ตอนที่ 723: มุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
แม้ว่ากลุ่มลึกลับในแนวภูเขาลึกของสัตว์อสูรด้านนอกเมืองเวคนี้จะไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป แต่เวลาที่ผ่านมานานแล้วก็ยังไม่มีใครรู้ถึงตัวตนของกลุ่มลึกลับนี้
ในระหว่างตอนนั้น มีตระกูลที่แข็งแกร่งสองสามตระกูลและกลุ่มทหารรับจ้างต้องการที่จะเอาชนะใจกลุ่มลึกลับนี้ แต่พวกเขาทั้งหมดก็พลาด กลุ่มลึกลับนี้มีเหมือนจะมีความต้านทานต่อความโลภ ไม่ว่าเงื่อนไขที่เสนอไปจะดีแค่ไหนและไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถทำให้สมาชิกคนใดของกลุ่มลึกลับนี้เคลื่อนไหวได้ พวกเขาดูเหมือนจะไม่สนใจความมั่งคั่งและอำนาจ
ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ เสียงฟ้าร้องกระหึ่มดังอยู่บนท้องฟ้าและกึกก้องไปทั่วโลก มันเป็นตอนกลางวันแต่ทุกทุกที่ก็มืดไปหมด
ไม่นานหลังจากนั้น ฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วก็ตกลงมา โลกชุ่มช่ำไปด้วยน้ำฝนและเมืองเวคที่ปกติอึกทึกครึกโครมก็หนาวเย็นขึ้น ไม่มีใครอยู่บนถนนเลย มันมีแต่ฝนและมันได้ชะล้างความสกปรกบนถนนที่เกิดจากพวกทหารรับจ้าง
ในตอนนั้นเอง ท้องฟ้าที่สงบเหนือเมืองเวค จู่ ๆ ก็มีรอยแยกเกิดขึ้นที่เมฆดำที่หนาแน่น แสงสีฟ้าเล็กได้สาดแสงทะลุมันและใต้เมฆหนา และมีคนออกมาจากที่ใดก็ไม่รู้
ท้องฟ้าร้องอื้ออึง สายฟ้าผ่าบนท้องฟ้าพร้อมกับแสงที่แผ่ออกมาและทำให้เกิดแสงเป็นใยบนท้องฟ้า
คนผู้นั้นใส่ชุดคลุมยาวสีฟ้าอ่อน เมื่อฝนรอบ ๆ เข้าใกล้ตัวเขา มันก็ถูกทำให้หายไปด้วยพลังที่มองไม่เห็นและไม่ตกกระทบที่ตัวเขาเลย เขายืนอยู่ใต้สายฟ้าที่ฟาดอยู่และมองลงมา เขาดูเหมือนจะไม่สนใจเสียงฟ้าผ่าดังและสายฟ้าที่ฟาดลงมารอบ ๆ ตัวเหมือนดั่งพระเจ้า
เขาคือเจี้ยนเฉินที่มาจากอาณาจักรเกอซุน
เจี้ยนเฉินลอยอยู่บนอากาศ การมีอยู่ของเขาปกคลุมทั่วทั้งเมืองและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อย ๆ เปิดตาของเขาขึ้น มองผ่านหมอกไปไกลไกล เขาสามารถเห็นแนวภูเขาได้ลาง ๆ เขาพึมพำกับตัวเอง “ถ้าพวกเขาไม่อยู่ในเมือง มันก็ต้องเป็นที่แนวภูเขานั้นแหละ” ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างของเจี้ยนเฉินก็กลายเป็นภาพติดตาและหายไปจากท้องฟ้า เข้าได้บินไปที่แนวภูเขาที่ห่างออกไป 10 สิบกิโลเมตรด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยสายตาเปล่า
ในส่วนลึกของแนวภูเขานั้น กระโจมสิบกว่ากระโจมถูกตั้งอยู่ให้ป้อมที่ต้นไม้เก่าแก่ ด้านนอกกระโจม มีชายตัวใหญ่ไม่สวมเสื้อหลายคนยืนอยู่กลางฝนและรักษาการอยู่ การจ้องมองของพวกเขานั้นเร็วและมีพลังและเต็มไปด้วยความดุร้าย พวกนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ๆ
ในตอนนั้นเอง ที่จุดกึ่งกลางสุดของกระโจม มีคน 9 คนอยู่รอบรอบโต๊ะกลมตัวใหญ่และกำลังกินเนื้อสัตว์อสูรย่างในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน
“ศิษย์พี่อัน หยุนเจิ้ง ข้าขอบคุณจริง ๆ ที่ช่วยน้องของข้าหนีมาได้โดยไม่ได้รับอันตรายจากสัตว์อสูร” ชายชรายกจอกไว้ขึ้นและพูดกับชายตัวใหญ่ที่ดูอ่อนโยนในวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามด้วยความเคารพ
“ฮ่าฮ่า ไคเอ้อ เจ้าไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้าหรอก หยุนเจิ้งและข้าถูกหัวหน้าเจี้ยนเฉินส่งมาให้มาปกป้องเจ้า ความต้องการของหัวหน้าเจี้ยนเฉินคือต้องให้พวกเจ้าทุก ๆ คนอยู่มีชีวิตอยู่โดยไม่มีข้อยกเว้น โดยปกติแล้ว หยุนเจิ้งและข้าจะคุ้มครองเจ้าอยู่ลับ ๆ แต่ใครจะรู้เล่าว่าหลังจากที่พวกเจ้าได้เป็นเซียนปฐพีแล้ว เจ้าจะค้นพบพวกข้า” ศิษย์พี่อันหัวเราะออกมาดัง หัวล้านของเขาเป็นมันวาว
“ศิษย์พี่อันกล่าวมาถูกแล้ว การปกป้องเจ้านั้นคือคำสั่ง แต่ตอนนี้พวกเจ้าทั้งหมดเป็นเซียนปฐพีแล้ว และยังได้สำเร็จทักษะพิเศษที่จะทำให้ความสามารถในการต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก อีกทั้งพวกเจ้าแต่ละคนยังมีทักษะการต่อสู้ และความแข็งแกร่งของพวกเจ้าก็ไม่ได้น้อยไปกว่าพวกเรา ถ้าเรายังอยู่ที่นี่ต่อ พวกเราก็คงทำอะไรไม่ได้มาก” หยุนเจิ้งกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
คนเหล่านั้นคือสมาชิกหลักของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีที่เจี้ยนเฉินให้มาที่เทือกเขาเพื่อฝึกฝน แต่ละคนฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายและจงรักภักดีอย่างมาก พวกเขาพึ่งพาได้และเป็นกลุ่มแรกที่ดีที่สุดที่เจี้ยนเฉินเชื่อใจและคาดหวังในการเติบโตของพวกเขา
เมื่อตอนที่เจี้ยนเฉินจากไปก่อนหน้านี้ เขาได้ทิ้งแกนอสูรจำนวนมากและทักษะการต่อสู้หลายอย่างไว้ หลังจากช่วงเวลาแห่งการฝึกฝนและการเติบโต สมาชิกแต่ละคนก็ได้มีคาวมแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 7 คนนั้นได้กลายเป็นเซียนปฐพีและอีกสิบกว่าคนที่เหลือไปถึงระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษ ไม่มีใครในกลุ่มนั้นเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญอีกแล้ว
เมื่อได้ยินที่หยุนเจิ้งพูด คนในกระโจมก็ครุ่นคิดอย่างเงียบเงียบ ชาลีพูด “พี่หยุนเจิ้งพูดถูกแล้ว เทือกเขาสัตว์อสูรนี้มันเล็กเกินไป สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุดก็แค่ระดับ 5 เท่านั้น ในช่วงเวลานี้ ก็ไม่ค่อยมีสัตว์อสูรระดับ 5 แล้วหลังจากที่เราฆ่ามันไปสองสามตัว ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ มันไม่มีประโยชน์แล้วที่จะอยู่ที่นี่นานกว่านี้”
