Ch.55 – ราชาผู้พิชิต ทำตามคำขอ

Translator : ปลาดุกอเมซอน / Author

“ถ้าอย่างนั้น จะตั้งยูกิโนะเป็นเจ้าปราสาทนะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ คุณโชมะ”แดหกอ

 

ยูกิโนะไปอยู่ที่ใจกลางวงเวท

ผมเปิดใช้งานสกิล[ชีพจรมังกร]ของจักรพรรดิมังกร

หลับตาแล้วสัมผัสถึงพลังเวทที่ไหลในแผ่นดิน–

ชีพจรมังกรที่อยู่ข้างใต้นี้–อืม มีสินะ

ดูเหมือนหอคอยนี้จะมีระบบที่ดูดพลังเวทที่ไหลอยู่ใต้พิภพขึ้นมาชั้นบนสุด แล้วขยายเขตแดนของวงเวทให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

หลังจากจักรพรรดิมังกรองค์แรกตายไป ก็ไม่สามารถใช้งานชีพจรมังกรได้จนเขตแดนหายไป

ทำให้หอคอยถูกทิ้งร้างจนมีอสูรเข้ามาอาศัยอยู่

 

“เริ่มเลยนะ ยูกิโนะ”

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

“ทำไมล่ะ?”

“ต้องคิดชื่อปราสาทค่ะ”

“…เอาแค่เหมาะๆก็พอไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ค่ะ สำคัญค่ะ ก็ป้อมปราการแรกสุดที่ฉันเป็นเจ้าปราสาท มันได้ชื่อที่ธรรมดาสุดๆเลยนี่คะ”

“งั้นเหรอ”

“ใช่แล้วค่ะ ก็มันตั้งชื่อว่า[วังหน้าผา]เอาดิ้อๆเลยไม่ใช่เหรอคะ”

“ก็ไม่มีเวลานี่นาช่วยไม่ได้หรอก”

 

ในตอนนั้น[ลัทธิปลุกแผ่นดิน]กับพวกชาวบ้านที่ถูกจับกำลังเข้ามาใกล้

เพราะว่าไม่อยากเผยตัวออกไป ก็เลยรีบเปิดใช้งานเขตแดน

 

“แต่ว่า คราวนี้ก็มีเวลาสินะคะ?”

“ก็ไม่ได้มากนักหรอกนะ”

 

ตึ้งตึ้ง! ปั้งปั้ง!

 

[กว๊ากว๊ากว๊ากว๊ากว๊า]

[โว๊วววววววววว!]

[ก๊ะก๊ะก๊ะซ๊ะซ๊ะซ๊ะซ๊ะซ๊ะซ๊ะซ๊ะ!]

 

ตึ๊งตึ๊ง! ปั้งปั้งปั๊งปั๊งปั๊ง!

 

挿絵(By みてみん)  

พวกอสูรที่รวมตัวกันอยู่ชั้นล่าง กระแทกประตูทางเข้าชั้นบน

เพราะว่ารั้วกับ[กำแพงเยือกแข็ง]ปิดไว้อยู่ ก็เลยน่าจะป้องกันได้สักพัก–

 

“กลับกัน ถ้ามีอสูรออกไปข้างนอกจะน่ารำคาญเอาล่ะนะ”

“ถ้าอย่างนั้นคุณโชมะ รีบตั้งชื่อปราสาทเถอะค่ะ”

“เข้าใจแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นคุณโชมะ รีบตั้งชื่อปราสาทเท่ๆเถอะค่ะ”

“จะพูดซ้ำทำไมเนี่ย”

“คิดไปเองค่ะ”

“งั้น[วังอสูร]”

“ก็แค่เปลี่ยนจาก[หอคอยอสูร]นิดหน่อยเองไม่ใช่เหรอคะ!!”

“ไม่เท่เหรอ?”

