ตอนที่ 1245 อพยพครั้งใหญ่

Release That Witch ปล่อยแม่มดคนนั้นซะ

ตอนที่ 1245 อพยพครั้งใหญ่ โดย Ink Stone_Fantasy

อ่าวดีพพูล อาณาจักรวูล์ฟฮาร์ท

ไวท์ขับรถพาคนเข้ามาในเขตท่าเรือที่คึกคักเป็นพิเศษ

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ตอนนี้พวกเราได้มาถึงที่หมายแล้ว ไม่ว่าที่ผ่านมาพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร แต่หลังจากนี้จะมีชีวิตใหม่รอพวกเจ้าอยู่ ข้าขออวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความโชคดี แล้วก็อยากจะขอเสนอบริการพิเศษสุดท้ายให้กับพวกเจ้าทุกตน!” เขาดึงเชือกเพื่อให้ม้าผ่อนฝีเท้าลง อีกด้านหนึ่งก็พูดตะโกนขึ้นมา

ช่วงนี้ธุรกิจของเขากำลังดำเนินไปได้ด้วยดี หลังจากที่เรือของเกรย์คาสเซิลเข้ามาเทียบท่า การค้าของอ่าวดีพพูลก็คึกคักขั้นมาทันที โดยเฉพาะเรื่องการขนส่งในเส้นทางใกล้ๆ เขาแค่พาคนจากเมืองรอบๆ มาที่ท่าเรือก็สามารถหาเงินได้สิบกว่าเหรียญเงินแล้ว งานแบบนี้เขาสามารถทำได้อย่างน้อยก็วันละ 2 ครั้ง ถ้าไม่กลัวว่ารถม้าจะพัง ตอนกลางคืนก็สามารถพาคนมาอีกครั้งก็ได้ รายได้นั้นพอๆ กับตอนที่เคยทำงานให้กับศาสนจักรเลย

ที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นก็คือเงินส่วนนี้ไม่ได้เรียกเก็บจากคนที่ขึ้นรถมา หากแต่ทางเกรย์คาสเซิลเป็นคนจ่ายให้ ขอเพียงประทับตราของทั้งสองที่ลงบนกระดาษ หลังจากผ่านด้านก็สามารถรับเงินค่าจ้างโดยนับจากจำนวนหัวได้เลย จ่ายสดทันที ไม่มีเบี้ยว

และก็เป็นเพราะเหตุผลนี้จึงทำให้ธุรกิจขนส่งคนขึ้นกลายเป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมในช่วงนี้ พวกลูกเรือจำนวนไม่น้อยต่างก็เข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจนี้ ต่อให้ขับรถม้าไม่เป็น แต่พวกเขาก็สามารถหาคนมาเป็นหุ้นส่วนได้ ทำให้คนที่ขับรถม้าไม่ต้องไปคอยหาคน พอไปถึงที่หมายก็รับคนขึ้นรถแล้วออกเดินทางได้เลย ประสิทธิภาพเรียกได้ว่าดีกว่าไม่มีคนช่วยอย่างมาก สิ่งเดียวที่ต้องคิดก่อนก็คือจะไปรับคนที่เมืองไหน เพราะค่าใช้จ่ายมันแปรผันตามระยะทาง

เกรย์คาสเซิลทำเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่มีเงิน ขอเพียงเต็มใจออกไปจากวูล์ฟฮาร์ท พวกเขาก็ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ราชาของเกรย์คาสเซิลนั้นเป็นตระกูลใหญ่และร่ำรวยอย่างมาก ไวท์จึงไม่อาจปล่อยโอกาสแบบนี้ไปง่ายๆ

เพราะไม่ว่าใครต่างก็รักเงินทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ยินข่าวลือว่าทางเหนือเหมือนจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ชาวบ้านที่อพยพข้ามมายังวูล์ฟฮาร์ทเหมือนจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ข่าวลือเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นข่าวลือเลื่อนลอยที่ไม่มีมูล นอกจากนี้เขายังได้ยินมาจากเจ้าฉลาดด้วยว่าบารอนจีน เบ็ตที่เป็นเจ้าเมืองของอ่าวดีพพูลได้สั่งให้คนใช้ทยอยคนข้าวของขึ้นเรือแล้ว ถ้าแม้แต่บารอนยังคิดจะหนี อย่างนั้นเขาก็ควรจะเตรียมตัวเอาไว้ล่วงหน้า

ตอนนี้หาเงินเยอะขึ้นหน่อย ต่อไปจะได้มีหนทางให้เลือกมากขึ้น

“บริการพิเศษแบบไหนเหรอ?” มีคนถามเขาขึ้นมา

“ประสบการณ์และคำเตือนบางอย่างที่มีประโยชน์” ไวท์ชี้ไปยังท่าเรือที่มีเรือจอดอยู่แน่นขนัด “มองทางนั้นสิ ถึงแม้ทุกคนจะอยากไปเกรย์คาสเซิล แต่การเดินทางกลับไม่เหมือนกัน ข้าอยู่ที่อ่านดีพพูลแห่งนี้มาก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึงที่นี่ ทำให้ข้าได้ยินเรื่องบางเรื่องที่อาจจะเป็นประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ต่อการเดินทางหลังจากนี้พวกเจ้า”

“อย่างนั้น…เจ้าช่วยบอกพวกเราหน่อยสิ…”

“ได้แน่นอน แต่ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องจ่ายเงินเล็กๆ น้อยๆ ก่อน ไม่เยอะ แค่หนึ่งเหรียญเงินเท่านั้น”

ไวท์รู้ดีว่าคนที่ไม่เหลืออะไรติดตัวนั้นไม่สนใจหรอกว่าเส้นทางข้างหน้าของตัวเองจะเป็นเช่นไร ขอเพียงมีข้าวให้กินก็พอ จะถามหรือไม่ถามก็ไม่ได้มีอะไรต่างกัน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเล็งเป้าหมายไปยังผู้อพยพที่พอจะมีเงินเก็บติดตัวอยู่บ้าง — พวกเขามักจะให้ความสนใจกับสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง อีกทั้งค่าใช้จ่ายไปสูง ขึ้นรถม้ามาก็ไม่ต้องจ่ายเลยแม้แต่เหรียญเดียว ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหาถ้าจะจายเงินนิดหน่อยเพื่อซื้อข่าว

เพราะว่าในอดีตเขาก็เคยเป็นคนแบบนี้

“เหอะ ลูกไม้เก่าของพวกโจรใต้ดิน” ชายคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีทำสีหน้าเสียดสีขึ้นมา “เสียดายที่ใจไม่กล้าเท่าพวกโจรใต้ดิน แค่ 1 เหรียญเงิน ให้เขาไป”

คนข้างๆ ชายคนนั้นควักเงินส่งให้เขาอย่างรวดเร็ว

พาคนใช้มาด้วยเหรอเนี่ย ดูเหมือนจะเป็นขุนนางสินะ…ไวท์ยิ้มเอาอกเอาใจ แต่ภายในใจกลับไม่ได้สนใจคำพูดของเขา ถ้าตกต่ำถึงขนาดไม่มีรถม้า แล้วยังต้องมานั่งเบียดอยู่ในรถม้ากับชาวบ้านธรรมดา ต่อให้เป็นขุนนางมันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าไร

“…นี่คือส่วนของข้า” ชายหนุ่มอีกคนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะล้วงเอาเหรียญเงินออกมาจากในกระเป๋าหนึ่งเหรียญ

มีแค่สองคนเท่านั้นที่ยอมจ่ายเงิน ไวท์หยุดรถม้ารออยู่ครู่ เมื่อไม่เห็นใครพูดอะไรแล้วเขาจึงเตรียมจะเปิดประตูรถเพื่อให้ผู้โดยสารลง ยังไงซะมันก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ก็คิดซะว่าเที่ยวนี้ขนคนมาเพิ่มสองคนแล้วกัน

ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มคนนั้นกลับพูดกับคนอื่นๆ ว่า “พวกเจ้าลงไปแล้วก็อย่าเพิ่งไปไหนล่ะ เดี๋ยวข้าฟังข้อมูลเสร็จเรียบร้อยแล้วจะไปบอกพวกเจ้า ไม่คิดเงิน”

“เจ้าหนุ่ม เจ้าพูดอะไรของเจ้า?” ไวท์ทำหน้าเครียดทันที

“ข้าจ่ายเงินแล้ว” ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ “เจ้าบอกข้ามันก็เรื่องหนึ่ง ข้าจะบอกคนอื่นหรือไม่มันก็อีกเรื่องหนึ่ง มีอะไรไม่ถูกเหรอ?”

“เจ้า…”

“บางทีเจ้าอาจจะนึกเสียใจ แต่เรื่องนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเจ้าเลย ต่อให้ข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกให้คนที่ท่าเรือทุกคนรู้ มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนที่เจ้าจะพามาส่งหลังจากนี้ แต่ถ้าเจ้าไม่พูด เจ้าก็จะเสียเงินไป 1 เหรียญเงิน”

ฝีปากร้ายกาจ! ไวท์อ้าปาก แต่กลับพบว่าตัวเองไม่รู้ควรจะแย้งออกมาอย่างไร

“เจ้าโง่ เจ้าจะทำแบบนี้มันก็เรื่องของเจ้า แล้วเจ้าจะไปบอกเขาทำไม?” ขุนนางคนนั้นพูดขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ “ทำไมต้องมาทำให้เสียเวลาด้วย”

“นี่ไม่ใช่เรื่องผิดถูก ทำไมต้องปิดบังด้วย?” เด็กหนุ่มพูดตรงๆ “ข้าคิดว่าให้คนขับรู้ด้วย มันถึงจะยุติธรรม”

“ยุติธรรม?” ขุนนางมองเขาเหมือนมองดูคนโง่ จากนั้นจึงหันไปพูดกับไวท์ “เฮ้ เจ้านี่มันจะทำอะไรข้าไม่สนใจ แต่เงินข้าจ่ายแล้ว เจ้าจะพูดหรือไม่พูด?”

ไวท์ถลึงตามองดูชายหนุ่ม ก่อนจะต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายนั้นพูดถูก “เอาล่ะ คิดซะว่าข้าทำบุญซักครั้งแล้วกัน จริงๆ เลยเชียว…พวกเจ้าก็ไม่ต้องลงจากรถแล้ว นั่งฟังอยู่ที่นี่แหละ”

จากนั้นเขาก็บอกข้อมูลที่ตัวเองได้ยินมาให้ทุกคนได้ฟังอย่างคร่าวๆ อย่างเช่น เกรย์คาสเซิลให้ความสำคัญกับคนแบบไหน ตารางเวลาในการขึ้นเรือเพื่ออพยพ การต่อแถวและการลงทะเบียนต้องระวังเรื่องอะไร แล้วก็หลังจากไปถึงที่หมายแล้วต้องทำการตรวจสอบรอบที่สอง โดยเฉพาะเรื่องการเทียบข้อมูลที่ลงทะเบียนในตอนแรกกับข้อมูลที่ทำการตรวจสอบในรอบที่สองว่าตรงกันไหม ข้อมูลส่วนแรกนั้นขอเพียงเข้าไปในท่าเรือ คนพวกนี้ย่อมต้องได้ยินคำประกาศของกองทัพที่หนึ่งแน่นอน เขาเพียงแค่เอาส่วนสำคัญๆ มาพูดสรุปให้ฟังเท่านั้น แต่ข้อมูลส่วนหลังนั้นเป็นข้อมูลลับที่เขาได้มาตอนที่คุยเล่นกับพวกทหารของเกรย์คาสเซิล โดยคนเกรย์คาสเซิลบอกว่าการตรวจสอบรอบที่สองจะมีแม่มดเข้ามาร่วมการตรวจสอบด้วย ถ้าใครโกหกก็จะถูกลงโทษ หากข้อมูลที่ลงทะเบียนกับสถานะไม่ตรงกันก็จะถูกตีตราว่า ‘ไม่ซื่อสัตย์’ เอาไว้ ต่อไปถ้าอยากจะหางานทำก็จะเป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้สถานะขุนนางไม่เพียงแต่จะไม่ได้ช่วยให้ได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่ถ้าไปพูดอยู่บ่อยๆ กลับจะยิ่งทำให้คนรู้สึกไม่ชอบได้ ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดก็คือบอกไปเลยว่าอ่านออกเขียนได้ไหมหรือว่าถนัดทำอะไร เพราะขอเพียงอ่านออกเขียนได้หรือมีความถนัดในด้านใดซักอย่างก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องชีวิตหลังจากนี้

“ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเตือน” ในตอนที่ลงจากรถ ชายหนุ่มเดินลงเป็นคนสุดท้าย “เจ้าช่วยให้ทุกคนเอาไว้ได้มากที่เดียว”

“เหอะ ไม่ต้องขอบคุณหรอก ยังไงนั้นก็เป็นข้อมูลที่เจ้าใช้เงินซื้อไป” ไวท์จุดบุหรี่อย่างหงุดหงิด ก่อนจะสูบมันเข้าไป “คนพวกนั้นควรจะขอบคุณเจ้าถึงจะถูก เป็นไงล่ะ พอลงจากรถก็หายหัวไปเลย ข้าว่านะเจ้าหนุ่ม อย่าพยายามทำตัวเป็นคนดีนักเลย โดยเฉพาะข้างนอกนั่น…ไม่อย่างนั้นซักวันเจ้าจะเดือดร้อนเอาได้”

เพราะตัวเขาเองก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เขาไม่ได้รับอะไรกลับมาจากการเป็นคนดีเลย นอกจากขาปลอมเย็นๆ ข้างหนึ่ง

“ก็อาจจะใช่ แต่ว่านี่คือหน้าที่ที่อัศวินควรจะทำ”

“หา เจ้าคิดว่าข้าไม่เคยเจออัศวินเหรอ? หรือเจ้าหมายถึงอัศวินอยู่บน ‘หนังสือโบราณ’ นั่น? พอเถอะ ครั้งล่าสุดที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ก็จากปากโจรใต้ดินในร้านเหล้าโน่น”

“การที่ทุกคนทำแบบนั้น ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องนี่นา”

“โอ้?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายพูดเป็นจริงเป็นจัง ไวท์จึงเลิกคิ้วขึ้นมา “เจ้าเป็นอัศวินเหรอ?”

“เอ่อ..เปล่า ข้ายังไม่ได้รับการแต่งตั้ง พ่อข้าเป็น แต่ว่าเขา…”

อย่างนี้นี่เอง เป็นพวกที่ได้แต่ฝันลมๆ แล้งๆ อีกคน แถมดูแล้วเหมือนจะตกต่ำกว่าเจ้าคนก่อนหน้าด้วย เขาโบกมือ “ข้าไม่สนใจเรื่องตระกูลของเจ้า เออใช่…เจ้าชื่ออะไร?”

อีกฝ่ายเชิดหน้าขึ้นมาทันที “แมนเฟล แคสตีน”

“เอาล่ะ คุณแคสตีน” ไวท์พ่นควันบุหรี่ออกมา ก่อนจะปีนกลับไปบนหลังม้า “ข้าจะบอกเจ้าอะไรให้เจ้ารู้อีกเรื่องแล้วล่ะ ตอนนี้เกรย์คาสเซิลไม่มีอัศวินแล้ว”

……………………………………………………………….