“พี่น้องของข้ามีความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ระดับมนุษย์และด้วยทรัพยากรจากหัวหน้าแล้ว พวกเขาก็สามารถฆ่าสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามากได้ สัตว์อสูรไม่เป็นอันตรายต่อพวกเขาแล้ว น่าเสียดายที่หัวหน้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีคำสั่งจากเขา เราก็ยังไปไหนไม่ได้” ฉิงเฟิงพูดด้วยเสียงนุ่มนวล หลังจากช่วงเวลาแห่งการล่าสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ ฉิงเฟิงเป็นบุคคลที่พัฒนาได้เร็วที่สุดในกลุ่ม ไม่เพียงแต่เขาจะเป็นคนแรกที่ได้เป็นเซียนปฐพี แต่เขายังไปถึงวัฏจักรที่ 2 เมื่อสองสามวันที่แล้ว นอกเหนือจากหยุนเจิ้งและศิษย์พี่อันแล้ว เขาคือคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม
แม้ว่ากลุ่มนี้จะไม่ได้มีพรสวรรค์ของอัจฉริยะ แต่พื้นฐานร่างกายของพวกเขาก็ได้รับการพัฒนาจากสุราร้อยพงไพรจากเจี้ยนเฉิน มันทำให้พวกเขาฝึกได้ไวกว่าคนธรรมดา ๆ และด้วยการฝึกที่หนัก แต่ละคนก็มีพัฒนาการที่ไวมาก
“ถ้าแค่หัวหน้าอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่เราเข้ามาที่ส่วนลึกของแนวหุบเขา เราก็ไม่ได้ไปไหนเลย เราไม่รู้เกี่ยวกับความเป็นไปของโลกภายนอก” โม่เทียนถอนหายใจ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงใบหน้าที่หล่อเหลาและตรงไปตรงมานั้น
ในตอนนี้ ตัวตนที่ยิ่งใหญ่กำลังลดระดับเข้ามาใกล้จากด้านนอก แม้ว่าตัวตนนั้นจะอ่อนโยน ไม่สามารถที่จะทำอันตรายต่อใครได้ แต่มันก็ใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนว่ามันเป็นตัวแทนของโลก แม้แต่เซียนปฐพียังรู้สึกอ่อนแอดั่งมดปลวกต่อหน้าการมีอยู่นี้
“ตัวตนที่อยู่ตรงนั้นมันอะไรกัน ! ” ทุก ๆ คนในกระโจมรู้สึกตื่นตัว พวกเขาวางแก้วในมือและรีบออกมาจากกระโจม
ฝนยังคงตกลงมาด้านนอกและท้องฟ้าก็หม่นหมอง หยุนเจิ้ง ศิษย์พี่อัน และสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีที่เป็นเซียนปฐพีออกมาจากกลางกระโจมและยืนเปียกโชกท่ามกลางสายฝน ในเวลาเดียวกันนั้น คนหลายคนออกมาทีละคน ๆ จากกระโจมรอบ ๆ พวกเขามาอยู่ข้างหลังหยุนเจิ้งและคนอื่น ๆ แล้วมองไปรอบ ๆ ด้วยท่าทีที่เคร่งเครียด พวกเขากำลังหาที่มาของการมีอยู่นั้น
ในแค่ลมหายใจเดียว สมาชิกหลักของกลุ่มทหารรับจ้างอัคนีที่ได้มาฝึกที่แนวภูเขานี้ก็ได้มารวมตัวกันทั้งหมด
ในตอนนั้นเอง แสงสีฟ้าจาง ๆ ก็ได้แบ่งแนวขอบฟ้าเป็นครึ่ง มันบินอยู่ไกลไกลเหมือนสายฟ้าและมุ่งตรงมาที่ทิศทางที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีอยู่
“ทุก ๆ คนระวังให้ดี คนคนนี้คือเซียนสวรรค์!”
ท่าทีของทุกคนเต็มไปด้วยการเฝ้าระวัง ขณะเดียวกันนั้น หยกขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือก็ออกมาปรากฏขึ้นที่มืองของศิษย์พี่อัน
ร่างสีฟ้านั้นตัดท้องฟ้ามาและมาหยุดอยู่ข้างหน้าพวกทหารรับจ้างในท้ายที่สุดและลอยอยู่เหนือตรงนั้น ทุกทุกสามารถเห็นเขาได้ตอนนี้
เมื่อเห็นเขาได้ชัดแล้ว ทุกทุกคนก็ประหลาดใจเล็กน้อย ความระมัดระวังของพวกเขาก็หายไปในทันทีและถูกแทนที่ด้วยความยินดีและตื่นเต้น
“หัวหน้า !”
