หลงเทียนซินก้าวเท้าเดินออกไปและไปหยุดอยู่ตรงหน้ากำแพงเก้ามังกร เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับตัวมังกรบนกำแพง แล้วจึงใช้วิชาบัญชามังกรยู่หลงเจี๋วยของตระกูลหลง ตรวจหาปราณมังกรที่อยู่ภายในกำแพงเก้ามังกร
  ปราณมังกรจำนวนมหาศาลที่มีอายุกว่าหกร้อยปีซึ่งเคยปกคลุมทั่วทั้งพระราชวังต้องห้าม ได้ถูกหลิงหยุนดูดซับเข้าไปจนหมดไม่เหลือเช่นนี้ อย่าว่าแต่หลงฮ่าวหลานที่โกรธแค้นยิ่งนัก แม้แต่หลงเทียนซิงกับหลงเทียนฟางเอง ก็รู้สึกคับแค้นใจไม่น้อยเช่นกัน เวลานี้พ่อลูกตระกูลหลงทั้งสามคน ไม่มีผู้ใดคิดที่จะปล่อยหลิงหยุนไว้อีก!
  เหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่ต่างจากการที่สมาชิกในครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งได้ช่วยกันเพียรพยายามทำงานอย่างหนัก เพื่อเก็บหอมรอมริบทรัพย์สินเงินทองไว้ให้กับลูกหลานของตนเองต่อไป แต่จู่ๆ กลับถูกผู้อื่นขโมยไปจนหมดเช่นนี้ จะมีใครบ้างเล่าที่จะสามารถทนยอมรับได้
  หลังจากที่สัมผัสดูอยู่ครู่หนึ่ง..เย่เทียนซิงก็พบว่าเวลานี้กำแพงเก้ามังกรมีเพียงความว่างเปล่า แม้เขาจะใช้วิชาบัญชามังกรยู่หลงเจี๋วยซึ่งฝึกถึงขั้นที่สี่ ก็ยังไม่สามารถค้นพบปราณมังกรจากรูปมังกรสลักบนกำแพงได้เลยแม้แต่น้อย!
  “เทียนซิง..เจ้าไม่ต้องพยายามอีกแล้ว! ปราณมังกรในพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ ได้ถูกดูดซับไปจนหมดแล้วจริงๆ!”
  หลงฮ่าวหลานเห็นความพยายามของลูกชายก็ได้ถอนหายใจออกมา พร้อมกับร้องห้ามด้วยความรู้สึกเศร้าใจ..
  “ท่านพ่อ..ข้ายังไม่เข้าใจอยู่ดี! ภายในพระราชวังแห่งนี้ยังมีค่ายกลสังหารคอยปกป้องอยู่ด้วย แต่เหตุใดหลิงหยุนจึงยังสามารถดูดซับปราณมังกรทั้งหมดเข้าไปได้”
  หลงฮ่าวหลานถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะอธิบายให้หลงเทียนซิงฟังว่า “แม้ค่ายกลสยบปีศาจจะเป็นค่ายกลสังหารที่ล้ำเลิศยิ่งนัก แต่ก็ใช้สำหรับป้องกันเหล่าปีศาจที่จะบุกรุกเข้ามาในพระราชวังแห่งนี้เท่านั้น ค่ายกลนี้ยังสกัดกั้นจิตหยั่งรู้ของผู้บ่มเพาะพลังด้วย หากไม่ใช่ผู้บ่มเพาะจนถึงขั้นจินตันแล้ว ก็อย่าได้หวังที่จะใช้จิตหยั่งรู้สำรวจภายในพระราชวังแห่งนี้ได้เลย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการต่อสู้ภายในพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ ไม่เช่นนั้นจะใช้เป็นที่อยู่ขององค์จักรพรรดิได้อย่างไรกัน
  “และการที่ค่ายกลสังหารไม่ทำงานก็เพระว่า..หลิงหยุนไม่ใช่ปีศาจจึงไม่ส่งผลต่อการทำงานของค่ายกล เพียงแค่เขามีร่างกายที่ล้ำเลิศ และน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! อีกทั้งยังมีวิชาบ่มเพาะ และสมบัติล้ำบางอย่างอยู่ในตัว จึงสามารถดูดเอาปราณมังกรทั้งหมดเข้าไปได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ค่ายกลสยบปีศาจจะทำงานได้อย่างไรกันเล่า!”
