมองชิงสุ่ยด้วยความพึงพอใจขณะเดียวกันเธอก็ยิ้มและคิดในใจว่า “ชายคนนี้ก็มีอารมณ์ขันด้วย”