“ก็เท่หรอก…แต่มัน คือ…ก็พูดไม่ค่อยถูกหรอกค่ะ…แต่ว่า…มันยังไม่พอค่ะ มันยังไม่กินใจยังไงไม่รู้…”

 

เข้าใจอยู่หรอก

ความรู้สึกนั้น ผมในวัยจูนิเบียวก็เคยเป็น

แต่ว่า ตอนนี้ไม่มีเวลา

ถ้ายูกิโนะไม่ชอบใจล่ะก็

 

“งั้น[วังเทพอสูร]ล่ะ”

“ขออีกคำ”

“งั้น[วังเทพอสูร・สมบูรณ์]”

“เอาอันนั้นล่ะค่ะ!”

 

จะดีเหรอน่ะ

…ก็คงจะดีแล้วล่ะนะ ยูกิโนะก็ทำตาเป็นประกายอยู่ตรงกลางวงเวทแล้วด้วย

 

ตึ้งตึ้ง! โครมโครม! ปั้งปั๊งปั๊งปั๊ง!

[[[โอ๊วววววโกร๊วววก๊ะก๊ะก๊ะบร๊าาาาาากร๊าาาาาาา!!]]]

ตรึ๊งตึ้ง! โครมม! ปึ๊งปั้งปั๊งปั๊งปั๊ง!!

 

การสั่นของรั้วกับ[กำแพงเยือกแข็ง]เริ่มรุนแรงขึ้น

ต้องรีบ

 

“ด้วยนามแห่งราชาผู้พิชิตแห่งต่างพันธุ์ เจ้าจงเป็นเจ้าปราสาทแห่งวังเทพอสูร・สมบูรณ์ เจ้าจะสามารถใช้พลังเวทของแผ่นดินนี้ที่หลับไหลอยู่ได้ จงใช้สิ่งนั้นปกป้องเหล่าผู้ที่เชื่อในตัวเจ้าเถอะ จงตื่น–[ชีพจรมังกร]!!”

“ห๊าา!”

 

ร่าง    กายเล็กๆของยูกิโนะกระตุกขึ้น

วงเวทที่วาดอยู่ที่พื้นส่องแสงออกมา

 

“ยูกิโนะ ดราก้อนไชนด์–ขอถวายตนเป็นเจ้าปราสาทแห่ง[วัง・เทพ・อสูร]ตามคำสั่งของราชาของเราค่ะ! ขอสาบานว่าจะต่อสู้ต่อไปในฐานะเจ้าแห่งปราสาทอสูรผู้ปลิดชีพจรของเทพเจ้าค่ะ!”

 

แล้วก็มีประกายแสงไหลออกมาจากวงเวท

 

挿絵(By みてみん)  

[──────────────!?]

 

หืม? เหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องของอะไรบางอย่าง

ผ่านไปสักพัก…ก็เงียบสนิท

พวกอสูรข้างล่าง เป็นยังไงบ้างนะ

 

“คุณโชมะ สเตตัสของปราสาทนี้เป็นยังไงบ้างคะ?”

“ไม่มีอะไร ยูกิโนะเป็นเจ้าปราสาทเรียบร้อยแล้วล่ะ แถมยังได้รับผลพิเศษเพิ่มมาด้วย”

 

[เจ้าเมืองของราชา[วังเทพอสูร・สมบูรณ์]

 

เจ้าปราสาท:ยูกิโนะ คลาวดี้ ดราก้อนไชนด์

ความสัมพันธ์:เผ่าเดียวกัน (ศิษย์รัก)

ผลของเขตแดน:ลดความเร็วการร่วงลงเล็กน้อย

ผลเพิ่มเติม:เพิ่มพลังเวท10%

จุดเชื่อม:ไม่มี]

 

“………[ศิษย์รัก]?”

