องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 854 แท้งบุตร ปกป้องทารกในครรภ์
หญิงชราชี้ไปที่ฉีเฟยอวิ๋นและกัดฟันด่า ฉีเฟยอวิ๋นหันหน้าไปและยกฝ่ามือขึ้นมาตบหน้าของหญิงชรา “บังอาจ เจ้ากล้าด่าข้าอย่างนั้นหรือ ข้าเป็นถึงตระกูลผู้สูงศักดิ์ จะปล่อยให้เจ้ายืนด่าเช่นนี้ได้อย่างไร! ส่งคนมาที่นี่ หญิงชราคนนี้พูดจาดูถูกข้า ตามกฎแล้วควรจะได้รับโทษโบยห้าสิบที เห็นแก่ที่นางอายุมากแล้ว เช่นนั้นก็ให้หลานของนางรับโทษแทน”
“ท่านย่า……ท่านย่า……” ชายคนนั้นเห็นว่าฉีเฟยอวิ๋นจะลงมือก็รีบแอบอยู่หลังของหญิงชรา หญิงชราจ้องมองฉีเฟยอวิ๋นด้วยความโมโหและเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ถูกฉีเฟยอวิ๋นตบหน้าแล้ว กลับรู้สึกกลัวอยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะโมโห แต่กลับไม่กล้าเดินไปข้างหน้าเพื่อเจรจา
ฉีเฟยอวิ๋นสีหน้าเย็นชา “เฟยอิงจับตัวเขาไว้และโบยที่นี่”
เฟยอิงจับตัวชายคนนั้นทันทีและโยนลงกับพื้น จากนั้นก็ลงมือโบย ชายคนนั้นยังต้องการที่จะลุกขึ้นมาและตะโกนเรียกย่า
หญิงชรายื่นตัวเข้าไปเพื่อปกป้อง แต่ถูกผู้ช่วยหมอขวางเอาไว้ แววตาของฉีเฟยอวิ๋นมีเพียงแค่สิ่งเดียว คือการที่ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างราบรื่น
หญิงชราร้องไห้แทบไม่ไหวและกรีดร้องออกมาไม่หยุด
หญิงคนนั้นก็ตะโกน “ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย……”
เมื่อหญิงชราได้ยิน จึงได้หันไปมองหญิงคนนั้นอย่างเย็นชาและตะโกนด่าออกไปด้วยความโมโห “เป็นเพราะเจ้านังคนชั่ว เจ้ายังกล้าพูดอีกหรือ เจ้าหุบปากไปเลยนะ!”
ชายคนนั้นตะโกน “ฉีเฟยอวิ๋น เจ้าจำข้าไม่ได้แล้วหรือข้าคือเหอสวี่เหริน เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ?”
ฉีเฟยอวิ๋นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักเขา!
จู่ๆ ก็ปวดท้องขึ้นมาและจิตใจของฉีเฟยอวิ๋นก็เริ่มขุ่นมัว และเริ่มอุ้มเจ้าห้าไม่กระชับมั่นคง ทันใดนั้นเจ้าห้าก็ลืมตาขึ้นมาและดิ้นรนเพื่อจะลงจากตัวของฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นรีบมองไปที่เฟยอิง “เฟยอิง……”
สวี่หยวนยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งและรีบเข้ามาประคองฉีเฟยอวิ๋นไปนอนลง ฉีเฟยอวิ๋นเริ่มหายใจหอบเหนื่อยและมีอาการขาดสติ ในหัวของเธอมีภาพตอนที่เด็กๆ หลายคนกำลังรังแกเธอ เด็กผู้ชายคนหนึ่งจับแขนเธอและพาเธอไปที่ปากบ่อน้ำ จากนั้นบังคับให้เธอปลดเสื้อผ้าออก ไม่เช่นนั้นจะโยนเธอลงไปในบ่อน้ำ
เจ้าของร่างเดิมไม่ยอม หลังจากนั้นจึงถูกโยนลงไปในบ่อน้ำและทำให้เกือบตาย
บ่อน้ำนั้นตื้น เจ้าของร่างเดิมจึงไม่ได้ตกลงไป เลยไม่เป็นอะไร
แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้นก็ทำให้เจ้าของร่างเดิมเกิดอาการหวาดกลัวไปหลายเดือน และนอนฝันร้ายแทบทุกคืน
มีเลือดไหลออกมาจากทั้งสองขาของฉีเฟยอวิ๋น เฟยอิงตกใจมาก สวี่หยวนก็เช่นกัน
สวี่หยวนมีอาชีพอะไรน่ะหรือ หากเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าอาจแท้งบุตร
“เฟยอิง รีบไปเชิญท่านอ๋องมาเดี๋ยวนี้”