  หลังจากได้อธิบายถึงสาเหตุที่ค่ายกลสยบปีศาจไม่ทำงานให้กับลูกชายทั้งสองฟังแล้วหลงฮ่าวหลานก็ย้ำด้วยเสียงที่เบา แต่หนักแน่นว่า..
  “แต่นับว่ายังโชคดีที่ค่ายกลกักมังกรหยางหลงแห่งนี้ไม่ได้ถูกทำลายเวลานี้ค่ายกลยังคงทำงานได้ดี และยังคงดูดซับเอาปราณมังกรทั่วเมืองปักกิ่งเข้ามากักเก็บไว้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นแล้วตระกูลหลงของเราคงต้องกลายเป็นตัวตลกครั้งใหญ่แน่!”
  ระหว่างที่พูดนั้นหลงฮ่าวหลานก็ได้ชี้ไปที่พื้นดินตรงตำแหน่งที่ตนเองยืนอยู่หลงเทียนซิงกำลังจะอ้าปากพูด แต่หลงฮ่าวหลานกลับส่ายหน้าเป็นการส่งสัญญาณห้ามไม่ให้พูด จากนั้นหลงฮ่าวหลานก็มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ พร้อมกับพูดขึ้นว่า..
  “ในคืนวันที่14 เดือน 7 นั้น ค่ายกลกักมังกรหยินหลงที่มหาวิทยาลัยหยางจิงก็เกือบจะถูกคนทำลาย แล้วก็เป็นฝีมือของหลิงหยุนอีกเช่นเคย!”
  หลงเทียนซิงร้องถามขึ้นทันที“แต่ท่านลุงบอกข้าว่า.. ทันทีที่ท่านลุงไปถึงก็ได้เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจดู แต่ก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอยของผู้บุกรุกไม่ใช่รึ! และดูเหมือนเป้าหมายของผู้ที่บุกรุกเข้าไปก็ไม่เกี่ยวข้องกับมังกรด้วย?”
  หลงฮ่าวหลานครุ่นคิดอยู่นานในที่สุดก็พูดขึ้นว่า “ลุงของเจ้าบอกกับข้าว่า.. ดูเหมือนผู้ที่บุกรุกเข้าไปจะต้องการพลังหยิน เพียงแต่ลุงของเจ้าเองก็คิดไม่ถึงว่าการบุกรุกครั้งนั้น จะถึงกับทำให้มังกรตกใจได้..”
  หลงเทียนฟางได้ฟังก็ถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห“หมอนั่นมันกล้าดีเกินไปแล้ว! นี่มันคิดจะฉกฉวยทุกอย่างที่เป็นของตระกูลหลงไปเชียวรึ ดูท่ามันคงจะสะกดคำว่าตายไม่เป็นสินะ?”
  และคนที่หลงเทียนฟางกำลังพูดถึงด้วยความโมโหอยู่นั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลิงหยุน!
  “เขากำลังฝึกฝนวิชาอยู่..”
  หลงฮ่าวหลานร้องบอกหลงเทียนฟางจากนั้นจึงหันไปมองหลงเทียนฟางพร้อมกับเตือนว่า
  “เทียนฟาง..แม้ในบรรดาทายาทรุ่นเดียวกับเจ้า เจ้าจะเป็นผู้ที่มีฝีมือล้ำเลิศ และแกร่งที่สุด และที่ข้าบอกว่าเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงหยุนนั้น ย่อมหมายถึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาในเวลานี้.. เพราะฉะนั้นหากเจ้าต้องเผชิญหน้ากับหลิงหยุน ก็ต้องระมัดระวังให้มาก เขายังมีไพ่ในมืออีกมากมายที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว!”
