บทที่ 1714 การเคลื่อนไหวของเทพปีศาจไร้ขอบเขต

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

บทที่ 1714 การเคลื่อนไหวของเทพปีศาจไร้ขอบเขต

 

หนึ่งล้านปีก่อน

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตบุกวังสวรรค์ขณะที่ผู้อมตะของวังสวรรค์ไม่สามารถหยุดเขา

 

วังสวรรค์พบการสูญเสียครั้งใหญ่

 

ประตูสวรรค์กลางแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย วังสุริยัน และวิหารเทพทั้งห้ากลายเป็นบอบบางราวกับกระดาษ

 

ในที่สุดเทพปีศาจไร้ขอบเขตก็ไปถึงวิหารกลาง วังสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือน เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบ

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตตกลงสู่กับดักแต่เขายังสามารถหลบหนีออกมา

 

ด้านล่างของหอคอยดวงตาสวรรค์

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตมองเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาว “กลุ่มดาว เราต่างเป็นผู้อมตะระดับเก้า เจ้าพยายามกดขี่ข้า แม้ข้าจะเกลียดชังเจ้า แต่ข้ายังรู้สึกชื่นชมเจ้าเช่นกัน เจ้าตายไปแล้วขณะที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าเจ้าจะทิ้งสิ่งใดไว้เบื้องหลัง แล้วอย่างไร? เจ้าจะหยุดเทพปีศาจที่มีชีวิตได้งั้นหรือ? มันเป็นไปไม่ได้ ผู้อมตะระดับเก้าคือจุดสูงสุดของโลกใบนี้ มีเพียงผู้อมตะระดับเก้าที่มีชีวิตอีกคนเท่านั้นที่สามารถต่อต้านข้า”

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเผยรอยยิ้มขมขื่น นางเปิดทางเข้าสู่หอคอยดวงตาสวรรค์ “แน่นอน ข้าเข้าใจสิ่งที่เจ้ากล่าว แต่ข้าจะยอมแพ้โดยไม่พยายามได้อย่างไร? เชิญ”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “ไม่หยุดข้าแล้วงั้นหรือ?”

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “เมื่อข้าไม่สามารถหยุดเจ้า เหตุใดข้ายังต้องดื้อรั้น? ไร้ขอบเขต เมื่อเจ้าต้องการทําลายวิญญาณชะตากรรม ข้าก็จะพาเจ้าไปดู”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตตกตะลึงก่อนจะเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า

 

“น่าสนใจ” เขากล่าวเบาๆและเดินขึ้นไปบนหอคอยดวงตาสวรรค์พร้อมกับเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาว

 

หลังจากเห็นวิญญาณชะตากรรม ไม่นานเขาก็ออกมา

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์รู้สึกประหลาดใจมากเพราะเทพปีศาจไร้ขอบเขตไม่ได้ทําลายวิญญาณชะตากรรม มันยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบบนหอคอยดวงตาสวรรค์ ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตมองเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวด้วยสายตาเย็นชา “เทพอมตะแรกกําเนิดและเทพอมตะกลุ่มดาว พวกเจ้าทั้งสองทิ้งวิธีการมากมายไว้เบื้องหลัง พวกเจ้ากําลังดูถูกข้า ใช้พวกมันออกมาให้หมด ข้าต้องการเห็นพวกมันด้วยตาของตนเอง!”

 

เทพอมตะกลุ่มดาวถอนหายใจ เทพปีศาจไร้ขอบเขตต้องการต่อสู้ ดังนั้นนางจึงต้องมอบความบันเทิงให้เขา

 

ด้วยเหตุนี้การต่อสู้นองเลือดจึงดําเนินต่อไป

 

ผู้อมตะของวังสวรรค์จํานวนมากถูกสังเวยในมือของเทพปีศาจไร้ขอบเขต

 

ทะเลสาบเต๋าที่ถูกลืมกลายเป็นสีแดงเลือด เทพปีศาจไร้ขอบเขตหรี่ตามองและรู้สึกยินดีเล็กน้อย

 

เขามองระลอกคลื่นของทะเลสาบและถาม “มันคือสิ่งใด?”

 

“ทะเลสาบเต่ําที่ถูกลืม” เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวตอบ

 

“ทะเลสาบเต๋าที่ถูกลืม? เป็นชื่อที่ดี น่าเสียดายหากข้าทําลายมัน” เทพปีศาจไร้ขอบเขตกล่าวต่อ “เต๋าแห่งการลืมเลือน แต่ผู้ใดจะลืมเต๋าของพวกเขาได้อย่างแท้จริง?”

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าว “เมื่อเจ้ามาถึงวังสวรรค์แล้ว เหตุใดเจ้าไม่ลองเที่ยวชมรอบๆ?”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตมองเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวอย่างลึกซึ้ง “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะทําลายวังสวรรค์ของเจ้างั้นหรือ?”