“นั่นคือหัวหน้า ! หัวหน้ากลับมาแล้ว ! “
ทุก ๆ คนร้องออกมาอย่างตื่นเต้น พวกเขามีความสุขอย่างเห็นได้ชัดจากการที่เจี้ยนเฉินมาถึงและหลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงหนึ่งข้างเพื่อต้อนรับเจี้ยนเฉิน
ชุดคลุมยาวสีฟ้าของเจี้ยนเฉินปลิวไสวไปกับลมรุนแรง ร่างกายของเขาไม่ได้เปียกฝนเลย เขามองไปที่ชายตัวใหญ่ด้านล่างและรอยยิ้มจางจางก็ออกมาจากใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเขา เขาพูด “ไม่เลว ทำได้ดีมาก ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะพัฒนาขึ้นมากในช่วงเวลานี้” เจี้ยนเฉินค่อย ๆ ลดระดับลงมาอย่างช้า ๆ และแค่คิดเท่านั้น พลังที่มองไม่เห็นก็แผ่ไปทั่วบริเวณและยกตัวทุกคนขึ้นยืนบนพื้น
เจี้ยนเฉินถูกเชิญอย่างสุภาพไปที่กระโจมตรงกลางโดยเซียนปฐพีหลายคน หลังจากนั้น พวกเขาก็รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงปีนี้ให้กับเจี้ยนเฉิน
“ดีมาก พวกเจ้าทั้งเจ็ดคนได้กลายเป็นเซียนปฐพีแล้ว ซึ่งนั่นทำให้ข้าประหลาดใจอย่างมาก ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเจ้าในตอนนี้ การอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ดีแล้ว” เจี้ยนเฉินเอากล่องไม้และกองหนังสือออกมาจากแหวนมิติ เขาพูด “ในกล่องนี้คือยาเม็ดจิตวิญญาณธาตุแสงระดับ 6 และพวกนี้คือทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี เจ้าควรจะเอาพวกนี้ไปและแบ่งยาให้เท่า ๆ กัน สำหรับทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีนั้น เจ้าสามารถที่จะเรียนรู้มันได้เลยทันทีที่เจ้าเป็นเซียนปฐพีแล้ว บางทีพวกเจ้าอาจไปจากที่นี่พรุ่งนี้และออกไปฝึกที่ทวีปที่กว้างใหญ่”
“ครับ หัวหน้า” เซียนปฐพีทั้งเจ็ดตอบกลับพร้อมกัน แต่ละคนปิดบังความยินดีในสายตาของพวกเขาไว้
“จำไว้ว่า เมื่อเจ้าเข้าไปฝึกในทวีป อย่าใช้ชื่อกลุ่มทหารรับจ้างอัคนี ให้ใช้ชื่อกลุ่มอื่น” เจี้ยนเฉินเตือนพวกเขาอีกครั้ง ก่อนทีจะหัวหน้าไปอีกทางและพูด “หยุนเจิ้ง ศิษย์พี่อัน ท่านทั้งสองคนทำได้ดีมาก พวกท่านเสร็จภารกิจแล้ว ท่านทั้งสองสามารถกลับไปรายงานที่ฐานหลักของทหารรับจ้างได้พร้อมกับของที่ระลึกจากข้า” เจี้ยนเฉินมอบเครื่องประดับหยกให้แก่พวกเขา เครื่องประดับหยกนี้มาจากตระกูลเจียงหยางและถูกใช้เพื่อเป็นสิ่งยืนยันตน แต่เจี้ยนเฉินไม่จำเป็นต้องใช้มันอีกแล้ว
“หัวหน้า แล้วฐานที่ว่านั้นอยู่ที่ไหนกัน?” ศิษย์พี่อันถาม ก่อนที่กลุ่มทหารรับจ้างอัคนีจะเรืองอำนาจ หยุนเจิ้งและเขาก็ถูกส่งมาที่แนวภูเขาลึกนี้เพื่อคุ้มครองผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไว้ใจได้ของเจี้ยนเฉิน พวกเขาไม่เคยไปจากที่นี่เลย
เจี้ยนเฉินยิ้มอย่างมีเลศนัย “ลองค้นหาด้วยตัวของพวกท่านดูเมื่อออกไปข้างนอก พวกท่านจะรู้เองว่ามันอยู่ที่ไหน”
เจี้ยนเฉินอยู่ที่นี่หนึ่งวันและในวันนั้น เขาส่งต่อความรู้เกี่ยวกับการฝึกฝนพร้อมทั้งประสบการณ์ของเขาที่จะช่วยให้ก้าวผ่านการเป็นเซียนปฐพีไปได้ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาได้ทิ้งแกนอสูรระดับ 4 และ 5 จำนวนมากเอาไว้ให้ทุก ๆ คน เขาเดินทางออกจากที่นั้นในเช้าของวันถัดไปเพื่อเดินทางไปที่จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์
จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์เป็นหนึ่งในจักรวรรดิที่เข้มแข็งของทวีปเทียนหยวน ทวีปเทียนหยวนมีเมืองหลวงทั้งหมด 7 เมือง และสามเมืองในนั้นก็อยู่ในจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์ จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นใหญ่กว่าอีกสองจักรวรรดิที่เหลือ
ประวัติของจักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์นั้นเก่าแก่มาก มันมีมานานกว่าล้านปี จักรวรรดิศักดิ์สิทธิ์มีมาก่อนที่โมเทียนหยุนและพยัคฆ์ปีกเทวะจะปรากฏตัวขึ้นมาเสียอีก อีกทั้งสถานะของมันในตอนนั้นก็เหมือนดังเช่นปัจจุบันคือมีอำนาจเหนือผู้อื่น แม้ว่าจะผ่านมานานมันก็ยังคงรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก