ตอนที่ 1049

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หนึ่งวันผ่านไปและวันนี้เป็นวันที่หลิงฮันกับหวูซื่อเหรินต่อสู้กัน

การต่อสู้ครั้งนี้จะจัดขึ้นที่สังเวียนเหล็ก ดังนั้นการที่ขึ้นมาต่อสู้ในสังเวียนนี้หมายถึงการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต ไม่มีใครต้องแสดงความเมตตาและไม่มีใครต้องแบกรับความรับผิดชอบหลังจากที่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้

ในวันนี้มีผู้คนจำนวนมากแห่กันมาที่สังเวียนเหล็ก ถึงขั้นที่นั่งไม่เพียงพอต่อจำนวนคนที่มาดูการต่อสู้

แต่เดิมสังเวียนเหล็กนั้นไม่มีบัตรเข้าชม แต่ใครขอให้การต่อสู้ครั้งนี้น่าสนใจกันล่ะ ถึงแม้จะมีคนขายบัตรเข้าชมห้าสิบผลึกก่อเกิดก็ยังมีผู้คนจำนวนมากแย่งกันซื้อ

สุ่ยเยี่ยนยวี่เดินทางมาพร้อมกับหลิงฮัน เมื่อทั้งสองคนเข้าไปในสังเวียนเหล็ก ช่วยไม่ได้ที่นางจะตื่นตระหนก ทำไมถึงมีคนดูมากมายขนาดนี้?

แต่โชคดีที่หลิงฮันเป็นคนที่ขึ้นต่อสู้ ทางสังเวียนเหล็กกำลังรอเขาอยู่และจัดช่องทางพิเศษให้เขาเพื่อที่ทั้งสองคนจะได้เข้าไปด้านในได้อย่างราบรื่น

หลิงฮันยังเหลือเวลาพักผ่อนอีกเล็กน้อย ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเริ่มการต่อสู้

“เจ้าว่าหวูซื่อเหรินเป็นนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากสมาคมราตรีนิรันดร์หรือไม่?” สุ่ยเยี่ยนยวี่เพิ่งได้ยินเรื่องนี้จากหลิงฮัน

หลิงฮันพยักหน้า “มีโอกาสเป็นเช่นนั้นเกินครึ่ง”

สุ่ยเยี่ยนยวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดว่า “สมาคมราตรีนิรันดร์ส่งกลุ่มคนสังหารเจ้าสองกลุ่มและนักฆ่าสามคนเพื่อฆ่าเจ้า แต่โจวเกาหยางและหยินหยวนเซียงฆ่าเจ้าไม่สำเร็จ ซึ่งพวกเขาต่างก็เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงด้วยกันทั้งคู่”

“ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า แต่ตอนนี้สมาคมราตรีนิรันดร์น่าจะประเมินความสามารถของเจ้าเอาไว้สูงมาก และส่งหวูซื่อเหรินมาต่อสู้กับเจ้า ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องเหนือกว่าโจวเกาหยางและหยินหยวนเซียงอย่างแน่นอน!”

การวิเคราะห์ของนางนั้นมีเหตุผลมาก สมาคมราตรีนิรันดร์คือสมาคมนักฆ่าไม่ใช่สมาคมคนโง่ ในเมื่อพวกมันทราบความแข็งแกร่งของหลิงฮันแล้วจะส่งคนมาให้หลิงฮันฆ่าเล่นได้อย่างไร?

หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าเองก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันเชียว”

“นี่เจ้ารู้สึกสงสัยมากกว่าความปลอดภัยของตัวเองงั้นรึ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้สึกโกรธ ชายคนนี้ไม่รู้เลยหรือไงว่านางเป็นห่วงเขาแค่ไหน?

“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว” หลิงฮันโอบกอดสุ่ยเยี่ยนยวี่อย่างอ่อนโยน ซึ่งหาได้ยากมากที่เขาจะกอดนางอย่างเดียวไม่ทำอะไรอย่างอื่น

เมื่อเห็นเช่นนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจอย่างไร้หนทางและพูดกับหลิงฮันว่า “ยังไงก็ตาม เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก!”

“อืม!” หลิงฮันกล่าว จากนั้นท่าทีของเขาก็กลายเป็นผ่อนคลายและพูดว่า “เจ้ากลับบ้านไปอาบน้ำล้างตัวรอสามีของเจ้าได้เลย!”

แต่ครั้งนี้สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่รู้สึกโกรธ นางซบแขนของหลิงฮันและพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าใครในรุ่นเดียวกัน แต่โลกใบนี้นั้นกว้างใหญ่ ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อถ้าเจ้าไม่ระมัดระวังตัว…”

“อืม” หลิงฮันตบไหล่ของนางอย่างอ่อนโยน

“เจ้าโง่หลิง เจ้ามั่วทำอะไรอยู่ – หืม!” หลี่เหว่ยเหว่ยที่วิ่งเข้ามา ทันใดนั้นนางก็เห็นฉากที่ไม่ควรดูและรีบใช้มือปิดตาทันที แล้วพูดว่า “นี่เจ้ากำลังทำให้ข้าเป็นตากุ้งยิง!”

“เป็นตากุ้งยิงอะไร? ไร้สาระ!” หลิงฮันยิ้มและพูดกระซิบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ว่า “ข้าคงต้องไปแล้ว”

“ข้าจะรอเจ้า” สุ่ยยี่ยนยวี่พูดด้วยความเป็นห่วง

หลิงฮันพยักหน้าและเดินจากไป

“พี่สาวสุ่ย พี่ชอบเจ้าโง่หลิงนี่จริงหรือ?” หลี่เหว่ยเหว่ยรีบวิ่งเข้ามาถาม

ถึงแม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะเขินอาย แต่นางก็พยักหน้า

หลี่เหว่ยเหว่ยดูตกใจเล็กน้อย นางไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ตัวเองทำลงไปจะทำให้หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้กันจริง แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “แต่เจ้าโง่หลิงเป็นแค่จักรพรรดิจากโลกใบเล็ก ถึงจะฟังดูดี นางเขาเป็นคนที่ไม่มีภูมิหลังอะไรเลย แล้วตระกูลของพี่สาวสุ่ยจะเห็นด้วยหรือ?”

ถึงกระนั้นสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็ยังคงพยักหน้า พรสวรรค์ของหลิงฮันนั้นไม่มีใครสามารถอธิบายได้ ในอนาคตเขาจะต้องกลายเป็นคนที่ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน แต่คำถามคือตระกูลสุ่ยจะรอได้นานแค่ไหน? ต้องทราบก่อนว่า จ้าวหลุนยังไม่ตัดใจจากนาง เมื่อใดที่เขาหมดความอดทน ตระกูลสุ่ยของนางจะมีทางเลือกอะไรบ้าง?

“ทุกอย่างมันต้องค่อยเป็นค่อยไป” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างไร้หนทาง

หลี่เหว่ยเหว่ยดึงนางขึ้นมาแล้วพูดว่า “พวกเราเองก็ไปดูการต่อสู้ของเจ้าโง่หลิงกับหวูซื่อเหรินกันเถอะ”

หญิงสาวทั้งสองคนเดินจากไป ซึ่งแน่นอนว่าพวกนางไม่ได้ไปกับหลิงฮัน แต่ไปที่นั่งพิเศษที่สนามประลองเหล็กโลหิตจัดเตรียมไว้ให้

แต่ที่นั่งแขกพิเศษก็มีผู้คนจำนวนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว

จ้าวหลุน ซาหยวน!

“เยี่ยนยวี่ ข้าไม่เห็นเจ้าตั้งนาน” จ้าวหลุนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้า แล้วด้วยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา ทำให้เขาดูสูงส่งมากขึ้นไปอีกเหมือนพระเจ้าที่แท้จริงที่ทุกคนต้องบูชาเขา

สุ่ยเยี่ยนยวี่เผยสีหน้ารังเกียจ แต่ก็ยังพยายามทำตัวเป็นปกติและพูดว่า “ข้าเองก็เหมือนกัน นายน้อยจ้าว!”

จ้าวหลุนเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านแม่ทัพจ้าว ทั้งยังทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีชื่อสลักอยู่ในธงจักรวรรดิ ดังนั้นคนธรรมดาทุกคนจะต้องคำนับเขาเมื่อพบเขา นี่คือกฎ

จ้าวหลุนรู้สึกหงุดหงิด เมื่อเห็นสุ่ยเยี่ยนยวี่ทำตัวสุภาพ มันก็เหมือนเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่เขาก็ระงับความไม่พอใจเอาไว้และพูดว่า “เยี่ยนยวี่ การต่อสู้ในวันนี้เจ้าคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะ?”

ก่อนที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะตอบ เขาก็พูดต่อว่า “ข้าคิดว่าหวูซื่อเหรินจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอน และข้าพนันได้เลยว่าหลิงฮันจะต้องถูกฆ่าภายในสิบกระบวนท่า!”

“จ้าวหลุน นี่เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเลยรึ?” ซาหยวนหัวเราะ

“แน่นอน หลิงฮันเป็นแค่มดปลวกจากโลกใบเล็ก ไม่มีทางที่เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของหวูซื่อเหรินได้” จ้าวหลุนกล่าว

เมื่อเขาพูด ผู้คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็เผยรอยยิ้มแปลกๆออกมาให้เห็น

“จ้าวหลุน นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าเจ้าถูกหลิงฮันทุบตีเมื่อครึ่งปีที่ก่อน หรือเป็นเพราะเจ้าถูกตบจนสมองเสื่อมเลยหลงลืมว่าใครเป็นคนทุบตีเจ้า?” หลี่เหว่ยเหว่ยเป็นคนไร้ความปราณี มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าพูดจาเยาะเย้ยต่อหน้าจ้าวหลุน ซึ่งนางก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น

จ้าวหลุนกำหมัดแน่นและขมวดคิ้ว แล้วปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าเกรงขามของจอมยุทธระดับสุริยันจันทราออกมา ซึ่งเพียงพอที่จะสังหารจอมยุทธระดับภูผาวารี

“ฮ่าฮ่าฮ่า นั่นเป็นเพราะพี่ชายหลุนถูกปิดผนึกพลังที่แท้จริงเอาไว้ มันเป็นการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม!” หยังลั่วตันกล่าว “พวกเราทุกคนต่างก็เป็นรุ่นเยาว์กันทั้งนั้น แต่เจ้ามดปลวกที่มาจากโลกใบเล็กมีระดับบ่มเพาะพลังที่ต่ำเกินไป ดังนั้นพี่ชายหลุนจึงต้องลดตัวไปสู้ด้วย แล้วมันจะเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรมได้อย่างไร? ในเมื่อมันไม่ใช่พลังที่แท้จริงของพี่ชายหลุน”

“ถ้ามดปลวกนั่นในระดับเดียวกันกับพี่ชายหลุนของข้า เขาต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”

“ยิ่งไปกว่านั้น  ตอนนี้พี่ชายหลุนได้ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราแล้ว และยังทะลวงผ่านก่อนอายุหนึ่งพันปีอีกด้วย ซึ่งหาได้ยากในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ และเขายังเป็นคนแรกในรอบหนึ่งแสนปี!”