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวกล่าวอย่างสงบ “เจ้าไม่สามารถทําลายวังสวรรค์ การจัดเตรียมขั้นสูงของเทพอมตะจะถูกกระตุ้นใช้งานเมื่อวังสวรรค์พบวิกฤตร้ายแรง กระทั่งเจ้าจะสามารถทําลายวังสวรรค์ แต่เจ้าก็ไม่สามารถทําลายวิญญาณชะตากรรม”

 

“สิ่งสําคัญที่สุดก็คือวังสวรรค์ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่นี่แต่มันอยู่ในใจของพวกเรา แม้วังสวรรค์จะถูกทําลาย คนรุ่นใหม่ก็จะสร้างมันขึ้นมาอีกครั้ง ไร้ขอบเขต เจ้าไม่สามารถอยู่ได้ตลอดไปใช่หรือไม่?”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตนิ่งเงียบและมองเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวด้วยสายตาเย็นชา

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวมองเทพปีศาจไร้ขอบเขตด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

 

ไม่นานหลังจากนั้นเทพปีศาจไร้ขอบเขตก็พยักหน้า “สมกับเป็นเทพอมตะกลุ่มดาว เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง”

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวไม่แปลกใจ “ไปเที่ยวชมกันต่อเถอะ”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตขึ้นไปบนภูเขากลุ่มดาวและพบกับศาลาบนยอดเขา

 

มันเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตเข้าไปในศาลาและสามารถมองเห็นวังสวรรค์ทั้งหมด

 

เขากล่าว “นี่เป็นศาลาที่ดี ชื่อของมันคือ?”

 

“ศาลาแห่งความเสียใจ” เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวตอบ

 

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปดหลังนี้ไม่สามารถเก็บซ่อนความลับใดๆต่อหน้าเทพปีศาจไร้ขอบเขต เขาสามารถมองเห็นโครงสร้างและเข้าใจมันอย่างชัดเจน

 

เขาพยักหน้า “เป็นชื่อที่เหมาะสม

 

“ข้าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ มันน่าเสียใจ แต่ชีวิตของผู้ใดจะสมบูรณ์ แบบโดยไม่มีข้อบกพร่องหรือความเสียใจ” เขาพึมพํา

 

เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเงียบ

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตหัวเราะก่อนจะแสดงออกอย่างเย็นชาอีกครั้ง

 

เขาปรบมือ “กลุ่มดาว สิ่งเหล่านี้เป็นการจัดเตรียมที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตามความสนใจของข้ากลับถูกกระตุ้นอีกครั้ง”

 

การแสดงออกของเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวเปลี่ยนไป

 

การจัดเตรียมของนางไม่ได้มีเพียงค่ายกลวิญญาณอมตะเก้าสิบเก้ารูปแบบแต่ยังรวมถึงทะเลสาบเต๋าที่ถูกลืมและศาลาแห่งความเสียใจ

 

เทพอมตะและเทพปีศาจเป็นตัวตนบนจุดสูงสุดของโลกใบนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถหยุดพวกเขา วิธีเดียวที่จะรักษาวังสวรรค์เอาไว้ได้คือการกําจัดเจตนาสังหารและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกเขา

 

ในแง่นี้ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีความเชี่ยวชาญมากที่สุด

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตได้รับผลกระทบจากการจัดเตรียมของเทพอมตะกลุ่มดาวและทําให้จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาลดลงชั่วครู่ก่อนจะฟื้นคืนกลับมา

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตไม่โจมตี เขามองเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่ม “ข้าเกิดผิดยุค น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของยุคที่ยิ่งใหญ่ในอีกล้านปีหลังจากนี้ กลุ่มดาว เจ้าก็เช่นกัน ในกรณีนี้ข้ามีข้อเสนอ

 

“เชิญกล่าว”

 

“เหตุใดเราไม่มาเล่นหมากรุกกันในศาลาแห่งนี้”

 

“หมากรุก?” เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวตกตะลึง “แน่นอนว่าเราสามารถเล่นหมากรุก

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตเล่นหมากรุกกับเจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวอยู่ในศาลาแห่งความเสียใจ

 

เมื่อเทพปีศาจไร้ขอบเขตจากไป เจตจํานงของเทพอมตะกลุ่มดาวก็หายไป ศาลาแห่งความเสียใจกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของวังสวรรค์

 

บางครั้งผู้คนจะมองเห็นร่างที่คลุมเครือสองร่างอยู่ในศาลาแห่งความเสียใจ

 

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่มุมใดก็ตาม พวกเขาจะเห็นเพียงด้านข้างของร่างทั้งสองเท่านั้น หนึ่งเป็นชาย อีกหนึ่งเป็นหญิง ทั้งสองดูคล้ายเทพปีศาจไร้ขอบเขตและเทพอมตะกลุ่มดาว

