“นี่เจ้า..เจ้าคิดจะทำอะไรกับบริษัทชิงหยุนกันแน่!”
  หลังจากที่เห็นสีหน้าท่าทางที่ไม่อ่อนข้อของชายหนุ่มทั้งสองเซิ่งหยิงหยิงก็อดที่จะเป็นห่วงบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่นขึ้นมาไม่ได้
  หลิงหยุนจ้องมองเซิ่งหยิงหยิงพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัยและตอบกลับไปว่า “ข้าว่าเจ้าห่วงตัวเองก่อนจะดีกว่า..”
  ทันทีที่เห็นสายตาคมกริบและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลิงหยุน เซิ่งหยิงหยิงก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป และรู้สึกสะท้านกับสายตาที่จ้องมองเรือนร่างของตนเองเช่นนั้น
  แต่เพราะฤทธิ์ของไวน์Lifte หลายขวดที่ดื่มเข้าไป ทำให้เซิ่งหยิงหยิงใจกล้า และไม่คิดที่จะหลบสายตาของหลิงหยุน หนำซ้ำยังจงใจเอี้ยวตัวลุกขึ้นยืนอวดเรือนร่างต่อหน้าหลิงหยุนด้วย  “เจ้าต้องการอะไรกันแน่!”
  เซิ่งหยิงหยิงทำให้หวังเจิ้นจวินต้องสูญเงินไปเป็นพันล้านอีกทั้งตัวนางกับพี่ชายยังต้องเป็นหนี้หลิงหยุนอีก และเมื่อได้พบกับหลิงหยุนอีกครั้งในคืนนี้ นางก็ยังต้องเสียพนันให้กับหลิงหยุนอีกหลายสิบล้าน ทำให้เซิ่งหยิงหยิงสุดที่จะทน และถามกลับไปด้วยความโมโห..
  หลิงหยุนเงยหน้าขึ้นมองเซิ่งหยิงหยิงสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หน้าอกคู่นั้นของนางพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “ก็ถ้าเจ้าใช้หนี้ข้าเป็นอย่างอื่นก็น่าจะดีกว่า..”
  ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนเซิ่งหยิงหยิงก็แทบอยากจะยกแก้วไวน์สาดใส่หน้าผู้ชายไร้ยางอายอย่างหลิงหยุน แต่เมื่อหันไปเห็นโม่วู๋เตา ถังเมิ่ง และตี้เสี่ยวอู๋ที่ยังคงนิ่งเฉย นางก็ได้แต่คิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง..
  เซิ่งหยิงหยิงทำท่าทางราวกับผู้หญิงก๋ากั่นใส่หลิงหยุนพร้อมกับโปรยยิ้มหวานอย่างมีเสน่ห์ให้ และตอบกลับไปว่า
  “ได้!ที่บ้านของเจ้า หรือที่บ้านของข้าดีล่ะ”
  ระหว่างที่พูดนั้นก็แสร้งทำเป็นล้มตัวเข้าหาอ้อมอกของหลิงหยุนแต่หลิงหยุนกลับรีบยกมือขึ้นดันไหล่ของเซิ่งหยิงหยิงไว้ และผลักให้นางกลับไปนั่งที่เดิม
  “เอาล่ะ..เจ้าเป็นฝ่ายชนะ!”
  หลิงหยุนเป็นฝ่ายประกาศยอมแพ้เซิ่งหยิงหยิงพร้อมบอกกับนางว่า “หนี้สินระหว่างข้ากับเจ้าเป็นอันโมฆะ!”
  “ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
  ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุนทั้งถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ และโม่วู๋เตาต่างก็หัวเราะจนตัวงอ..
  “เฮ้อ..เหตุใดสาวงามจึงได้มักดุดันเช่นนี้กันทุกคนนะ!
  เมื่อเห็นน้องชายทั้งสามของตนยังคงหัวเราะเสียงดังไม่หยุดเช่นนี้หลิงหยุนจึงได้แต่ส่ายหน้า พร้อมกับถอนหายใจและพึมพำออกมา
  “เป็นโมฆะจริงๆงั้นรึ!”
  เซิ่งหยิงหยิงร้องถามออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง..
  “จริงสิ!”
  หลิงหยุนตอบยิ้มๆพร้อมกับย้ำอีกว่า “หากไม่มีเจ้า ข้าจะได้เงินจากบริษัทชิงหยุนตั้งมากมายได้อย่างไรกัน!”