“พูดอะไรเหรอคะ? คุณโชมะ”

“ดูเหมือนจะตั้งเจ้าปราสาทได้แบบไทม่มีปัญหานะ”

“งั้นเหรอคะ ดีจังเลยค่ะ”

 

ยูกิโนะยอมรับ

อันตราย

ถ้าเรื่องที่สเตตัสแสดงว่า[ศิษย์รัก]แตก เรื่องที่ผมเป็น[นายที่แท้จริง]–[Organic Dragon King(ราชามังกรแห่งเกษตรอินทรีย์)]ก็จะถูกรู้ได้ทันที

ถ้าความแตกว่าตัวตนที่ยูกิโนะหลงไหลเป็นพนักงานเงินเดือนวัยสามสิบแล้ว ก็อาจจะทำลายความฝันเอาได้นี่นา เรื่องของ[Organic Dragon King]–เจ็บเจ็บปวดหัว–ปล่อยเอาไว้แบบนี้จะดีกว่า

 

“ดูเหมือนจะไม่มีจุดเชื่อมชีพจรมังกรนะ”

 

สเตตัส“จุดเชื่อม”แสดงว่า“ไม่มี”

บางที ถ้ามองจากข้างนอก คงจะไม่มีเส้นแสงออกมา

 

“การจะเชื่อมกับปราสาทที่ชายแดนมันไม่ไหวจริงๆสินะ”

“ก็ห่างจากปราสาทอื่นอยู่โขเลยนะคะ ที่นี่”

“แถมวงเวทนี่ อีกเดี๋ยวก็ต้องมาถอนออกจากชีพจรมังกรสินะ”

“ถ้าเขตของเจ้าเมืองคิโทลกลายเป็นเขตของคุณโชมะ จะเป็นปัญหาเอาได้สินะคะ?”

“อยู่ไกลบ้าน การจะรักษาไว้ก็ยากด้วย”

“ช่วยไม่ได้สินะคะ”

“ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

 

ไว้เจรจากับองค์หญิงซิลเวียร์ ก็อาจจะพอทำอะไรก็ได้

เอาเถอะ มันก็เป็นเรื่องหลังจากการไล่กองทัพของ[สิบปราชญ์]ล่ะนะ

 

“ยูกิโนะ คลายกำแพงออกเถอะ”

“ค่ะ ราชาของเรา”

 

ยูกิโนะสะบัดนิ้ว แล้ว[กำแพงเยือกแข็ง]ที่ล้มอยู่บนพื้นก็หายไป

 

[เฮ!]

 

[ทหารมีจิตใจ]ที่นอนอยู่ก็ลุกขึ้นมา

เพราะเดิมทีก็ทำการ[Enchant(เสริมแกร่ง)]แล้วใส่ไว้ใน[ภาชนะแห่งราชา]ล่ะนะ พอ[ชีพจรมังกร]ถูกใช้งานแล้วก็เลยตื่นขึ้นมาขยับได้ด้วยตัวเอง

 

“ก่อนอื่นก็ลงไปดูหอคอยด้านล่างเถอะ กลับมาได้! [ทหารมีจิตใจ]!!”

[เฮฮฮฮฮ!]

 

เก็บ[ทหารมีจิตใจ]ไว้ให้ภาชนะแห่งราชา แล้วผมก็ลงไปยังชั้นที่4ของหอคอยกับยูกิโนะ

 

“ถูกจัดการอย่างสวยงามเลยนะ”

“ทุกคนกลายเป็น[ผลึกมาร]หมดเลยนะคะ”

 

ดูเหมือนอสูรในหอคอยทุกคนจะอยู่ในหอคอยชั้นที่4 ตอนที่รู้ว่ามีผู้บุกรุกก็คงจะรีบปีนขึ้นมากันหมดเลยสินะ แต่ว่า พอรับแสงจาก[เขตแดน]เข้าไปก็สลายไปหมด

ที่เหลือก็มีแค่อสูรลูกตาขนาดหญ่ดวงเดียวเท่านั้น

“อยู่ใต้เขตแดนตรงๆก็ยังไม่หายไปเหรอเนี่ย”

