ตอนที่ 1772 ข่าวร้าย

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

“มนุษย์ เจ้าอยากพบข้ารึ?”

เบื้องหน้าของเขาตอนนี้มีเสือร่างใหญ่สูงเกือบเท่าตัวคนยืนอยู่ มันพูดในภาษามนุษย์สายตาจ้องมองมายังเย่หยวนด้วยคลื่นพลังที่แสนรุนแรง

ตุบ!

เย่หยวนไม่คิดที่จะกลัวใดๆ เขายื่นมือโยนออกมา ส่งร่างของเฮ่อตงไปให้แก่ราชันพยัคฆ์สวรรค์

“นี่คือคนร้ายที่ทำร้ายหู่ชิงของท่าน! ข้าช่วยท่านรักษาหู่ชิงได้แต่ข้าต้องขอพบอิ้งหมัวหู่ก่อน” เย่หยวนบอก

นั่นทำให้ราชันพยัคฆ์สวรรค์ต้องหรี่ตาลงมองด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เด็กน้อย เจ้าคิดจะมาต่อรองกับข้าหรือ? เจ้าคิดว่าเจ้ามีปัญญาที่จะมาต่อรองต่อหน้าข้าหรือ?”

เย่หยวนหันไปมองเขาด้วยท่าทางสงบนิ่ง “ข้าไม่ได้มาเพื่อต่อรอง ข้ามาเพื่อให้โอกาสท่าน หวังว่าอิ้งหมัวหู่จะยังปลอดภัย ไม่เช่นนั้น… เขาพยัคฆ์สวรรค์ทั้งลูกจะถูกกลบฝังเพราะความโง่เง่าของท่าน!”

ตอนนั้นมีสัตว์อสูรระดับห้าขั้นปลายอยู่ข้างกายราชันพยัคฆ์สวรรค์ถึงเจ็ดแปดตัว

ในเขาพยัคฆ์สวรรค์นี้มันมีสัตว์อสูรระดับห้าอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

เมื่อเหล่าสัตว์อสูรได้ยินคำพูดของเย่หยวน พวกมันก็แต่ได้หันไปมองหน้ากันด้วยท่าทางแสนขบขัน

เด็กมนุษย์กลับกล้าที่จะมาข่มขู่ราชันพยัคฆ์สวรรค์?

ไอ้เด็กคนนี้สมองมันคงเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

“ฮ่าๆๆ! ข้าราชันพยัคฆ์สวรรค์ปกครองเขาพยัคฆ์สวรรค์มานานหลายหมื่นปี แม้แต่เจ้าเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสข้ายังเคยสังหารมาก่อนคนหนึ่ง แต่มันยังไม่เคยมีใครเลยที่กล้าพูดจาเช่นนี้ต่อหน้าข้ามาก่อน! เจ้าเด็กคนนี้มันช่างกล้ามากเสียจริงๆ”

ราชันพยัคฆ์สวรรค์หัวเราะลั่นฟ้า ดูท่าแล้วคำพูดของเย่หยวนนั้นมันคงเป็นอะไรไปไม่ได้มากกว่ามุกตลก

หากเย่หยวนไม่พูดว่าจะรักษาหู่ชิง เขาคงถูกตบจนตายไปด้วยฝ่ามือเดียวแล้ว

แต่เย่หยวนก็ยังมีใบหน้าที่จริงจัง “อิ้งหมัวหู่เป็นอย่างไรบ้าง?”

ราชันพยัคฆ์สวรรค์ยกขาหน้าขึ้นมาโบกปัด “ไม่ต้องกังวลไป ตอนนี้เขาถูกข้าคุมขังไว้และบาดเจ็บเพียงไม่มาก ไม่เป็นไรหรอก เจ้าแค่รักษาหู่ชิงให้หายก่อนแล้วข้าพร้อมจะปล่อยตัวเขาทันที!”

ได้ยินเช่นนั้นเย่หยวนก็สบายใจขึ้นมาอย่างมาก “ตราบเท่าที่อิ้งหมัวหู่ยังไม่ตาย เรื่องราวใดๆ มันก็ล้วนย่อมคุยตกลงกันได้ นำทางไป!”

ด้วยการนำทางของราชันพยัคฆ์สวรรค์ เย่หยวนก็เดินมาจนถึงถ้ำหนึ่ง

ในนั้นมีเตียงหินอย่างง่ายตั้งอยู่พร้อมเสือสีจัดที่นอนอยู่บนนั้น กำลังนอนหายใจรวยรินอย่างมาก

ราชันพยัคฆ์สวรรค์พูดขึ้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด “เด็กน้อย อย่าได้คิดเล่นตุกติกกับข้า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้ตายดี”

เพราะจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้หวังกับเย่หยวนมากมาย

ยังไงเสียเย่หยวนก็เป็นแค่ราชันพระเจ้าคนหนึ่ง

นักบวชชั้นสูงของเมืองจักรพรรดิพยัคฆ์ใสล้วนแล้วแต่มาดูอาการแต่สุดท้ายพวกเขาทั้งหลายก็ยอมแพ้ต่อสภาพนี้และบอกเขาแค่ว่าให้รอเก็บศพไป

เขานั้นรักลูกอย่างมาก เมื่อเย่หยวนบอกว่าทำได้ เขาก็ได้แต่ต้องให้เย่หยวนลองทำ

เย่หยวนไม่คิดที่จะสนใจราชันพยัคฆ์สวรรค์และมุ่งหน้าเข้าไปยังขอบเตียงหินก่อนจะกดมือลงบนร่างของหู่ชิง และค่อยๆ ปล่อยปราณเทวะอันเข้มข้นเข้าไปในร่างของหู่ชิง

เย่หยวนขมวดคิ้วแน่นขึ้นและแน่นขึ้น ตอนนี้ความเกลียดชังที่มีต่อเฮ่อตงมันยิ่งเพิ่มทวี

เจ้าหมอนี่มันโจมตีได้อย่างชั่วร้ายจริงๆ!

เพราะตอนนี้เครื่องในของหู่ชิงนั้นถูกทุบทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี พลังชีวิตของร่างกายนี้มันแทบจะสูญสิ้นไปแล้ว

ต่อให้ใช้โอสถใด มันก็ไม่มีทางที่จะรักษาหู่ชิงได้เลย

ไม่แปลกใจที่นักบวชห้าดาวเหล่านั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้

สถานการณ์เช่นนี้ กับคนธรรมดาๆ แล้วมันคงได้แต่รอให้ความตายมาเยือน

ราชันพยัคฆ์สวรรค์ถามขึ้นมาอย่างกังวล “เป็นเช่นไรบ้าง? มัน… พอมีความหวังไหม?”

เย่หยวนพยักหน้า “เจ้าหมอนี่เองก็ถึกใช่ย่อย ถึงขั้นอดทนมาได้จนป่านนี้ ท่านวางใจ ตราบเท่าที่เขายังไม่ตายข้าย่อมหาทางรักษาเขาได้!”

ได้ยินคำของเย่หยวนราชันพยัคฆ์สวรรค์ก็รู้สึกสบายขึ้นมาในจิตใจ

เย่หยวนหยิบเม็ดโอสถสีม่วงดำออกมาถือไว้ด้วยฝ่ามือ ตอนนี้โอสถเม็ดนั้นกำลังลอยอยู่เหนือร่างของหู่ชิงพอดิบพอดี

เย่หยวนปล่อยปราณเทวะออกมาเป็นเส้นยาว นำพาโอสถสีม่วงดำนี้ค่อยๆ เข้าไปสู่ร่างของหู่ชิง

เมื่อราชันพยัคฆ์สวรรค์ได้เห็นเช่นนั้นเขาก็ได้แต่เบิกตามองกว้าง “เด็กคนนี้มันช่างมีการควบคุมที่ยอดเยี่ยม!”

ราชันพยัคฆ์สวรรค์นั้นมีพลังมากแค่ไหน? เขากล่าวเช่นนี้ออกมาเย่หยวนจะต้องมีพลังการควบคุมปราณที่เหลือล้ำมากอย่างไม่ต้องสงสัย

อย่าว่าแต่เขา แม้แต่เหล่านักบวชชั้นสูงในวิหารนักบวชก็ไม่มีปัญญาที่จะทำตามแบบเย่หยวนได้

หู่ชิงนั้นอยู่มาโดยอาการกึ่งเป็นกึ่งตาย ไม่มีพลังใดๆ ที่จะหลอมดูดซับโอสถด้วยตัวเองได้อย่างเด็ดขาด

หากเขายังพอมีแรงดูดซับโอสถ นักบวชห้าดาวก็คงไม่คิดที่จะถอดใจ

เพราะอย่างน้อยๆ มันก็ยังพอที่จะยื้อชีวิตเขาต่อไปได้

เดิมทีที่นักบวชชั้นสูงบอกว่าหู่ชิงไม่มีโอกาสรอดแล้วนั้นมันเป็นเพราะว่าไม่มีใครที่สามารถจะควบคุมปราณได้อย่างละเอียดพอที่จะแทรกมันเข้าไปในร่างของหู่ชิงตรงๆ

แม้แต่เจ้าวิหารจินหัวก็ไม่มีปัญญาจะทำ!

ตอนนี้มันกลับมีนักยุทธระดับสี่ลุกขึ้นมาทำได้เสียอย่างนั้น!

“เด็กคนนี้มันมีความสามารถจริง! การควบคุมปราณเทวะของมันนั้นช่างเหนือล้ำกว่าสิ่งใดๆ ที่เคยมีมา” เสือดำในตอนแรกกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ

ราชันพยัคฆ์สวรรค์เองก็ตอบกลับมาอย่างตื่นเต้น “ฮ่าๆ สวรรค์มีตาจริงๆ พวกเขาไม่อยากเห็นลูกข้าตาย!”

เสือดำตัวนั้นบอกมาด้วยท่าทางกังวล “นายท่าน เรื่องเด็กอิ้งหมัวหู่คนนั้นเรา…”

ราชันพยัคฆ์สวรรค์ทำหน้าเข้มขึ้นมาทันที สองตาจ้องมองมาอย่างไม่ขยับ “รอให้เขารักษาเสร็จค่อยพูดกัน! มาพูดตอนนี้เจ้าคิดอยากตายหรือ?”

เสือดำนั้นสะดุ้งตัวและรีบถอยหลังกลับไปทันที ไม่กล้าที่จะพูดใดๆ ขึ้นมาอีก

การรักษาของเย่หยวนนั้นกินเวลาไปถึงสามวันสามคืน

ภายใต้สายตาอันตื่นตะลึงของทุกผู้คน ตอนนี้อาการลมหายใจของหู่ชิงจากที่อ่อนแอสุดจะหยั่งมันเริ่มกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง

แม้ว่าการรักษาจะเป็นไปอย่างช้าเชื่อง แต่คนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ย่อมสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในลมหายใจของหู่ชิง

รอยยิ้มค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าดุร้ายของราชันพยัคฆ์สวรรค์

แต่จู่ๆ มือของเย่หยวนก็ดึงกลับมา หยุดการรักษาลงอย่างกะทันหัน

ราชันพยัคฆ์สวรรค์ถามขึ้นมา “เด็กน้อย เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”

เย่หยวนค่อยๆ ลุกและเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก

การรักษาเช่นนี้มันเป็นการรักษาที่กินแรงและเวลามาก ถึงจะเป็นเย่หยวนก็ยังต้องรู้สึกเหนื่อยหลังต้องรักษาติดต่อกันมาถึงสามวันสามคืน

แต่เหตุผลที่เขาหยุดนั้นมันไม่ใช่เพราะว่าเขาเหนื่อย

เย่หยวนหันไปมองราชันพยัคฆ์สวรรค์ “สภาพของหู่ชิงในตอนนี้คงอยู่ได้อีกหลายเดือนอย่างไม่ยากเย็น ข้าจะรักษาเขาต่อให้ก็ได้ แต่ท่านต้องให้ข้าพบอิ้งหมัวหู่ก่อน!”

เหตุผลที่เขารักษาหู่ชิงแต่เดิมทีนั้นมันก็เพื่อจะแสดงว่าเขานั้นมีฝีมือพอที่จะรักษาจริงๆ

แต่เป้าหมายสุดท้ายของเขาก็ยังเป็นอิ้งหมัวหู่

ไม่ได้เจออิ้งหมัวหู่ ย่อมไม่คิดที่รักษาใดๆ ต่อ

เรื่องที่ราชันพยัคฆ์สวรรค์ทำ เย่หยวนย่อมสงสัยมันอยู่ในใจ

คำพูดของราชันพยัคฆ์สวรรค์นั้นมันไม่มีทางเลยที่เขาจะเชื่อได้สนิทใจ

ราชันพยัคฆ์สวรรค์หน้าถอดสีและบอก “ราชันผู้นี้บอกแล้วว่าตราบเท่าที่เจ้ารักษาหู่ชิงข้าย่อมปล่อยเขาแน่นอน”

เย่หยวนส่ายหัว “ข้าอยากพบอิ้งหมัวหู่ก่อน!”

นั่นทำให้ราชันพยัคฆ์สวรรค์ทำหน้าตาหนักใจออกมาอย่างถึงที่สุดก่อนจะหันหน้าไปหาเจ้าเสือดำ

เย่หยวนหน้าเสียทันที รู้สึกว่ามันมีลางร้ายเกิดขึ้นตรงหน้าและถามออกมาอีกครั้ง “อิ้งหมัวหู่เป็นอย่างไร? หากเจ้ากล้าหลอกลวงข้า ก็ลืมเรื่องที่ลูกเจ้าจะหายดีไปได้เลย!”

ราชันพยัคฆ์สวรรค์รู้ดีว่าถึงตอนนี้คงปกปิดไว้ไม่ได้แล้วและบอกออกมา “เขาตายแล้ว!”

วึบ!

เย่หยวนหน้ามืดลงทันทีจนแทบร่วงลงไปกองกับพื้น

สมองความคิดของเขาสับสน ความโศกเศร้าอันไม่รู้ที่มาต่างหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด

“อ่อก!”

ความกังวลที่สั่งสมเข้าปะทะจิตใจจนสุดท้ายเขาต้องกระอักเลือดออกมาคำโต

………………………..