  ถังเมิ่งหยุดหัวเราะและพูดแทรกขึ้นว่า “นั่นสิ! ผมกับพี่หยุนยังคิดว่าเดี๋ยวคุณกับพี่ๆคงจะกลับมาแก้แค้นคืนแน่ แต่พวกเราก็ต้องรอเก้อ น่าเสียดายจริงๆ..”
  เซิ่งหยิงหยิงได้ฟังสองหนุ่มพูดจาล้อเลียนให้ได้อายเช่นนั้นจึงได้แต่โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร จึงได้แต่ยกแก้วไวน์ตรงหน้าขึ้นกระดกเข้าปากจนหมด..
  “พวกเจ้าก็ดื่มด้วย!”   เซิ่งหยิงหยิงร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโหหลังจากที่ทุกคนดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมดแล้ว ตี้เสี่ยวอู๋จึงจัดการรินไวน์ลงไปในแก้วให้กับทุกคนใหม่
  จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงก็พูดขึ้นว่า“หลิงหยุน.. ข้าอยากรู้ว่าเจ้าเก่งกาจเพียงใด”
  หลิงหยุนยิ้มให้พร้อมกับพูดขึ้นว่า“ได้! เจ้าจับตาดูให้ดี ข้าจะสลับแก้วไวน์ของเจ้ากับข้า!”
  แล้วเซิ่งหยิงหยิงก็ถึงกับต้องร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเพราะแม้กระทั่งจับตามอง นางเองก็ยังไม่เห็นว่าหลิงหยุนได้สลับแก้วไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะแม้แต่โคตรเซียนอันดับหนึ่งเซิ่งลิ่วฉีพ่อของตน ยังไม่สามารถทำได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และที่สำคัญคือไวน์ที่อยู่ในแก้วไม่หกกระเด็นเลอะเทอะแม้แต่หยดเดียว..
  “หลิงหยุน..นี่เจ้าไปฝึกมาจากที่ใด!”
  หลิงหยุนไม่ตอบ..แต่จ้องมองหน้าอกทั้งสองข้างของเซิ่งหยิงหยิงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าอยากจะพิสูจน์อีกหรือไม่”   “ทะลึ่ง!”
  เซิ่งหยิงหยิงรีบเอามือกอดอกไว้พร้อมกับนั่งลงทันทีเพราะรู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดที่จะทำอะไร
  “เจ้าไม่อยากพิสูจน์หรอกรึ!ข้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าสวมชุดชั้นในสีอะไร?”
  “ไม่!เจ้าพิสูจน์ด้วยวิธีอื่นก็ได้นี่นา!”
  “หากพิสูจน์ด้วยวิธีอื่นข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่เชื่อข้าน่ะสิ!”
  “นี่..เจ้า.. เจ้าเห็นอะไรบ้าง!”
  “ข้าแนะนำให้พูดเสียงเบาๆไม่เช่นนั้นผู้คนจะพากันได้ยินกันหมด!”
  “….”
  เซิ่งหยิงหยิงได้แต่นิ่งเงียบไปและจ้องมองหลิงหยุนราวกับพบเห็นปีศาจ พร้อมกับครุ่นคิดในใจว่า
  ‘ในโลกนี้มีคนที่มีดวงตาเอ๊กซ์เรย์สามารถมองทะลุได้จริงๆงั้นรึ!’   จากนั้นเซิ่งหยิงหยิงเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนหลิงหยุน“หลังจากดื่มไวน์ขวดนี้หมด เราไปที่อื่นกันต่อดีหรือไม่”
  แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะปฏิเสธเพราะเขาเองก็ไม่คิดที่จะกระชับสัมพันธ์กับเซิ่งหยิงหยิงในเวลานี้
  “เจ้าจะไปหรือไม่ไป!หลิงหยุน.. เจ้าต้องรับผิดชอบ!”
  เสียงร้องตะโกนของเซิ่งหยิงหยิงดังจนผู้คนรอบตัวต่างก็หันมามองกันเป็นตาเดียว..
  “ห๊ะ!ข้าต้องรับผิดชอบอะไรงั้นรึ?!”
  เซิ่งหยิงหยิงเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบขวดไวน์ขึ้นมารินให้กับสามหนุ่มยกเว้นหลิงหยุน แล้วจึงพูดขึ้นว่า
  “วันนี้ข้ามีความสุขมากที่ได้พบกับทุกคนอีกครั้ง..”
  จากนั้นทั้งถังเมิ่งตี้เสี่ยวอู๋ โม่วู๋เตา และเซิ่งหยิงหยิงก็ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมด..   “ท่านประธานถัง..รบกวนเจ้ากับคนอื่นๆ ไปคอยข้างนอกก่อน เสร็จธุระแล้วข้าจะออกไปพร้อมกับหมอนี่เอง!”
  ….
  ถังเมิ่งตะโกนเรียกโม่วู๋เตากับตี้เสี่ยวอู๋ให้เดินตามตนเองออกไปนอกร้านหลานกุ้ยฟงทันที..
  “นี่พวกนาย..ไหนบอกว่าจงรักภักดีกับฉันไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงทิ้งฉันไปหมดแบบนี้ล่ะ?!” หลิงหยุนร้องตะโกนไล่หลังน้องชายทั้งสามไปทันที
  “หุบปากได้แล้ว!”
  “บอกฐานะที่แท้จริงของเจ้าให้ข้ารู้ได้แล้ว!”
  หลิงหยุนถึงกับเงียบไปทันทีและได้แต่คิดในใจว่าหญิงสาวผู้นี้ช่างดุดันยิ่งนัก และเขาเองก็ไม่นิยมทะเลาะกับหญิงสาวด้วย..
  เซิ่งหยิงหยิงลุกขึ้นและเดินไปนั่งข้างหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ถึงแม้เจ้าจะไม่ยอมบอกฐานะที่แท้จริงให้ข้ารู้ แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถปกปิดข้าได้งั้นรึ! ไม่นานข้าก็สืบรู้เองจนได้..”
  “นี่คนสวย..ข้ากับเจ้ามาพบกันโดยบังเอิญ แล้วข้าก็ยกหนี้ทั้งหมดให้กับเจ้าไปแล้ว แต่หากเจ้ายังทำเช่นนี้จะไม่เป็นการดีต่อตัวเจ้านัก!”
  หลิงหยุนกระซิบบอกด้วยความอดทน..
  “เจ้ามันไร้ยางอาย!”เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
  หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปทันที “ถูกต้อง! เจ้าเองก็ควรจะอยู่ให้ห่างข้าจะดีกว่า..”
  แต่ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะพูดจบเซิ่งหยิงหยิงก็ได้กอดแขนหลิงหยุนไว้พร้อมกับกระซิบข้างหูของเขาว่า
  “หากเจ้าไม่ยอมบอกข้าคืนนี้ก็อย่าหวังได้กลับบ้านเลย!”
  หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อนุ่มสองก้อนที่เบียดเสียดอยู่กับแขนของตนและได้แต่คิดในใจว่าหญิงสาวน่าจะดื่มเข้าไปมากจนเกินไป จากนั้นจึงก้มลงกระซิบข้างหูของเซิ่งหยิงหยิงเพื่อข่มขู่ให้นางกลัว
  “ข้าคงต้องให้เจ้าชดใช้หนี้ด้วยเรือนร่างแล้วสินะ!”
  “เจ้ากล้าพอหรือไม่ล่ะ”
  “เจ้าดื่มหนักเกินไปแล้ว..ข้าจะส่งเจ้ากลับบ้าน!”
  หลิงหยุนเห็นอาการของเซิ่งหยิงหยิงหลังจากดื่มไวน์Lafite ไปคนเดียวร่วมสองขวดแต่ก็ยังยืนกรานว่าตนเองไม่เมานั้น ก็ได้แต่ส่ายหน้า และรีบพยุงร่างของนางออกไปทันที
  หลิงหยุนยิ้มให้ถังเมิ่งที่ยืนรออยู่พร้อมกับพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. นี่ก็ตีสี่แล้ว รีบพาเธอไปส่งที่บ้านดีกว่า ตอนนี้เธอเมามากแล้ว ฉันเองก็จะได้รีบกลับไปฝึกวิชาต่อ!”
  ถังเมิ่งได้แต่ส่ายหน้าพร้อมกับพึมพำออกมาว่า“เฮ้อ.. เวลาแบบนี้กลับคิดถึงเรื่องฝึกวิชามากกว่าเรื่องอื่น” จากนั้นจึงวิ่งตามหลิงหยุนไปที่จอดรถทันที
  หลังจากที่ทั้งห้าคนขึ้นไปบนรถแล้วหลิงหยุนก็ปลุกเซิ่งหยิงหยิงให้รู้สึกตัวเพื่อที่จะสอบถามที่อยู่จากนาง จะได้ขับรถไปส่งที่บ้านได้ถูก
  อากาศในช่วงเวลาตีสี่เช่นนี้ค่อนข้างจะเย็นอีกทั้งกระจกรถก็แตกลมจึงพัดเข้ามาภายในรถได้ หลิงหยุนเกรงว่าหญิงสาวจะหนาวจึงเรียกเสื้อโค้ทที่อยู่ในแหวนออกมาคลุมร่างของเซิ่งหยิงหยิงไว้
  “พี่หยุน..หรือพี่จะพาเธอไปเปิดห้องที่โรงแรมดี!”
  ถังเมิ่งร้องถามออกมาด้วยแววตาเป็นประกายแต่โม่วู๋เตาเป็นฝ่ายพูดขึ้นว่า “ถังเมิ่ง.. ข้าจะบอกเกาเฉินเฉินว่าเจ้าแนะนำหลิงหยุนเช่นนี้!”
  ถังเมิ่งได้ยินถึงกับกร่นด่าและสาปแช่งโม่วู๋เตาทันทีเช่นกัน..   หลิงหยุนถึงกับขมวดคิ้วแน่น..เซิ่งหยิงหยิงเมาจนไม่รู้สึกตัวเช่นนี้ เขาจะไปส่งนางที่บ้านได้อย่างไร จะพากลับไปที่บ้านตระกูลหลิงย่อมไม่เป็นการดีเช่นกัน!
  แต่แล้วหลิงหยุนก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงร้องตะโกนถามถังเมิ่งว่า “ถังเมิ่ง.. นายน่าจะมีเบอร์ติดต่อพี่ชายของเซิ่งหยิงหยิง!”
  ถังเมิ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดดูจากนั้นจึงรีบโทรหาพี่ชายของเซิ่งหยิงหยิงทันที จากนั้นจึงรีบเปิดแผนที่ในโทรศัพท์ และตะโกนบอกเส้นทางกับตี้เสี่ยวอู๋
  และเมื่อไปถึงหน้าบ้าน..ทุกคนก็พบว่ามีชายชราวัยห้าสิบปีรูปร่างปานกลางกำลังยืนเอามือไขว้หลังคอยอยู่ที่หน้าประตูแล้ว ดวงตาของชายชราผู้นี้คมกริบราวกับเหยี่ยว..
  ถังเมิ่งถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ“นั่นมันโคตรเซียนอันดับหนึ่งเซิ่งลิ่วฉี!”
  มีหรือที่ถังเมิ่งจะไม่สามารถจดจำไอดอลในดวงใจของตนเองได้!   หลิงหยุนแทบไม่ต้องรอให้ถังเมิ่งบอกเพราะเขาได้เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจก่อนหน้านี้แล้ว และพบว่าชายชราที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่นั้น มือขวาของเขานั้นมีนิ้วทั้งหมดหกนิ้ว ซึ่ง ‘ลิ่วฉี’ ก็มีความหมายว่าหกนิ้ว..
  หลิงหยุนพยุงร่างของเซิ่งหยิงหยิงลงจากรถในขณะที่ถังเมิ่งนั้นพุ่งไปทักทายเซิ่งลิ่วฉีก่อนใครๆ
  “ท่านโคตรเซียนเซิ่งลิ่วฉี!”
  เซิ่งลิ่วฉีไม่สนใจรถบุบๆของหลิงหยุนสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ร่างของลูกสาวผ่านกระจกรถที่แตก..
  ในขณะที่ถังเมิ่งรีบยื่นมือออกไปทักทายพร้อมกับแนะนำตัวเองอย่างตื่นเต้นดีใจ “อาวุโส! ผมชื่อถังเมิ่งมีฉายาว่าเซียนพนันรุ่นเล็ก อาวุโสเป็นไอดอลในดวงใจของผมเลย!”
  เมื่อเห็นท่าทางของถังเมิ่งชายหนุ่มที่เหลือก็ได้แต่ก้มหน้าลงด้วยความอับอายแทน..   “ประธานบริษัทเทียนตี้ คอร์ปอเรชั่น..”
  เซิ่งลิ่วฉียิ้มให้พร้อมกับยื่นมือขวาออกไปจับมือถังเมิ่งเป็นการทักทาย..
