เต่าเหล็กทมิฬ

โดยที่ไม่หันหลังกลับ โจวเหวินเดินจากไปอย่างไวโดยที่มีนาโอะยืนถือกระดาษกับปากกาคว้างอยู่กับความว่างเปล่า

การกระทำของโจวเหวินนั้นในมุมมองของนาโอะ มันดูไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ถึงจะไม่อยากแจกลายเซนแฟนคลับ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องเย็นชาทำตัวแบบนั้นเลย

“ช่างมันเถอะ เราไปกันได้แล้ว”บอดี้การ์ดหญิงพูด

“อ้อ เข้าใจละว่าทำไม นายไปก่อนเลย ฉันคิดหาวิธีใหม่ได้แล้ว” นาโอะพูดก่อนจะรีบวิ่งไปอีกทาง

พอหาที่ลับตาคนได้แล้ว นาโอะก็กลับร่างของหญิงสาวตามเดิม แล้วเปลี่ยนกลับไปเป็นชุดผู้หญิงเวลามาเที่ยวทะเล ก่อนจะเดินกลับไปที่ชายหาด

ถึงแม้ว่านาโอะจะไม่เคยชอบแนวคิดที่ผู้ชายมองผู้หญิงเป็นแค่ของประดับก็ตาม แต่เธอก็ต้องยอมรับว่าผู้หญิงนั้นก็สร้างความได้เปรียบได้ในหลายๆแง่เหมือนกัน

หรือจะให้พูด คนปรกตินั้น ก็จะไม่ค่อยสนใจและไม่อยากยุ่งกับแฟนคลับผู้ชายอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นแฟนคลับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยน่ารักอย่างเธอนั้น ยังไงก็ยากจะปฏิเสธ

อุเอซึกิ นาโอะ เองก็ค่อนข้างมั่นใจในหุ่นและหน้าตาของตัวเองมากๆ และเชื่อว่าหุ่นและหน้าตาของเธอนั้นดีกว่าตอนที่เป็นชูไอซะอีก

“ในเมื่อที่นี้ไม่มีใครรู้จักเรา จะใช้ร่างนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาหรอกนะ”นาโอะคิดก่อนจะเดินไปที่ชายหาดแล้วเดินไปหาโจวเหวิน

โจวเหวินที่กำลังเดินไปเรื่อยๆตามชายหาดกำลังตามหารูปสลักรูปมือออยู่นั้นเองจู่ๆก็รู้สึกเหมือนมีคนมองเขาอีกครั้ง โจวเหวินเลยหันกลับไป แล้วพบว่า ผู้ชาย2คนที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว แต่คนที่มองเขานั้น กลับเป็นหญิงสาววัยสะพรั้ง อายุ18-20ปี สวยน่ารักมากๆ

พอเห็นว่าโจวเหวินมองมาทางเธอแล้ว นาโอะจึง “ยิ้มกระชากใจ” ในมุมมองของนาโอะนี้คืออาวุธลับที่พิฆาตชายทุกคนที่อยู่ในระยะสายตาด้วยซ้ำ

โจวเหวินมองดวงตาของนาโอะแล้วรู้สึกคุ้นๆ แต่ยังไงก็ตามเขาก็ทำได้แค่คุ้นเท่านั้น การจะมองดวงตาของใครซักคนแล้วแยกออกนั้นมันยากมากๆ เพราะงั้นเขาเลยอยากจะมองใกล้ๆมากกว่านี้เพื่อให้แยกออกว่าเขาเคยเห็นสายตาแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

นาโอะคิด “หึหึ ผู้ชายมันก็เหมือนกันหมดนั้นละ”

พอคิดแบบนั้น นาโอะก็เดินเข้าไปหาโจวเหวิน สายลมพัดพามวลผมของเธอให้สยายไปตามกระแสลมทะเลที่พัดผ่าน ชุดเดรสฤดูร้อนของเธอต้องลมและแสงแดดเจิดจ้า ทำให้ดูเปร่งประกาย และเน้นชัดให้รูปร่างของเธอนั้นดูดีเข้าไปกว่าเดิมอีก

การเดินเข้าหาของเธอนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เว่อร์เหมือนนางแบบบนรันเวย์ แต่มันกลับดูธรรมชาติและรู้สึกได้ถึงความน่ารักในแบบที่นางแบบหาไม่ได้

“ฉันชื่อไหเอ๋อนะ นี้ฉันเคยเจอนายที่ไหนมาก่อนรึเปล่า ช่วยบอกชื่อของนายหน่อยจะได้ไหม”นาโอะเข้าหาโจวเหวินก่อนจะเอามือสยายผมแล้วพูดกับโจวเหวินด้วยรอยยิ้ม

“จำผิดคนแล้ว ฉันไม่รู้จักเธอหรอก”โจวเหวินพูด ก่อนจะคิด เขาไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริงๆแล้วเดินจากไป

นาโอะผงะเล็กน้อย พอเห็นโจวเหวินหันกลับกลับอย่างใจเย็นเธอก็เดินตามมาแล้วมามาหยุดข้างหน้าโจวเหวินแล้วพูดด้วยท่าทางกึ่งๆเขินอายกึ่งๆขี้เล่น “ไม่รู้จักก็ไม่เป็นไรหรอก เราไปเดินเล่นด้วยกันหน่อยจะได้ไหม?”

“ไม่เป็นไรหรอก เธอไปเถอะ”โจวเหวินโบกมือไล่นาโอะโดยที่มองไปทางปะการังข้างหลังเธอก่อนที่จะเดินเมินเธอไป

นาโอะยืนคว้างอีกครั้ง เธอตอบสนองไม่ทันเลยทีเดียว สติของเธอเด้งกลับเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่โจวเหวินเดินจากไปแล้วโดยไม่หันหลังกลับ

“ไอ้หมอนี้ มันเป็นผู้หญิงปลอมตัวมารึยังไงกันนะ”นาโอะเริ่มคิดแปลกๆ

โจวเหวินเดินวนรอบชายหาดแล้วแต่ก็ยังไม่พบรูปสลักรูปมือแม้แต่น้อย เขาเลยฆ่าไล่ฆ่าเต่าที่คลานอยู่ตามชายหาด แต่น่าเสียดายมันเป็นแค่เต่ากระดองเหล็กระดับตัวอ่อนเท่านั้น ไม่มีอะไรดรอปออกมาเลย

โจวเหวินเลยอัญเชิญวัวยักษ์ต้าเหว่ยแล้วขี่วัวเข้าไปในเกาะในทะเล เกาะทั้ง6ในทะเลนั้นจะปรากฏขึ้นมาเฉพาะตอนที่น้ำลงเท่านั้น ตามข้อมูลที่โจวเหวินได้มานั้น มันมักจะมีเต่าระดับเร้นลับปรากฏตัวออกมาบริเวณเกาะกระดองเต่าทั้ง6แต่จำนวนของมันนั้นน้อยมากๆ ส่วนมากที่เห็นมีแค่ระดับตำนานกับระดับมหากาพย์

โจวเหวินไม่ได้สนใจพวกเต่าธรรมดาอยู่แล้ว เพราะเดิมทีที่เขาตั้งใจคือเขาตั้งใจจะไปหารูปสลักรูปมือที่เกาะนั้นเฉยๆ

ที่เกาะกระดองเต่านั้นมีคนล่าเต่ากันอยู่มากมาย คนที่มาล่าบนเกาะนั้นแกร่งกว่าคนที่อยู่ที่ชายหาดแน่นอน เพราะส่วนมากนั้นจะเป็นระดับตำนานกัน และบางครั้งก็มักจะเห็นคนระดับมหากาพย์มาที่เกาะนี้ด้วย

โจวเหวินไม่สนใจพวกเขาแม้แต่น้อย เขาไปที่เกาะแรกแลล้วไม่พบรูปปสลัก แต่ตอนที่เขากำลังจะออกจากเกาะไปนั้น เขาก็พบเข้ากับสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์พุ่งขึ้นมาจากทะเล

มันเป็นเต่าที่ขนาดตัวเท่าๆกับช้าง กระดองของมันนั้น ดูเหมือนกับกระดองเต่าเหล็กมาก แต่มันเป็นสีดำเข้มและดูแกร่งกว่ามากๆ บนกระดองนั้นยังมีลวดลายประดับด้วยสีทองเหมือนเป็นดิ้นสีทองบนกระดองนั้น

“ต เต่าเหล็กทมิฬระดับเร้นลับนี้”ไม่ไกลกันนั้นมีใครบางคนร้องออกมา

เสียงของเขานั้นทำให้หลายๆคนที่อยู่แถวๆนั้นหันมาทางเดียวกัน บางคนก็พุ่งตรงมาทางนั้นเลยด้วยซ้ำ

แน่นอนว่าคนที่กล้าพุ่งเข้าใส่นั้นเป็นพวกระดับมหากาพย์

เพราะว่าความเร็วของเต่าเหล็กทมิฬนั้นมันไม่ได้เร็วมาก ระดับมหากาพย์นั้นสามารถหลบได้อย่างง่ายดาย แถมยังสามารถซัดการโจมตีระดับมหากาพย์ได้จากทุกทิศทาง ดึงความสนใจไปทางซ้ายบ้างขวาบ้าง ที่ต้องระวังก็มีแค่หัวกับหางของเต่าเท่านั้น

เต่าในสุสานเต่านั้นมีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งมากแต่ความสามารถทางการต่อสู้นั้นไม่ได้สูงมาก มันเป็นระดับเร้นลับที่สามารถโดนระดับมหากาพย์หลายคนรุมกระทืบได้

แต่ถึงอย่างนั้นการโจมตีแค่ระดับมหากาพย์ของมนุษย์นั้นส่วนมากทำอะไรเต่าเหล็กทมิฬไม่ได้แม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นสกิล หรือสัตว์อสูร โจมตีเข้าใส่เต่าเหล็กทมิฬ ก็มักจะมีเสียงเหมือนโลหะกระทบกันอย่างแรงจนมีเสียงดังก้อง แต่มันกลับไม่มีร่องรอยคววามเสียหายแม้แต่น้อย

โจวเหวินมองไปรอบๆซักพัก เขายังไม่รีบโจมตีเต่าเหล็กทมิฬนทันที

นาโอะที่ตามไปที่เกาะนั้นเองทันทีที่เห็นเต่าเหล็กทมิฬ เธอก็เกิดความคิดในหัว “บางทีเราอาจจะใช้โอกาสนี้ในการลองดูฝีมือของโจวเหวินก็ได้”

หลังจากได้เห็นวิชาดาบของโจวเหวินแล้ว ถึงแม้ว่านาโอะจะมีผู้พิทักษ์มารสวรรค์ซึ่งเหนือกว่าโจวเหวินแน่ๆ แต่เธอก็ไม่กล้าดูถูกโจวเหวินอยู่ดี

นาโอะคิดว่าบางทีโจวเหวินอาจจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอในอนาคต และในครั้งนี้ โจวเหวินก็เป็นคู่แข่งคนสำคัญของเธอในการแย่งชิงสัมปทานผงเวทมนตร์ โจวเหวินเป็นตัวแทนของตระกูลอัน ถ้าเธอสามารถหาทางฆ่าโจวเหวินก่อนที่จะไปฆ่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติ มันก็ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก2ตัว

“วิชาดาบของฉันอาจจะไม่ได้ดีเท่านาย แต่ในการต่อสู้จริง นายไม่มีทางชนะฉันได้แน่”นาโอะคิดก่อนจะค่อยๆตรงไปทางเต่าเหล็กทมิฬ

พวกคนระดับมหากาพย์นั้นยังไงก็โจมตีเต่านั้นไม่เข้าเลยแม้แต่น้อย

โจวเหวินมองดูแล้ว เขาพอจะเข้าใจพื้นฐานของเต่าเหล็กทมิฬพอสมควร มันเป็นระดับเร้นลับที่มีแต่พลังป้องกันเท่านั้น ด้านอื่นๆนั้นอ่อนมาก ตราบใดที่ทำลายการป้องกันของมันได้ก็ฆ่าได้ไม่ยาก