ตอนที่ 2824 โลกที่เงียบสงัด

ในห้องโถงชั้นบนสุดของคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการ เมื่อได้ยินคำสั่งของซือเฟิง ไฟเออร์แดนซ์ก็ได้ออกคำสั่งให้ปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกยิงพร้อมกัน

หลังจากนั้นปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบป้อมปราการก็เริ่มดึงดูดมานาเข้ามารวมกันเรื่อยๆ

ชั่วขณะหนึ่งนั้นบริเวณปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ทั้งยี่สิบหกกระบอกก็เต็มไปด้วยหมอกมานาหนาแน่นก่อนที่มันจะเริ่มกลั่นตัวเป็นมานาที่เป็นของเหลว และพุ่งลงไปในปากกระบอกปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ทั้งหมด

หลังจากนั้นวงเวทย์ขนาดใหญ่สีแดงเลือดที่ซ้อนทับกันสามชั้นก็เริ่มปรากฎขึ้นบริเวณปากกระบอกปืนใหญ่แต่ละกระบอก ซึ่งออร่าและพลังที่มันแผ่ออกมานั้นก็ทำให้พื้นที่โดยรอบบิดเบี้ยวจนเกิดรอยแยกเชิงพื้นที่ขึ้นมาจำนวนหนึ่งเลย

ทันใดนั้นหลังจากเล็งไปยังกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ที่โจมตีวงเวทย์ป้องกันของพวกเขาอยู่ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ลำแสงสีแดงเข้มยี่สิบหกลำแสงก็ถูกยิงพาดผ่านท้องฟ้าไป โดยลำแสงทั้งหมดนี้ได้เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นสีแดงเข้มเลย

ซึ่งนี่มันก็ทำให้พวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดที่โจมตีวงเวทย์ป้องกันของป้อมปราการนั้นพยายามที่จะหลบการโจมตีจากลำแสงนี้ที่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตามด้วยความที่พวกมันเข้ามาตรึงกำลังโจมตีกันแบบแออัดเกินไป มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ส่วนใหญ่จึงถูกลำแสงนี้กลืนกินเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อการโจมตีนี้ทั้งหมดเสร็จสิ้น และหายไป ผู้เล่นทั้งหมดก็สามารถมองเห็นสภาพน่าสังเวชของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่ถูกลำแสงสีแดงเข้มโจมตีไปเต็มๆอย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่ในหมู่พวกมอนสเตอร์เหล่านี้นั้นมีไฟไหม้อยู่ตามร่างกายหลายจุดด้วย

มอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายขั้นสี่ ซึ่งแต่เดิมมี HP ราวเจ็ดพันสามร้อยล้าน ตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเหลือ HP ต่ำกว่าห้าพันห้าร้อยล้านแล้ว ขณะที่บางตัวเหลือ HP แค่ประมาณสี่พันล้านเท่านั้น

“นี่มันโครตจะน่ากลัวเลย !!!”

อันยีลดิ้งฮาร์ทซึ่งเป็นผู้บัญชาการ การต่อสู้อยู่บนกำแพงป้อมปราการนั้นก็ตกตะลึงกับฉากนี้เช่นกัน

มอนสเตอร์ระดับเทพนิยาย ขั้นสี่แต่ละตัวนั้นยากที่จะฆ่าให้ได้มากๆ แต่อย่างไรก็ตามภายใต้การโจมตีของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกนั้น มันกับลด HP ของมอนสเตอร์เหล่านี้ลงไปมากกว่าสองพันล้านในทันที และรัศมีของการโจมตีมันก็กว้างมากจนไม่น่าเชื่อ

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้พวกนี้กระจายกันอยู่นิดหน่อย บางทีปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ยี่สิบหกกระบอกอาจจะกลืนกินพวกมันไปทั้งหมดเลยก็ได้

ในเวลานี้นับประสาอะไรกับสมาชิกพันธมิตรสามกิลของสภาสิบแปดปีกในป้อมปราการ แม้แต่ลู่ชิงหลัวกับจักรพรรดิอสูรก็ยังจ้องมองไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าอย่างตกตะลึงเช่นกัน

“เป็นไปได้ยังไงกัน ?!” ลู่ชิงหลัวมองไปยังมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้จำนวนมากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “การโจมตีแค่ระลอกเดียวทำให้มอนสเตอร์ระดับเทพนิยายเกือบทั้งหมดเสีย HP ไปมากกว่าหนึ่งในสี่เนี่ยนะ ?! ป้อมปราการมีการโจมตีที่น่ากลัวแบบนี้ได้ยังไง ?!”

เขาเองก็เคยเห็นป้อมปราการมาก่อนหน้านี้จำนวนมาก และเขาก็เคยได้เห็นกองทัพมอนสเตอร์โจมตีป้อมปราการมาแล้วด้วย ไม่ต้องพูดถึงการโจมตีของป้อมปราการที่น่ากลัวเลย ให้บวกกับป้อมปราการนั้นมีมอนสเตอร์เฝ้าอยู่ด้วยอีกมากกว่าหนึ่งแสนตัวเข้าไป แต่กองทัพแบบนี้ของจักรพรรดิอสูรก็สามารถจะหักเอาป้อมปราการได้ง่ายๆในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

แต่ตอนนี้ป้อมปราการเคลื่อนที่ตรงหน้าของเขานี่มันบ้าอะไรกัน ?!

การโจมตีแค่ระลอกเดียวกับทำให้เหล่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายเกือบทั้งหมดสูญเสีย HP ไปราวหนึ่งในสี่หรือมากกว่านั้น นี่มันเท่ากับว่าถ้าป้อมปราการนี้โจมตีแบบนี้ได้อีกสามระลอกนั้น มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายทั้งหมดของพวกเขาจะต้องถูกกวาดล้างไปเลยแน่นอน

ในเวลานี้ไม่ต้องพูดถึงลู่ชิงหลัวกับจักรพรรดิอสูรเลย แม้แต่เหล่าร้อยผีโดดเดี่ยวที่เฝ้าดูอยู่จากระยะไกลออกไปก็ยังตกตะลึงมากเช่นกัน
ไม่มีใครในหมู่พวกเขาคาดคิดเลยว่าการโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่เมื่อครู่มันจะรุนแรงมากขนาดนี้

แม้ว่าพวกเขาจะมีวิธีหลบหลีกการโจมตีของปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ต้องบอกเลยว่า หากพวกเขาเผลอโดนการโจมตีจากปืนใหญ่นี้เข้าไปจริงๆ พวกเขาจะตายในครั้งเดียวแน่นอน และมันก็คงจะมีเพียงแต่งูปีศาจโบราณเท่านั้นที่รอดอยู่ได้

อย่างไรก็ตามแม้ว่าทุกคนจะตกตะลึงกับผลของการโจมตีของป้อมปราการเคลื่อนที่ แต่สำหรับซือเฟิงนั้น เขาไม่ได้ประหลาดใจใดๆเลย เพราะท้ายที่สุดป้อมปราการเคลื่อนที่นี้มันสามารถใช้จัดการกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้ด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งมีชีวิตขั้นสี่แค่หลายพันตัวจะมาสร้างปัญหาให้กับป้อมปราการได้อย่างไร ? …..

ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าซือเฟิงจะไม่รู้สึกประหลาดใจใดๆกับผลของการโจมตี แต่เขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมาจากค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้

การโจมตียิงด้วยปืนใหญ่หนึ่งนัดนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หกพันชิ้น การใช้ปืนใหญ่ยี่สิบหกกระบอกยิงก็เท่ากับยี่สิบหกนัด ซึ่งคิดค่าใช้จ่ายเป็นคริสตัลเวทย์มนต์หนึ่งแสนห้าหมื่นหกพันชิ้น และหากเปลี่ยนไปเป็นเหรียญทองในปัจจุบันมันก็จะมีราคาหกหมื่นสองพันสี่ร้อยเหรียญทอง

ในระหว่างที่ซือเฟิงกำลังแทบจะอักเลือดกับค่าใช้จ่ายนี้ จักรพรรดิอสูรก็ได้เริ่มออกคำสั่งใหม่

“แยกกันออกไป แล้วโจมตีจากทุกทิศทาง !!! ฉันไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะสามารถใช้การโจมตีเมื่อครู่ได้อย่างไร้ขีดจำกัดน่ะ !!!”

อาวุธเชิงกลยุทธ์ที่ทรงพลังและน่ากลัวแบบนี้นั้นส่วนใหญ่มันจะต้องมีค่าใช้จ่ายในการใช้ที่สูงมาก และมีคูลดาวน์ที่นานในระดับหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่เชื่อว่าสภาสิบแปดปีกจะสามารถใช้มันได้อย่างไร้ขีดจำกัด

เมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูร มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ทั้งหมดก็เริ่มกระจายตัวกันโจมตีป้อมปราการเคลื่อนที่จากทุกทิศทางเพื่อลดความเป็นไปได้ และลดความเสียหายที่มีสิทจะได้รับจากการโจมตีแบบเมื่อครู่

ซึ่งซือเฟิงที่เฝ้าดูสถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในคฤหาสถ์ลอร์ดผู้ปกครองป้อมปราการนั้นก็ไม่ได้แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนักเช่นกัน

“มาเริ่มใช้หอคอยเวทย์มนต์กันดีกว่า !!!”

“รับทราบ !!!”

เมื่อไฟเออร์แดนซ์ได้ยินคำสั่งของซือเฟิง เธอก็พยักหน้ารับอย่างตื่นเต้น

หากคิดว่าปืนใหญ่เวทย์เอลฟ์ขนาดใหญ่เป็นการโจมตีระเบิดที่รุนแรง การโจมตีจากหอคอยเวทย์มนต์นั้นมันก็เทียบได้กับการโจมตีจากระเบิดปรมาณูยุคใหม่ ซึ่งมันมีพลังอยู่ในขั้นห้าเลย

ชั่วขณะหนึ่งหอคอยเวทย์มนต์ทั้งแปดแห่งของป้อมปราการก็เริ่มดึงดูดมานาเข้ามาหาตัวมันเองจนทำให้บริเวณหอคอยนั้นเปล่งประกายออกมาราวกับพระอาทิตย์ในยามเที่ยงเลย

หลังจากนั้นหอคอยทั้งแปดก็ได้ยิงลำแสงขนาดใหญ่ไปก่อให้เกิดวงเวทย์ขนาดมหึมาที่ซ้อนทับกันสามชั้นบนท้องฟ้า ซึ่งปกคลุมรัศมีสองพันหลารอบป้อมทั้งหมด

“บ้าแล้ว !! นี่มันบ้าชัดๆ !! สภาสิบแปดปีกมีการโจมตีที่ทรงพลังแบบนี้ได้ยังไง ?!!!”

ลู่ชิงหลัวมองไปที่วงเวทย์ขนาดมหึมาอย่างพูดแทบจะไม่ออก

แม้ว่าเขาจะไม่รู้การโจมตีที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นมันทรงพลังมากแค่ไหน แต่เขาก็พอจะประมาณมันได้จากการที่วงเวทย์นี้ได้ดึงดูดมานาในรัศมีหนึ่งหมื่นหลาทั้งหมดให้เข้าไปหามัน

“หนี !!! ทั้งหมดรีบถอยหนีเร็ว !!!”

เมื่อจักรพรรดิอสูรเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขาก็รีบสั่งให้กองทัพมอนสเตอร์ของเขาถอยทันที เพราะท้ายที่สุดแล้วนี่มันจะไม่ได้โดนแค่พวกมอนสเตอร์ Faux Saint ระดับเทพนิยายที่บินได้หลายพันตัวแน่นอน แต่มันจะโดนเข้ากับกองทัพนับล้านเบื้องล่างของเขาด้วย …..

เมื่อได้ยินคำสั่งของจักรพรรดิอสูรนั้นกองทัพมอนสเตอร์ Faux Saint ทั้งกองทัพก็เริ่มพยายามจะถอยหนี แต่มันก็น่าเสียดายที่วงเวทย์นี้มันปกคลุมรัศมีที่กว้างใหญ่ถึงสองพันหลา ดังนั้นแม้แต่มอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายก็ยังหนีไปได้ไกลสุดแค่หนึ่งพันหลาเท่านั้น ก่อนที่การโจมตีจากวงเวทย์นี้จะถูกเปิดใช้งาน

ซึ่งเมื่อการโจมตีนี้ถูกเปิดใช้งานพื้นที่ในรัศมีสองพันหลารอบป้อมปราการก็ได้กลายเป็นโลกสีขาวบริสุทธิ์ และในขณะที่โลกทั้งใบก็เงียบสงัด ขณะที่ลำแสงสีขาวค่อยๆแพร่กระจายออกไปหลายหมื่นหลา

“มันเกิดอะไรขึ้นกัน ?”

“หอคอยแห่งพันธสัญญาลับอยู่บริเวณนั้นนี่นา ?”

“พวกเราสามารถจะมองเห็นมันได้จากเมืองสกายสปริง นี่ลำแสงนี้มันครอบคลุมพื้นที่ขนาดไหนกัน ?”

ผู้เล่นในเมืองสกายสปริงเริ่มพูดคุยกันเมื่อได้เห็นลำแสงสีขาวบริเวณท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไป และตอนนี้พวกเขาก็ล้วนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากๆ เนื่องจากเอาจริงๆแล้วนั้นมันมีกองกำลังแค่ไม่กี่กองกำลังในเมืองเท่านั้นที่รู้ว่ามันมีการต่อสู้ที่น่ากลัวเกิดขึ้นที่บริเวณหอคอยแห่งพันธสัญญาลับ แต่ในเวลานี้แม้แต่กองกำลังขนาดใหญ่ก็ยังไม่สามารถจะเข้าไปดูใกล้ๆได้ พวกเขาทำได้แค่เฝ้าดูจากระยะไกลเท่านั้น

เมื่อการโจมตีจากลำแสงสีขาวนี้หายไป กองทัพบนพื้นดินของพวกมอนสเตอร์ Faux Saint ที่อยู่ในระยะการโจมตีก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และมันก็มีรอยลึกหลายสิบเมตรปรากฎขึ้นบนพื้น

สำหรับพวกมอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ที่ลอยอยู่กลางอากาศ พวกมันก็เริ่มตกลงสู่พื้นทีละตัวๆ

และแม้ว่ามอนสเตอร์ Faux Saint บินได้ระดับเทพนิยายส่วนใหญ่จะยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกมันก็อยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสเลย ซึ่งทำให้พลังการต่อสู้ของมันลดลงไปอย่างมาก ….