ตอนที่ 1776 ให้เจ้า

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

หู่ชิงร่างสั่นสะท้านและพุ่งตัวออกไปพร้อมเสียงระเบิดสนั่น

การบรรลุขึ้นระดับสี่ขั้นปลายมานั้นมันทำให้หู่ชิงมีความเร็วที่เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว มาถึงหน้าของเย่หยวนในเวลาแค่ชั่วพริบตาและยังรับตัวเย่หยวนก่อนจะวิ่งหนีออกไปได้ด้วย

แม้จะโดนการโจมตีแค่ครั้งเดียวนี้ เครื่องในของเย่หยวนกลับปั่นป่วนจนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

แต่เวลานั้นเอง ฝั่งหนิงเทียนปิงกลับถูกกำลังล้อมอยู่อย่างหนักหน่วงและไม่สามารถที่จะหาทางหนีออกมาได้

เย่หยวนพยายามกดความเจ็บปวดอาการบาดเจ็บของตนไว้และปล่อยดาบแสงออกไปหลายครั้ง แทงทิ่มร่างของสัตว์อสูรที่ล้อมรอบหนิงเทียนปิงอยู่

“ไป!”

เย่หยวนตะโกนบอกพาหนิงเทียนปิงขึ้นมานั่งอยู่บนหลังหู่ชิงด้วยกัน

มารด้านหลังกลุ่มของสัตว์อสูรยังคงตามเขามาอย่างไม่พัก

โชคยังดีที่หู่ชิงนั้นมีความเร็วที่เหนือล้ำ ตอนนี้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายไม่มีตัวไหนที่สามารถตามติดมาได้ทันเลย

“นายใหญ่ท่านเป็นอะไรมากไหม?” หนิงเทียนปิงถามด้วยความเป็นห่วง

เย่หยวนส่ายหัวออกมา “ข้ายังไม่ตายหรอก! ตอนนี้ขอรักษาตัวก่อน!”

พูดไปเย่หยวนก็ลืมโอสถลงท้องและเริ่มทำการรักษาอาการบาดเจ็บไปบนหลังของหู่ชิงทันที

การโจมตีนั้นของเจ้ากระทิงคลั่งอัสนีฟ้ามันแสนที่จะรุนแรง หากเป็นราชันพระเจ้าทั่วๆ ไปแล้วคงตายลงอย่างไม่มีทางฟื้นคืนกลับแน่

“ลายสักยอดเต๋านี้มันช่างแข็งแกร่ง ไม่เช่นนั้นต่อให้ข้ามีกายทองคำขั้นเก้าก็คงไม่สามารถที่จะรอดออกมาได้แน่” เย่หยวนพูดขึ้นด้วยอารมณ์ที่มากล้นในหัวใจ

ตั้งแต่เข้าไปในหมอกของเขาแห่งถงเทียนครานั้นได้และลายสักนี้มา เขาก็ได้รับประโยชน์จากมันอย่างมหาศาลมาหลายต่อหลายครั้ง

ไม่นานนักเย่หยวนก็เริ่มมีสีหน้ากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

“นายท่านเจ้าพวกนั้นมันตามติดมาราวบ้าคลั่ง ตามเรามาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย!” หู่ชิงบอก

เย่หยวนทำหน้าเครียดออกมา “เหมือนว่าเจ้าสัตว์อสูรพวกนี้มันคิดจะต้อนเราไปยังที่บางแห่ง! ข้าคิดว่าพวกมันน่าจะกำลังถูกอะไรบางอย่างควบคุมอยู่เป็นแน่”

เพราะตั้งแต่แรกที่เย่หยวนได้เห็นสภาพของเหล่าสัตว์อสูรเขาก็รู้ดีว่ามันไม่ปกติ

เมื่อคำพูดเหล่านั้นถูกกล่าวออกมา หู่ชิงและหนิงเทียนปิงก็หน้าถอดสีลงทันที

“นี่มัน… เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดี?” หนิงเทียนปิงถามขึ้นอย่างกังวล

เย่หยวนอมยิ้มออกมาด้วยสายตาที่หนักแน่น “หากมีคนอยากพบเจอเรา ก็ไปหามันหน่อย”

หนิงเทียนปิงและหู่ชิงนั้นกังวลมาก แต่เมื่อเย่หยวนตัดสินใจไปแล้วพวกเขาก็ได้แต่ต้องรับคำเท่านั้น

เย่หยวนย่อมไม่คิดอยากจะเดินทางเข้าหาอันตราย แต่หากอิ้งหมัวหู่เองก็ได้เจอสภาพเช่นนี้ เขาเองก็คงได้เจออันตรายที่ไม่แตกต่างกัน

หากเป็นเช่นนั้น เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยงตามความอันตรายนี้ไป

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังวิ่งไป พวกเขาก็พบว่าด้านหน้ามันมีถ้ำที่ดูผิดแปลกตั้งอยู่

ก่อนจะไปถึงพวกเขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นหยินที่พัดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้คนทั้งสามต้องหนาวจนจับขั้วหัวใจ

“นายใหญ่ มันช่างเป็นลมเย็นหยินที่รุนแรง ข้าว่าด้านในต้องมีอะไรบางอย่างที่แสนทรงพลังอาศัยอยู่เป็นแน่!” หนิงเทียนปิงบอก

เย่หยวนตอบกลับมา “เข้าไป!”