  แต่หลงเทียนฟางกลับร้องตอบผู้เป็นพ่อด้วยท่าทีหยิ่งผยอง“ข้าเองก็อยากจะรู้นักว่ามันมีไพ่อะไรอยู่ในมือบ้าง”
  หลงฮ่าวหลานนั้นรู้ถึงความแข็งแกร่งและอุปนิสัยของลูกชายตนเองดี เขาจึงไม่พูดอะไรมาก และได้แต่คิดว่าตนเองคงจะเป็นห่วงลูกชายมากจนเกินไป
  หลงเทียนซิงเดินกลับมาจากกำแพงเก้ามังกรเขาเหลือบมองหลงฮ่าวหลานพร้อมกับกระซิบถามเสียงเบา  “ท่านพ่อ..พวกเราจะทำเช่นไรต่อไปดี”
  หลงฮ่าวหลานนิ่งไปครู่หนึ่งจึงพูดผ่านกระแสจิตว่า
  –ช่วงนี้ตระกูลหลงของเราคงต้องเฝ้าดูสถานที่อีกสามแห่งให้ดีไม่ว่าจะเป็นค่ายกลกักมังกรหยินหลงที่มหาวิทยาลัยหยานจิง บ่อกักมังกรหลงจิงที่เป่ยซินเฉียว และใต้พระราชวังต้องห้ามแห่งนี้!-
  “เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นชี้ชัดแล้วว่าวิชาที่หลิงหยุนฝึกฝนอยู่นั้น ล้วนคล้ายคลึงกับตระกูลหลงของเรายิ่งนัก!”
  “หากพวกเรายังปล่อยให้หลิงหยุนพัฒนาจนก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆย่อมเท่ากับปล่อยให้เขาก้าวขึ้นมาเทียบชั้น หรือแม้กระทั่งเหยียบย่ำตระกูลหลงของเราในวันข้างหน้า ซึ่งข้าจะไม่มีวันยอมให้เป็นเช่นนั้นแน่!”
  “ในเมื่อเป็นเช่นนี้..ตระกูลหลงของเราก็คงจะรอดูท่าทีของจิ้งจอกเฒ่าเย่ชิงเฟิงต่อไปไม่ได้อีกแล้ว และคงต้องเริ่มลงมือตอบโต้หลิงหยุนด้วยตัวเอง!”   นับว่าหลงฮ่าวหลานมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูลหลงยิ่งนักเพียงแค่ได้เห็นหลิงหยุนประลองในคืนนั้น และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้ เขาก็สามารถวิเคราะห์หลงหยุนได้อย่างถูกต้องแม่นยำ..
  หลงฮ่าวหลานขมวดคิ้วเข้าหากันพร้อมกับพูดขึ้นว่า“พวกเจ้าสองคนรู้หรือไม่ว่าก่อนการประลองราวสองสามวัน ได้มีกลุ่มคนท่าทีแปลกประหลาด ไปวนเวียนอยู่แถวบ่อกักมังกรหลงจิง..”
  “ข้าเพิ่งจะมาคิดได้ว่า..น่าจะเป็นฝีมือของหลิงหยุนอีกเช่นกัน! เด็กนั่นคงไม่ต้องการให้ตระกูลหลงของเรายื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการประลองในครั้งนั้น จึงได้ส่งคนไปป้วนเปี้ยนเพื่อหวังทำลายบ่อกักมังกรหลงจิง เพื่อให้ตระกูลหลงของเราวุ่นวายอยู่กับการเฝ้าบ่อน้ำแห่งนี้..”
  หลังจากที่คิดได้เช่นนั้นหลงฮ่าวหลานก็ถึงกับพึมพำออกมา “เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
  หลงเทียนซิงถึงกับร้องถามขึ้นมาด้วยความตกใจ“ท่านพ่อ.. แม้แต่บ่อดักมังกรหลงจิงที่เป็นความลับ เด็กนั่นก็สามารถค้นพบด้วยรึ! เป็นไปได้อย่างไรกัน?!”
  หลงฮ่าวหลานตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น“บ่อน้ำดักมังกรหลงจิงนั้นเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของค่ายกลทั้งหมดที่ครอบคลุมเมืองปักกิ่ง ด้วยความรู้เรื่องค่ายกลที่หลิงหยุนมี เขาย่อมจะสามารถค้นพบดวงตาค่ายกลสำคัญๆได้จากการดูผ่านแผนที่ แล้วบ่อดักมังกรหลงจิงนี้จะรอดพ้นสายตาของเขาไปได้อย่างไรกันเล่า”
  ใบหน้าของหลงเทียนซิงเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดในขณะที่ถามขึ้นว่า“ท่านพ่อ.. หากเป็นเช่นนี้ตระกูลหลงของเราไม่ต้องคอยสกัดกั้นหลิงหยุนไปทุกที่เลยงั้นรึ!”
  หลงฮ่าวหลานตอบกลับไปว่า“แม้ตระกูลหลงของเราจะโชคดีที่มีผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศหลายคน แต่ก็ยังไม่พอที่จะปกป้องดูแลทั่วทั้งเมืองปักกิ่งได้ ข้าเชื่อว่าหลิงหยุนจะสร้างปัญหาให้กับพวกเราอีกไม่มากก็น้อย..”
  หลงเทียนซิงก้มลงมองดูข้อมือของตนเองเขาสะบัดพัดในมือให้คลี่ออก และค่อยๆพัดเข้าหาตัวอย่างช้าๆ พร้อมกับถามผู้เป็นพ่อว่า
  “แต่เท่าที่ข้ารู้มา..อีกไม่กี่วันหลิงหยุนก็จะต้องเข้าไปมอบตัวที่มหาวิทยาลัยหยานจิงแล้ว ตระกูลหลงจะมีวิธีป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้ค่ายกลกักมังกรหยางหลงได้อย่างไรกัน”
  หลงฮ่าวหลานยิ้มออกมาพร้อมกับตอบไปว่า“เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องกังวลใจไป หลิงหยุนเลือกเรียนแพทย์ศาสตร์ ซึ่งสาขานี้ไม่ได้อยู่ใกล้กับทะเลสาบไร้นาม และต่อให้เขาต้องการที่จะเข้าไปสำรวจ หรือทำลายค่ายกลแห่งนี้จริง พวกเราก็คงต้องพยายามหยุดเขาอย่างเต็มที่ ครั้งนี้ลุงของเจ้าคงจะต้องเหนื่อยหน่อย..
  “ครั้งก่อนนั้น..แม้ลุงของพวกเจ้าจะสำรวจไม่พบหลิงหยุน แต่ก็ได้จงใจแสดงความแข็งแกร่งออกไปให้หลิงหยุนได้เห็นเช่นกัน ข้าเชื่อว่านั่นคงพอจะทำให้หลิงหยุนไม่กล้าก่อกวนตระกูลหลงอีกพักใหญ่แน่!”
  หลงเทียนซิงพยักหน้ารับรู้แต่ก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้ว่า “ท่านพ่อ.. แล้วพวกเราจะจัดการกับหลิงหยุนเช่นใด”
  หลงฮ่าวหลานเหลือบมองลูกชายพร้อมกับตอบไปว่า“เวลานี้ทั้งหลงคุนกับหลงหวู่ต่างก็อยู่ในมือของตระกูลหลงเรา ข้าเชื่อว่านี่จะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้หลิงหยุนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามนัก!”
  “เทียนซิง..”
  “พรุ่งนี้เช้าเจ้ารีบเดินทางไปจิงฉูข้าส่งหลงเทียนเจียวไปสืบเรื่องของหลิงหยุนก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าโง่นั่นจะไม่สามารถสืบรู้ไพ่ในมือของหลิงหยุนได้เลยแม้แต่น้อย ข้าว่าเจ้าเดินทางไปจิงฉูสืบดูด้วยตัวเองจะดีกว่า แต่เรื่องนี้เจ้าต้องทำอย่างลับๆ หลังจากได้ข้อมูลแล้วก็รีบกลับมารายงานข้าทันที!”
  “หึ..ในเมื่อหลิงหยุนมันกล้ามาก่อกวนตระกูลหลงของเราถึงปักกิ่ง พวกเราก็จะบุกรังของมันที่จิงฉูเช่นกัน!”
  หลงเทียนซิงสะบัดพัดในมือปิดและตอบผู้เป็นเพ่อกลับไปด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ “เรื่องนี้ท่านพ่อวางใจได้!”
  “เทียนฟาง..”
  “ข้าได้ยินมาว่า..เวลานี้มีมังกรดำปรากฏตัวอยู่ในอุทยานแห่งชาติเสินหนงเจี๋ยทางด้านเหนือของมณฑลหูเป่ย พรุ่งนี้เจ้ารีบเดินทางไปที่ป่าเสินหนงเจี๋ยสืบดูว่าข่าวนี้เป็นจริงหรือเท็จกันแน่ หากเป็นจริง.. เจ้าต้องจับตัวมังกรดำกลับมาให้ข้า!”
  หลงฮ่าวหลานมองสีหน้าตื่นเต้นหลงเทียนฟางพร้อมกับย้ำว่า “เทียนฟาง.. มังกรดำตัวนี้ไม่ใช่สมบัติของเจ้าแต่เพียงผู้เดียว หากเจ้าจับตัวมันได้แล้วให้นำกลับมาตระกูลหลง เข้าใจหรือไม่”
  หลงเทียนฟางได้ยินคำสั่งของหลงฮ่าวหลานก็ถึงกับหน้าเสียและได้แต่นึกเสียดายขึ้นมาทันที..   “จากรายงานลับที่ข้ารู้มา..หลิงหยุนจะไปร่วมงานชุมนุมชาวยุทธที่เขาหลงหู่ในครั้งนี้ด้วย ในเมื่อไม่ห่างจากป่าเสินหนงเจี๋ยนัก เจ้าเองก็ไปร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ด้วยก็ดี!”
  “น้อมรับคำสั่งท่านพ่อ..”
  หลงเทียนฟางร้องบอกด้วยสีหน้าและแววตาเป็นประกาย เมื่อคิดว่าตนเองจะมีโอกาสได้ประมือกับหลิงหยุน
  หลงเทียนซิงรู้ดีว่าน้องชายของตนกำลังคิดอ่านอะไรจึงได้แต่ร้องเตือนออกไปว่า “เทียนฟาง.. เจ้าอย่าเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องที่จะได้ประมือกับหลิงหยุน จนกระทั่งลืมเรื่องที่ควรต้องทำเสียล่ะ!”
  แต่ดูเหมือนหลงเทียนฟางจะทำเป็นหูทวนลมและแสร้งไม่ได้ยินคำเตือนของพี่ชาย!
  หลังจากสั่งการทุกอย่างไปแล้วหลงฮ่าวหลานก็หันหลังกลับ และเดินออกจากกำแพงเก้ามังกรออกไปนอกพระราชวังต้องห้ามทันที โดยมีหลงเทียนซิงกับหลงเทียนฟางเดินตามหลังไปติดๆ  “เทียนซิง..ก่อนที่เจ้าจะเดินทางออกจากปักกิ่ง อย่าลืมไปที่หน่วยนภาแจ้งให้พวกเขารู้เรื่องที่หลิงหยุนได้ลงมือสังหารคนของหน่วยนภาตายไป และหนึ่งในนั้นได้ถูกหลิงหยุนจับตัวไว้ด้วยล่ะ..”
  “ท่านพ่อ..ใครกันรึที่ถูกหลิงหยุนจับตวไว้!”
  “ตี๋ยั่วถังแห่งสำนักกระบี่เทียนซาน!”
  “ท่านพ่อคิดจะทำอะไรงั้นรึ!”
  ระหว่างทางที่เดินออกไปนั้นหลงฮ่าวหลานก็ได้อธิบายให้ลูกชายทั้งสองฟังว่า “หลิงหยุนมันคงคิดว่าเวลานี้ตัวมันจะสามารถอยู่ในปักกิ่งได้อย่างปลอดภัย แต่มันคิดผิด!”
  “ไม่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้หลิงหยุนจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ในเมื่อมันกล้าลองดีกับตระกูลหลงของเราเช่นนี้ ข้าก็จะให้มันได้รับบทเรียนเช่นกัน!”
  “ให้หน่วยนภาส่งคนไปที่ตระกูลหลิงและถามหาความรับผิดชอบจากหลิงหยุน! ในขณะเดียวกัน.. ข้าก็จะแจ้งเรื่องที่ตี๋ยั่วถังถูกหลิงหยุนจับตัวไว้ให้กับสำนักกระบี่เทียนซานรู้!”
  หลงเทียนฟางได้ยินถึงกับยิ้มออกมาและพูดขึ้นว่า “น่าสนุกมากจริงๆ ข้าชักอยากจะรู้แล้วว่าหลิงหยุนจะรับมือเช่นใด!”
  นี่คือการตอบโต้หลิงหยุนของตระกูลหลงและเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!