เฟยอิงหันหลังเดินออกไป เมื่อไปถึงหน้าประตูก็พบฝู่เฉิงข้าหลวงประจำเมืองหลวงเวยฉือกำลังเดินมาพอดี เมื่อเฟยอิงเห็นเวยฉือก็เดินเข้าไปและพูดว่า “พระชายากำลังจะแท้งบุตร รีบไปหาท่านอ๋องเย่ที่จวนท่านอ๋อง หากท่านอ๋องไม่อยู่ให้ไปที่วังหลวง”
เวยฉือตกใจจนหน้าซีด จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไป และขี่ม้ามุ่งหน้าตรงไปที่จวนท่านอ๋องเย่
หนานกงเย่เพิ่งจะกลับมาไม่นาน จากนั้นจึงเห็นเวยฉือที่หน้าประตูและหยุดลง เมื่อเวยฉือเห็นหนานกงเย่ก็พูดขึ้นมา “พระชายาเกิดเรื่องแล้ว อยู่ที่เรือนพยาบาล”
หนานกงเย่ได้ยินเข้าสีหน้าก็เปลี่ยนไป จากนั้นจึงหันออกไปและมุ่งตรงไปที่เรือนพยาบาล
ฉีเฟยอวิ๋นอ่อนเพลียและมึนงงขาดสติ แต่ในที่สุดก็สงบลง หนานกงเย่พุ่งเข้ามาในห้องและกุมมือของฉีเฟยอวิ๋นจากนั้นนั่งลง “อวิ๋นอวิ๋น”
ฉีเฟยอวิ๋นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกาย เธอเป็นหมอและรู้ว่าสามเหตุมาจากอะไร จากนั้นเธอจึงเอามือไปสัมผัสที่ท้องและลูบไปมาก่อนจะถอนหายใจ
“ท่านอ๋องเพคะ ลูก”
หนานกงเย่กุมมือของฉีเฟยอวิ๋นไว้ “ไม่ต้องเป็นกังวลยังปลอดภัยอยู่ เมื่อสักครู่เจ้าห้าให้เจ้าดื่มเลือดไป”
ฉีเฟยอวิ๋นนึกได้ว่าเจ้าห้ายังไม่ไปไหน จึงหันไปหาเจ้าห้า เจ้าห้านอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งและกำลังดึงมือของเธอ
ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกเสียใจ เป็นเพราะเธอไม่ดีจึงทำให้ลูกชายต้องมาลำบาก
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการจะลุกขึ้น แต่เธอกลับลุกไม่ขึ้น
หนานกงเย่เอนตัวเธอลง “ตอนนี้เจ้าร่างกายอ่อนแอ อย่าเพิ่งลุกขึ้นมาเลย”
“เพคะ”
ฉีเฟยอวิ๋นกอดเจ้าห้าไว้ เจ้าห้าลืมตาขึ้นมา “ท่านแม่ ท่านไม่เป็นอะไรแล้ว น้องสาวก็ปลอดภัยแล้วขอรับ”
“อืม” ฉีเฟยอวิ๋นอยากร้องไห้และมองไปที่หนานกงเย่ “ท่านอ๋อง ผู้ชายคนนั้นพาเสี่ยวอวิ๋นไปที่บ่อน้ำและบังคับให้เสี่ยวอวิ๋นปลดเสื้อผ้าออก เสี่ยวอวิ๋นไม่ยอม จากนั้นเขาจึงผลักเสี่ยวอวิ๋นโยนลงไปในบ่อ แม้เสี่ยวอวิ๋นไม่ตาย แต่ก็ฝันร้ายอยู่นานหลายเดือนเพคะ
เมื่อสักครู่เขาถูกโบยและตอนที่เขาตะโกนกรีดร้อง หม่อมฉันก็รู้สึกปวดท้องครรภ์เป็นพิษขึ้นมาเพคะ”
สีหน้าของหนานกงเย่เย็นชาขึ้นทันที และมองไปยังชายคนนั้น จากนั้นเขาลุกขึ้นยืน “มีด”
เฟยอิงหยิบมีดเข้ามา หนานกงเย่ถือมีดเดินเข้าไปหาชายคนนั้น ใบหน้าที่เย็นชาของเขาราวกับมัจจุราชที่มาจากคุกนรก ชายคนนั้นตกใจจนตัวสั่น
“ท่านย่า ท่านย่า……”
หญิงชราดื้อดันที่จะออกมาข้างหน้า แต่กลับขยับไปไหนไม่ได้
“หนานกงเย่ เจ้ามันคนสารเลว ตอนเจ้าเด็กๆ เจ้ายังเรียกข้าว่าท่านย่าอยู่เลย แต่ตอนนี้เจ้ากลับกล้าที่จะทำร้ายหลานชายของข้า บรรพบุรุษของเจ้าต่างก็ไม่กล้าที่จะทำเช่นนี้กับข้า แต่เจ้ากลับกล้าทำกับข้าเช่นนี้ หากเจ้าทำร้ายหลานชายของข้า ข้าจะไม่มีวันยอมเจ้าเลยคอยดู……”
หนานกงเย่เอามีดไปวางไว้ที่คอของหญิงชรา หญิงชราตกใจจนตัวสั่น และจ้องเขม็งไปที่หนานกงเย่โดยไม่พูดอะไร
“ผู้หญิงของข้า ลูกสาวของข้า หากเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว วันนี้ข้าจะไปที่จวนของเจ้า และฆ่าคนในจวนทิ้งเสียให้หมด”
หญิงชราตาค้างและกลับไม่กล้าพูดอะไร
หนานกงเย่หัวเราะเยาะเย้ย “เจ้าก็เป็นคนกลัวตายหรือ?”