หู่ชิงไม่คิดที่จะลังเลและกระโดดเข้าไปในทันที

“นายท่าน สัตว์อสูรพวกนั้น… มันไม่ตามเรามาแล้ว!” หู่ชิงบอก

เย่หยวนพยักหน้า “ดูเหมือนว่าจะมีใครต้องการให้เราเข้ามายังที่แห่งนี้! มา เข้าไปกัน ข้าอยากรู้เสียจริงว่าที่แห่งนี้มันคืออะไรกันแน่”

หลังจากพวกเย่หยวนเข้าไปแล้วก็ปรากฏเงาร่างสี่ถึงห้าเงาตามมายังหน้าทางเข้าถ้ำ

คนทั้งหลายนี้ต่างมีสัตว์ขี่เป็นพาหนะ

“หึ เจ้าผีร้ายระดับห้าที่ด้านในนั้นมันช่างยุ่งยากเกินกว่าจะจัดการได้ ไม่นึกเลยว่าเราจะโชคดีมาเจอเจ้าขยะสองคนนี้เดินผ่านมาพอดี” ชายชุดเทาคนหนึ่งพูดขึ้น

ชายชุดเทานั้นขี่เสือขาว คลื่นพลังที่ปล่อยออกมาจากตัวนั้นมันแสนที่จะแข็งแกร่ง

“เป็นพี่ใหญ่ท่านที่ฉลาดหลักแหลม! เจ้าผีร้ายนั้นมันชอบสิงร่างมนุษย์นัก หากมันเข้าสิงร่างเจ้าสองคนนั้นแล้วมันก็คงมีสภาพอ่อนแอไปพักใหญ่ ถึงตอนนั้นเราก็จะสามารถตักตวงผลประโยชน์ได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ศิลาวิญญาณหยินและหญ้ากินหยินเก้าวิญญาณในถ้ำวิญญาณดำนี้จะตกกลายเป็นของเรา!” หญิงสาวในชุดสีแดงเพลิงข้างๆ ชายชุดเทาพูดขึ้น

“ฮ่าๆ ตราบเท่าที่เราได้ของสองสิ่งนี้มา นิกายคุมวิญญาณของเราต้องสามารถขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการทดสอบนี้ได้แน่” อีกคนพูดตาม

ชายชุดเทาบอกต่อ “จะว่าไปเจ้านักยุทธอาณาจักรราชันพระเจ้าห้าดาวคนนั้นมันช่างแข็งแกร่งนัก! ทั้งที่ถูกฝูงสัตว์อสูรจำนวนมากมายล้อมเช่นนั้นมันกลับสามารถถอยหนีออกมาได้ หากมันมีการบ่มเพาะที่สูงกว่านี้หน่อย เราคงไม่มีทางเป็นคู่มือของมันได้แน่”

พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทุกผู้คนก็แสดงสีหน้าท่าทางวิตกขึ้น

แท้จริงแล้วการลงมือทุกสิ่งอย่างของพวกเย่หยวนนั้นมันถูกจับตามองไว้สิ้น

เพียงแค่ว่าพลังฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมามันเหนือล้ำกว่าที่พวกเขาทั้งหลายจะคาดคิด

ราชันพระเจ้าห้าดาวกลับสามารถถอยกลับมาได้ทั้งๆ ที่ต้องเจอการล้อมของฝูงสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลาย

แถมหนึ่งในสัตว์อสูรที่ไปล้อมนั้นมันยังมียอดสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายอยู่ด้วย

ตอนแรกพวกเขานั้นคิดแค่ที่จะขับไล่ให้เย่หยวนกลัวหนีไป

เรื่องชีวิตของหู่ชิงนั้นไม่อยู่ในสายตาของคนพวกนี้เลย

แต่ใครจะไปคิดว่าสุดท้ายเย่หยวนเลือกที่จะไม่ถอยหนีและยังมุ่งหน้าเข้าไปกลางวงล้อมของสัตว์อสูรแทน

โชคยังดีที่เจ้าสัตว์อสูรระดับสี่ขั้นปลายเหล่านี้มันมีพลังที่แข็งแกร่งและพอที่จะกดดันเย่หยวนไว้ได้

ไม่เช่นนั้นคงเป็นพวกเขาเองที่ต้องลำบาก

ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังตื่นตะลึงในฝีมือที่เย่หยวนแสดงออกมา

ใบหน้าของหญิงสาวชุดแดงนั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นตกใจและบอก “การบ่มเพาะของเจ้าหมอนั่นมันต่างจากพวกเราทั้งหลายนัก ดูท่าคงเป็นคนจากมหาพิภพถงเทียน หรือว่า… นักยุทธในมหาพิภพถงเทียนจะแข็งแกร่งปานนั้นกันหมด?”