  เมื่อถังเมิ่งเห็นเซิ่งลิ่วฉียื่นมือขวาออกมาจับมือตนเองเช่นนี้จึงยิ่งตื่นเต้น และพูดขึ้นว่า “อาวุโส.. นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับไอดอลในดวงใจ ผมขอลายเซ็นได้มั๊ยครับ!”
  “ลายเซ็นจะสำคัญอะไรนัก..หากมีโอกาสก็ต้องเล่นไพ่ด้วยกันจึงจะถูก!”
  เซิ่งลิ่วฉีตอบกลับและค่อยๆดึงมือของตนเองกลับมาช้าๆ
  “ห๊ะ..!”ถังเมิ่งถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ และได้แต่นิ่งอึ้งไป
  หลิงหยุนเห็นถังเมิ่งก็ได้แต่ส่ายหน้าในขณะเดียวกันก็พยุงร่างของเซิ่งหยิงหยิงก้าวเข้าไปหาเซิ่งลิ่วฉีพร้อมกับพูดขึ้นว่า
  “อาวุโส..ข้าพบกับลูกสาวของท่านที่บ่อน และได้เล่นไพ่ด้วยกัน จากนั้นจึงพากันมานั่งดื่มไวน์ต่อที่บาร์แห่งหนึ่งในถนนซานหลี่ถุนและตอนนี้นางก็เมามาก!”
  หลิงหยุนอธิบายให้เซิ่งลิ่วฉีฟังอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบังในขณะเดียวกันก็ค่อยๆถ่ายเทพลังชีวิตลงไปในร่างของเซิ่งหยิงหยิง เพื่อขับแอลกอฮอล์ในร่างของนางออกไปให้มากที่สุด..
  เซิ่งลิ่วฉีรับร่างของบุตรสาวมาพร้อมกับจ้อมมองหลิงหยุนและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าคือหลิงหยุน..”
  หลิงหยุนพยักหน้า…
  เซิ่งลิ่วฉีจึงพูดต่อว่า“ขอบใจพ่อหนุ่มมาก! หยิงหยิงถูกข้าตามใจจนกลายเป็นเด็กเอาแต่ใจ หวังว่านางจะไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับเจ้ามากนัก”
  หลิงหยุนส่ายหน้ายิ้มๆพร้อมตอบกลับไปทันที “ไม่เลย.. อาวุโสอย่าได้เกรงใจ พวกเราต่างก็ป็นสหายกัน!”
  เซิ่งลิ่วฉีมองหน้าหลิงหยุนพร้อมกับถามยิ้มๆ“สหายงั้นรึ!”   “เพิ่งจะเป็น!”หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
  เซิ่งลิ่วฉีพยักหน้าและถามขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นสหายกัน เจ้าจะเข้าไปนั่งในบ้านก่อนหรือไม่!”
  หลิงหยุนส่ายหน้า“ข้าต้องรีบกลับบ้านแล้ว ไม่รบกวนอาวุโสจะดีกว่า!”
  “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่รั้ง..ไว้เจ้ามีเวลา ก็แวะมาดื่มชากับข้าที่บ้านได้!”
  ทั้งคู่ต่างก็พูดจากันเพียงแค่สั้นๆและไม่มีผู้ใดไต่ถามถึงเรื่องราวในอดีต..
  “อาวุโส..ข้าขอตัวก่อน!”
  หลังจากเอ่ยลาเซิ่งลิ่วฉีแล้วหลิงหยุนก็ดึงถังเมิ่งที่ยังคงยืนนิ่งด้วยความตกตะลึงให้เดินตามไป
  เซิ่งลิ่วฉีมองตามแผ่นหลังของชายหนุ่มทั้งสี่คนที่เดินกลับไปขึ้นรถพร้อมกับพึมพำเสียงเบา
  “ใช่แล้ว!เขาคือมังกรท่ามกลางหมู่มวลมนุษย์!”   จากนั้นเซิ่งลิ่วฉีจึงหันไปมองหน้าลูกสาวสุดที่รักพร้อมกับพูดขึ้นว่า “นี่เจ้าจะตื่นได้หรือยัง พวกเขากลับกันไปหมดแล้ว เจ้ายังจะมองอะไรอีก? ตามข้าเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!”
  “ใครมองกันเล่า!”
  เซิ่งหยิงหยิงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอดไม่พอใจพร้อมกับเดินเข้าบ้านไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับเสื้อคลุมตัวใหม่..