 

แต่ผู้อมตะของวังสวรรค์ที่เห็นภาพนี้มักตายภายในไม่กี่วันต่อมา ผู้โชคดีที่รอดชีวิตจะรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างไร้เหตุผล

 

หลายปีต่อมา

 

เทพอมตะบัวสวรรค์ไปที่ศาลาแห่งความเสียใจและต้องการกําจัดภัยคุกคามนี้ อย่างไรก็ตาม เขากลับส่ายศีรษะและต้องออกจากยอดเขากลุ่มดาว

 

หลายปีผ่านไปอีกครั้ง

 

เทพอมตะตะวันเดือดได้รับเชิญให้มาท่องเที่ยวที่วังสวรรค์ เขาเห็นหอเย็บปักถักร้อย เขาเห็นแผ่นหนังเปื้อนเลือดสามชิ้นที่ถูกทิ้งไว้โดยเทพปีศาจคลั่ง เขาเข้าไปในหอคอยดวงตาสวรรค์และพบกับวิญญาณชะตากรรม แต่เขาไม่ได้ขึ้นไปบนยอดเขากลุ่มดาว เขาเพียงมองไปที่ศาลาแห่งความโศกเศร้าก่อนจะจากไป

 

เรื่องราวเหล่านี้ผุดขึ้นในใจของราชันมังกรอย่างกะทันหัน

 

“เทพอมตะตะวันเดือดช่างเจ้าเล่ห์นัก เขาสังเกตเห็นบางสิ่งในเวลานั้น แต่เหตุใดปิงช่ายฉวนจึงสามารถขอความช่วยเหลือจากเทพปีศาจไร้ขอบเขต?”

 

ราชันมังกรคิดและต้องการหยุดชิงช่ายฉวนแต่เขาไม่รู้ว่าควรทําเช่นไร

 

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับจากร่างของปิงช่ายฉวนก่อนที่มันจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

 

ไกลออกไป บนยอดเขากลุ่มดาว

 

เงาร่างสองร่างปรากฏขึ้นในศาลาแห่งความโศกเศร้า

 

มันคือสองผู้อมตะระดับเก้าที่กําลังเล่นหมากรุก

 

สายตาของเทพอมตะกลุ่มดาวสั่นไหว นางเงยหน้าขึ้นมองเทพปีศาจไร้ขอบเขต “คนที่เจ้ารออยู่ที่นี่งั้นหรือ?”

 

เทพปีศาจไร้ขอบเขตส่ายศีรษะและถอนหายใจ “เขายังไม่มา แต่มันเป็นคนจากบ้านเกิดของข้าที่ได้รับมรดกที่แท้จริงของข้า ข้าต้องช่วยเขา”

 

หลังกล่าวจบคํา เขาหยิบตัวหมากรุกชิ้นหนึ่งขึ้นมาและสะบัดมันออกไป

 

ระหว่างกระบวนการทั้งหมด เทพปีศาจไร้ขอบเขตไม่แม้แต่จะหันหน้าไปทางสนามรบ

ตัวหมากรุกพุ่งเข้าปะทะร่างของราชันมังกร

 

ร่างของราชันมังกรสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง ความตกใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา

 

ในเวลาต่อมาราชันมังกรร่วงลงจากอากาศและตกลงบนพื้น

 

ตัวหมากรุกสร้างโซ่สีเงินรัดพันร่างกายรวมถึงมิติช่องว่างเทียมและผนึกวิญญาณทั้งหมดของราชันมังกรเอาไว้

 

ดวงตาของราชันมังกรเบิกกว้าง เขาสามารถหายใจได้ตามปกติแต่เขาไม่สามารถขยับร่างกาย

 

ความแข็งแกร่งของเขายังอยู่แต่เขาไม่สามารถทําสิ่งใด

 

มันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเก้า!

 

ราชันมังกรถูกผนึก ปราณมังกรของเขาสลายไป แท่นบูชาแห่งโชคและชิงช่ายฉวนได้รับอิสรภาพ

 

ชิงช่ายฉวนตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้าโจมตีราชันมังกร

 

แต่ราชันมังกรไม่ได้รับอันตราย

 

หัวใจของปิงช่ายฉวนจมดิ่งลง “ท่าไม้ตายอมตะระดับเก้าผนึกราชันมังกรเอาไว้แต่มันก็ปกป้องเขาในเวลาเดียวกัน นี่คือการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะระดับเก้างั้นหรือ?”

เมื่อปิงช่ายฉวนไม่สามารถสังหารราชันมังกร เขาจึงล้มเลิกความคิดนี้ทันที

 

เขาบินเข้าไปในแท่นบูชาแห่งโชคก่อนจะโจมตีวิหารกลางและทําลายมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

 

เทพธิดาจื่อเว่ยและเฒ่าเจิ้งหยวนทําได้เพียงหลบหนีออกมาเท่านั้น