ชายชุดเทาส่ายหัวออกมา “ไม่มีทาง! เจ้าเด็กคนนี้มันต้องเป็นยอดอัจฉริยะแม้แต่บนมหาพิภพถงเทียนแน่ๆ การผสานแนวคิดแห่งดาบและแนวคิดแห่งห้วงมิติเข้าด้วยกันเช่นนี้มันเป็นพรสวรรค์ที่ยากตัวจับยาก ต่อให้เป็นมหาพิภพถงเทียนมันก็น่าจะเป็นคนมีชื่อเสียงไม่เบา น่าจะเป็นยอดศิษย์จากค่ายสำนักใหญ่ แต่ว่าเรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับพวกเราทั้งหลาย ยังไงมันก็คงตายแน่แล้ว ไปกันเถอะ ข้าว่าปานนี้เจ้าเด็กคนนั้นมันคงโดนสิงแล้ว ปล่อยไปนานกว่านี้เดี๋ยวจะลำบากเราเปล่าๆ”

พูดจบคนทั้งหลายก็เดินเข้าไปในถ้ำด้วยกัน

ถ้ำนี้มีลักษณะคล้ายถ้ำลมหยินที่เย่หยวนเคยเข้าไป แต่วิญญาณร้ายภายในนี้มันมีพลังที่เหนือล้ำเกินกว่าจะเอาไปเทียบกับถ้ำลมหยินได้

แต่ว่าพลังของนิกายคุมวิญญาณนั้นมันก็แข็งแกร่งไม่น้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งชายชุดเทาคนนั้น ตัวเขานั้นขึ้นไปถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ครึ่งก้าวแล้ว เป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนที่มา

วิญญาณร้ายทั่วๆ ไปคงทำอะไรเขาไม่ได้เลย

ยิ่งกลุ่มคนเดินเข้าไปลึก พวกเขาทั้งหลายก็ยิ่งระมัดระวังตัวมากขึ้น

จู่ๆ พวกเขาก็เห็นสองเงาร่างอยู่ด้านหน้า ชายชุดเทาหรี่ตามองดูและอีกฝ่ายจะเป็นใครไปได้นอกจากเย่หยวนและหนิงเทียนปิง?

ชายชุดเทาหันไปมองรอบๆ ถ้ำและพบว่าตอนนี้มันไม่มีวิญญาณร้ายระดับห้าใดๆ อีกแล้ว จึงตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆๆ ไอ้พวกโง่ มันเข้าสิงมนุษย์สองคนนี้จริงๆ! ข้าจะส่งพวกเจ้าไปตามทางที่ถูกต้องเอง! ศิลาวิญญาณหยินและหญ้ากินหยินเก้าวิญญาณนี้ตกเป็นของเรานิกายคุมวิญญาณแล้ว!” ชายชุดเทาหัวเราะลั่น

ตอนนั้นเองที่คลื่นพลังอันเย็นเฉียบถูกปล่อยออกมาจากร่างของเย่หยวน

เขาเปิดปากพูดขึ้นพร้อมจ้องมองดูชายชุดเทา “เจ้าสมควรตาย!”

ชายชุดเทานั้นตอบกลับไปอย่างไม่คิดสนใจ “ข้าสมควรตาย? ฮ่าๆๆ หากเป็นเจ้าตอนสมบูรณ์พร้อมข้าคงยังกลัวอยู่บ้าง แต่สภาพของเจ้าตอนนี้มีหรือที่จะยังกล่าวข่มขู่ผู้คนได้อีก?!”

เย่หยวนนั้นมีสายตาที่แสนเย็นยา ร่างกายของเขาปล่อยคลื่นพลังอันเย็นเหยียบออกมา

จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งลอยออกมาจากตัวเย่หยวน

ชายชุดเทาหน้าถอดสีและกล่าวขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “นี่มัน… เป็นไปได้อย่างไร? เจ้า… เจ้าไม่ได้ถูกสิง?”

เย่หยวนหัวเราะเย้ย “ชอบการสิงนักหรือ? งั้นข้าให้เจ้าแล้วกัน!”

…………………………