หนานกงเย่หันไปหาชายคนนั้นและถือมีดไปหยุดตรงหน้าของชายคนนั้น ดวงตาที่เย็นชาของเขาจ้องไปที่เป้าของชายคนนั้น ชายคนนั้นตกใจจนถอยหลังไป หนานกงเย่กดมีดออกไป ชายคนนั้นก็ร้องตะโกนออกมา
หญิงชราตะโกนคร่ำครวญและนางก็หมดสติไป
ผู้คนรอบๆ นั้นต่างหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ ชายคนนั้นเห็นมีเลือดไหลออกมาบนพื้น จากนนั้นจึงเป็นลมหมดสติไป
หนานกงเย่โยนมีดในมือลงพื้นและมองไปที่เวยฉือ “จัดการซะ”
เมื่อพูดจบหนานกงเย่ก็เดินไปอุ้มฉีเฟยอวิ๋น เฟยอิงอุ้มเจ้าห้าและจากไปพร้อมกัน
สวี่หยวนก็ติดตามออกไปด้วย “ท่านอ๋อง พระชายาจำเป็นต้องพักรักษาตัวที่เรือนพยาบาล หากพระชายาไม่อยู่ เช่นนั้นแล้วคนอื่นก็จะไม่อยู่เช่นกันขอรับ”
“ท่านอ๋อง พักเถอะ เปลี่ยนห้องผู้ป่วยอีกห้องเถอะเพคะ”
สวี่หยวนพาหนานกงเย่ไปที่ห้องผู้ป่วยอีกห้อง ห้องผู้ป่วยนั้นสะอาดสะอ้านและใหม่มาก หนานกงเย่เพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก นับว่าไม่เลวเลยทีเดียว หัวเตียงมีแจกันดอกไม้ เมื่อพวกเขาเข้ามา ผู้ช่วยหมอก็เข้ามาด้วยและปักดอกไม้ลงในแจกัน ตอนนี้เป็นฤดูของดอกเบญจมาศ แต่ข้างในก็มีดอกไม้ป่าปักอยู่บ้างเล็กน้อย
ดูแล้วรู้สึกสง่างามและสบายตามาก
หนานกงเย่เห็นว่าห้องนี้มีอยู่สองเตียง เตียงหนึ่งของเจ้าห้า อีกเตียงหนึ่งของฉีเฟยอวิ๋น หนานกงเย่นั่งลงและสังเกตภายในห้อง ฉีเฟยอวิ๋นรู้สึกโมโหแต่ไม่มีเรี่ยวแรง “ท่านอ๋อง หม่อมฉันเกือบจะแท้งลูกไป หม่อมฉันเจ็บมากเพคะ แต่หม่อมฉันยิ่งมั่นใจว่าเป็นนาง ท่านอ๋องเพคะ ผู้คนต่างพูดว่าไม่เกลียดแค้นกันจะไม่ได้เป็นพ่อลูกกัน ลูกสาวก็คือคนรักเก่าของบิดาในชาติก่อน คาดว่าท่านอ๋องก็คงสงสารอยู่บ้าง ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มา”
หนานกงเย่ไตร่ตรองและนึกถึงท่าทางของเจ้าของร่างเดิมที่กำลังควบม้า ดูท่าเย่อหยิ่งอวดดี
ลูกสาวของหนานกงเย่จะต้องเป็นเช่นนั้นแน่ๆ
อันที่จริงพวกเขาเหมือนกันมาก เขาเป็นคนเย่อหยิ่งอวดดี เจ้าของร่างเดิมก็เช่นกัน แต่ตอนนั้นเขากลับไม่ชายตามองเจ้าของร่างเดิมเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นลืมไม่ลง
อาจจะไม่ใช่ความรัก เป็นเพียงแค่ความรู้สึก!
หนานกงเย่ยิ้มมุมปาก “หากไม่ใช่เพราะข้าจำเป็นต้องพบนาง บางทีข้าอาจจะเป็นสามีภรรยากับนาง”
“เพคะ” ฉีเฟยอวิ๋นไม่คิดว่าลูกสาวของเธอไม่ดี
ฉีเฟยอวิ๋นต้องการพักผ่อนเพราะรู้สึกเหนื่อยแล้ว จากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อน