“เป็นอสูรที่น่ากลัวจริงๆนะคะ”

“ชื่อ[หอคอยอสูร]ไม่ใช่แค่ประดับสินะเนี่ย”

“สมกับเป็นหอคอยไร้ผู้พิชิต–ไม่สิ สมควรที่จะถูกเรียกว่า[The Chaostic Mailstrom Tower(หอคอยวังวนแห่งความวุ่นวาย)]ค่ะ”

“เรื่องนั้นช่างเถอะ”

“อุตส่าห์คิดขึ้นมาอย่าโยนทิ้งไปง่ายๆสิคะ”

“จัดการระหว่างที่ยังไม่ขยับเถอะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ ราชาของเรา”

 

ผมหยิบดาบออกมา ยูกิโนะก็เริ่มท่องคาถาอยู่ด้านหลัง

 

[–รอก่อน]

 

อสูรลูกตาขยับ

 

“ยูกิโนะหมอบลง!” “ค่ะ คุณโชมะ!”

 

ผมหันดาบที่[เสริมแกร่ง]ใส่ลูกตายักษ์

แปลก อสูรขยับภายใน[เขตแดน]ไม่ได้แท้ๆ

แถมที่นี่ยังเป็นข้างล่างวงเวทโดยตรง ต้องได้รับพลังเวทชำระล้างอย่างใกล้ชิดจนอสูรไม่น่าขยับได้แม้แต่น้อย…

 

“เป็นอสูรที่แข็งแกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ…”

[ผิดแล้ว เรา เป็นผู้คุมหอคอย]

 

ลูกตายักษ์ตอบกลับมา

 

“…ผู้คุม?”

[ถูกสร้างขึ้นสมัยจักรพรรดิมังกร–และทำหน้าที่ควบคุมหอคอยนี้]

 

ลูกตามองผมแล้วพูดออกมา

 

[ตั้งแต่ถูกตัดขาดจากพลังเวทของชีพจรมังกร–ก็สูญเสียพลัง และหลับไหลมาตลอด เพราะเป็น“สิ่ง”ที่ไม่มีชีวิต อสูรจึงไม่สนใจในตัวเรา

แน่นอนว่าเราไม่ทำร้ายผู้คนแน่นอน ถ้าสงสัยล่ะก็…จะจัดการทิ้งไปเลยก็ได้]

 

อสูรลูกตาวนไปรอบๆห้องในหอคอย

หรือก็คือที่ขยับในเขตแดนได้ ก็เพราะไม่ใช่อสูรงั้นเหรอ

 

[ราชาเอ๋ย การที่สามารถใช้งานชีพจรมังกรได้ เจ้าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิมังกรสินะ?]

“เข้าใจด้วยเหรอคะ? สุดยอดไปเลยค่ะ!!”

 

ยูกิโนะชี้นิ้วไปที่ลูกตา

 

“ได้ยินหรือเปล่าคะคุณโชมะ เด็กคนนี้ เป็นเด็กดีค่ะ! การที่สามารถเข้าใจความยิ่งใหญ่ของราชาของเราได้ แสดงว่ามองคนเป็นค่ะ! ถึงจะมีแค่ลูกตาก็เถอะ!”

“มองอะไรง่ายเกินไปแล้ว”

 

สำหรับผมแล้ว ไม่สามารถยืนยันได้ว่าลูกตานี่เป็นมิตรจริงหรือเปล่า

 

[…ถ้าเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิมังกร ก็คงสามารถดูสเตตัสของเราได้ไม่ใช่เหรอ]

 

ลูกตาพูดออกมา

 

“สเตตัส?”

 

ลองเปิดดู

 

[สิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ มิรุบะ]

 

สิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักเวท สมัยจักรพรรดิมังกร

ทำหน้าที่เฝ้าดูแลหอคอยและดันเจี้ยน

ความสามารถ:เวทเพลิง (ระดับต่ำ), ฟื้นฟูตัวเอง

 

อย่างนี้นี่เอง

จักรพรรดิมังกรเองก็มีอสูรรับใช้แบบเดียวกับผมที่มี[ทหารมีจิตใจ]สินะ

ใช้[Naming Bless(เพิ่มอัตลักษณ์ชื่อ)]งั้นเหรอ หรือว่าความสามารถอื่น…ตัวผมในตอนนี้ก็ไม่มีทางรู้ได้

 

“มิรุบะ นี่คือชื่อของนายเหรอ”

[ก็ใช่ แล้วก็ เพราะตัวเราได้กลับมาแล้ว ก็อยากจะขอให้มอบหน้าที่ให้ด้วย]

 

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ แต่จะเอายังไงดี

ถึงจะบอกว่าถูกชำระล้างจะกลับมาเป็นรูปร่างเดิม แต่ก็อยากจะดูสถานการณ์อีกสักหน่อย

แถมจะให้พาลูกตาลูกโตขนาดนี้ออกไปเดินเล่นก็ไม่ได้ด้วย–

 

“ไว้ก่อนละกัน”

 

ผมบอก[สิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ มิรุบะ]

 

“นายก็ทำหน้าที่เฝ้าดูแลหอคอยนี้ต่อไปเถอะ ถึงชั้นที่3จะให้คนเข้ามาก็ตามสบาย เพียงแต่ ปกป้องชั้นที่4ต่อไปซะ ป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปชั้นที่5ที่มีเขตแดนอยู่ ถ้ามีคนเข้ามา ก็ขู่แบบไม่ให้ได้บาดแผลไล่ออกไปซะ

แล้วผมจะทิ้งอสูรรับใช้ไว้1ตนเผื่อไว้ด้วย ก็เชื่อฟังคำสั่งของหมอนี่ด้วยล่ะ”

 

ผมเอา[ทหารมีจิตใจ]ออกมาจาก[ภาชนะแห่งราชา]อีกครั้ง

 

[เฮ!]

“โทษที แต่ขอให้นายเฝ้าที่นี่ไว้ เพื่อดูไม่ให้ลูกตานั่นออกไปข้างนอก”

[………เฮเฮ]

“ตอนที่ผมมารอบหน้า ถ้าช่วยบอกว่า[มิรุบะ]นั่นเป็นพวกยังไงก็จะช่วยมาก”

[เฮฮ!]

 

ผมกระซิบกับ[ทหารมีจิตใจ]

ที่นี่คือข้างล่างเขตแดนโดยตรง ระหว่างที่วงเวททำงาน [ทหารมีจิตใจ]ก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตลอด เพราะว่าทำการ[เสริมแกร่ง]ไว้ด้วย จึงสามารถทำการขังลูกตายักษ์ได้

 

“จะว่าไปมิรุบะ นายมีความทรงจำสมัยจักรพรรดิมังกรไหม?”

[…ไม่]

 

[สิ่งมีชีวิตประดิษฐ์ มิรุบะ]หันลูกตามองซ้ายขวา ทำท่าเหมือนปฏิเสธ

 

“เราเป็นเพียงอสูรรับใช้ ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาความทรงจำได้ในเวลานาน ก็เลยไม่รู้เลย”

“น่าเสียดาย”

 

ผมโบกมือลาแล้วจากที่แห่งนั้นไป

พายูกิโนะลงบรรไดไปยังชั้นล่าง

 

“สถานการณ์สงบเมื่อไหร่จะมาพบอีกครั้ง จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ทำตัวดีๆล่ะ เข้าใจนะ”

[รับทราบ–]

“ไปล่ะ” “งั้นไว้พบกันนะคะ คุณ[Evil eye(ตามาร)・มิรุบะ]”

 

จากนั้นพวกเราก็(เก็บ[ผลึกมาร]ที่เหลือในชั้นอื่นแล้ว)ออกจากหอคอยไป

 

────────

 

──หลังจากพวกโชมะจากไป──

 

[–ถึงจะไม่มีความทรงจำ แต่ก็รู้อยู่นะว่าราชาเป็นยังไง]

[เฮ?]

[อาา ทำให้ตกใจงั้นเหรอ ก็แค่คำพูดคนเดียวของอสูรรับใช้น่ะ]

[…เฮเฮ?]

[อยากฟังเหรอ นั่นสินะ ราชาน่ะ คือผู้ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าให้ยกตัวอย่างก็ลองคิดถึงใจกลางของวงล้อก็ได้]

[–เฮฮ]

[ไม่เข้าใจงั้นเหรอ? ใจกลางของวงล้อนั้นจะมีก้านมากมายติดอยู่ เข้าใจไหม…? เรากำลังจะพูดเรื่องดีๆให้ฟัง ใช่แล้วใช่แล้ว ก้านก็คือแกนที่ยืดออกมาจากแกนกลางของวงล้อน่ะ? ถึงแต่ละก้านจะไม่ได้สัมผัสกัน แต่ก็เชื่อมโยงกันอยู่ที่ใจกลาง หรือก็คือราชาน่ะคือผู้ที่ผสานผู้คนเข้าไว้ด้วยกัน]

[เฮเฮ]

[โอ้ เข้าใจด้วยอย่างนั้นเหรอ! จากสายตาของเราแล้ว เขาผู้นี้มีคุณค่านั้นมากพอแล้ว ก็เป็นคนที่เชื่อใจเจ้าแล้วฝากให้ดูแลเรานี่นา]

[เฮฮ เฮฮ]

[อืมอืม เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายนี่ การที่ได้เป็นลูกน้องของราชาองค์เดียวกับเจ้าเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ อืม งั้นมาพูดคุยกันหน่อยดีกว่า…]

[เฮฮ!]

 

挿絵(By みてみん)  

────────

 

““กลับมาแล้ว””

“โอ้ววววววววววววววกลับมาแล้ววววว!?”

 

พอเห็นพวกเรากลับมา ขุนศึกฮิลก้ากับพวกทหารก็ส่งเสียงออกมา

 

“การที่ทั้งสองคนกลับมาได้แบบไร้บาดแผล แสดงว่าอสูรตั้งแต่ชั้น5ถึงชั้น1ทั้งหมดถูกจัดการแล้วงั้นเหรอ!? ทั้งก็อบลินลอร์ด ทั้งหมาสองหัว ทั้งแมงป่องยักษ์ปีศาจ!!”

“[ราชาแห่งชายแดน]…เป็นคนยังไงกันแน่”

“ถ้า[ราชาแห่งชายแดน]จัดการอสูรทั้งหมดแล้ว แสดงว่าหอคอยถูกชำระล้างแล้วงั้นเหรอ…”

 

คุณขุนศึกกับพวกทหารตัวสั่น

 

“…ยูกิโนะ” “…ค่ะ นายของเรา”

 

ผมกับยูกิโนะพยักหน้าให้กัน–

 

““เป็นเช่นนั้น! หอคอยได้ถูกชำระล้างแล้ว!””

 

–แล้วไหลไปตามคำพูดของขุนศึกกับทหาร

 

“ยิ่งกว่านั้น ลูกน้องของเรายังได้รับพลังใหม่มาด้วย ดังนั้น ก็อยากจะขอไปรวบรวม[รั้ว(เฮ)]ที่ปราสาทหน่อย”

“ที่พูดกันเมื่อสักครู่สินะ [ไปรวบรวมทหาร(เฮ)]”

“แน่นอน ว่าไม่ได้จะบังคับพาไปหรอก”

 

ผมบอกขุนศึกฮิลก้า

 

“ปราสาทนั่นกับเมืองรอบๆอยู่ในความดูแลของขุนศึกสินะ? ข้าอยากจะขอรวบรวม[รั้ว(เฮ)]ที่นั่นจะได้ไหม?”