ภาคที่ 33 กลับชาติมาเกิด ตอนที่ 80 การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

ตอนที่ 80 การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด Ink Stone_Fantasy

 

“เอี๊ยด” ประตูลานบ้านเปิดออก

ฝานซานหยวนและฝานโม่จู๋สองคนที่อยู่ด้านนอกมองเข้าไปภายในลานบ้าน เห็นเพียงว่า ‘ฝานอีเชียน’ ผู้ซูบผอมอย่างยิ่งที่สวมชุดเกราะสีเขียวเดินโซซัดโซเซออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกลวงเปล่า จากนั้นประตูลานบ้านทางด้านหลังก็ปิดสนิทลง

“เหตุใดเจ้าจึงออกมาเสียแล้วเล่า” ฝานซานหยวนสงสัย “ถ้าหากเขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ มิใช่ว่าข้าบอกให้เจ้ารั้งอยู่ในบ้านของเขาหรือไร”

ฝานโม่จู๋ที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นเช่นกัน “ถ้าหากเขาลงมือขับไล่เจ้าด้วยตนเอง เช่นนั้นเจ้าก็สามารถฉวยโอกาสประมือกับเขาได้พอดีเลยนี่”

“ประมือกันเรียบร้อยแล้วล่ะ” ฝานอีเชียนมองไปด้านหน้าอย่างตะลึงงันพลางเอ่ยเสียงต่ำ

“ประมือกันเรียบร้อยแล้วอย่างนั้นหรือ”

ฝานซานหยวนและฝานโม่จู๋ต่างก็หัวใจสั่นสะท้าน อดที่จะประสานสายตากันคราหนึ่งมิได้ พวกเขาสองคนก็อยู่นอกบ้าน ถึงแม้ว่าบ้านหลังนี้จะมีค่ายกลโคจรอยู่ โดยทั่วไปแล้วการตัดแยกเสียงก็สามารถตัดแยกจากการเคลื่อนไหวตามปกติได้ แต่การต่อสู้ระหว่างขั้นอลวนระดับชั้นที่สิบนั้นก่อให้เกิดระลอกคลื่นอันน่าหวาดกลัวเพียงใด โลกภายนอกจะต้องสามารถรับรู้ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสิ่งที่ฝานอีเชียนเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการใช้พลังทำลายกฎ!

แต่เมื่อครู่พวกเขาก็มิได้รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวแต่อย่างใดเลย นอกจากนี้ฝานอีเชียนก็ออกมาอย่างรวดเร็วเกินไปเสียแล้ว!

นี่เพิ่งจะเข้าไปเอง…คาดว่าคงพูดกันไม่ได้สักกี่ประโยคเลยกระมัง ก็ออกมาเสียแล้วหรือ

ได้ประมือกันแล้วด้วยอย่างนั้นหรือ

“นี่มันเรื่องอันใดกัน” ฝานซานหยวนถาม

“พ่ายแพ้เสียแล้วล่ะ” ฝานอีเชียนพูดเสียงต่ำ “พ่ายแพ้ชนิดที่ต้องยอมรับเลยทีเดียว ไปเถิด ไปเถิด”

ว่าแล้วฝานอีเชียนก็หมุนกายเดินจากไป มุ่งหน้าไปยังบ้านของตนเอง

“ที่แท้เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่นี่” ฝานซานหยวนและฝานโม่จู๋ต่างก็สงสัยกันอยู่บ้าง

“อีเชียนมีอุปนิสัยอำมหิตและโอหังเป็นที่สุด จิตใจก็หยิ่งยโสเป็นอย่างยิ่ง” นัยน์ตาของฝานโม่จู๋มองบ้านของตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ข้างๆ ด้วยประกายแปลกประหลาด “ถ้าหากพ่ายแพ้ให้กับระดับขั้นเดียวกัน แล้วพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ คาดว่าก็คงจะไปกระตุ้นเขาเข้า ในบรรดาขั้นอลวนของสกุลฝานเรา ก็มีเพียงท่านเท่านั้นแหละ พี่ใหญ่ จึงจะสามารถบีบบังคับกระตุ้นเขาได้ แต่การต่อสู้ในคราวนี้มิได้มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใดเลย ก็ออกมาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้แล้ว ก็บอกได้ชัดว่าอิงซานเสวี่ยอิงผู้นั้นคงจะโจมตีอีเชียนอย่างผ่อนคลายเพียงแค่กระบวนท่าสองกระบวนท่า! ก็ทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเหลือเกินแล้ว”

ฝานซานหยวนก็พยักหน้าน้อยๆ

พละกำลังของฝานอีเชียนน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหลังจากที่สำแดงเคล็ดต้องห้ามแล้วก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่! อิงซานเสวี่ยอิงโจมตีอย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียงหรือไร

“มิใช่เคล็ดผนึกห้าภาพ” ฝานโม่จู๋พูด “น่าจะเป็นเคล็ดลับอื่นใดสักอย่างหนึ่ง สามารถโจมตีอีเชียนได้อย่างง่ายดาย เกรงว่าคงจะมิด้อยไปกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพเลยแม้แต่น้อย!”

ฝานซานหยวนพยักหน้าน้อยๆ

มิด้อยไปกว่าเคล็ดผนึกห้าภาพ ทั้งยังเงียบงันไร้สุ้มเสียง ก็มีอยู่บ้าง อย่างเช่นเคล็ดคำสาปพิฆาต เคล็ดการพยากรณ์ และเขตลวงโลกเทียม เป็นต้น หรือแม้กระทั่งทางสายค่ายกลอันซับซ้อนเป็นที่สุด ถึงขนาดที่สามารถหนีออกมาจากเคล็ดลับอันน่าหวาดหวั่นทางด้านกาลเวลาของเส้นเวลาได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเงียบงันไร้สุ้มเสียง ถ้าหากไม่สนใจความเคลื่อนไหว เคล็ดลับที่สามารถเอาชนะฝานอีเชียนได้ก็จะมีมากยิ่งขึ้น

พวกบรรพชนฝานและจักรพรรดิเซี่ยแต่ละคนต่างก็คิดค้นเคล็ดลับที่สามารถไปถึงได้ตามหลักการออกมา! เคล็ดวิชาที่ ‘หยวน’ ผู้ลึกลับผู้นั้นเหลือทิ้งเอาไว้ก็ยิ่งน่าหวาดหวั่น เพียงแต่สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไปตามหลักการเท่านั้น

อย่างเช่น ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ นอกจากบุคคลของรัฐโบราณเสียดฟ้าท่านนั้นแล้ว ในประวัติศาสตร์ก็มีเพียงแค่ตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นเอง!

เคล็ดวิชาที่ตัวฝานอีเชียนเองบำเพ็ญ เขาก็ยังไม่เคยไปถึงจุดสูงสุดเลย เคล็ดต้องห้ามก็ยังสามารถสำแดงได้เพียงแค่ชนิดเดียวเท่านั้น

“ดูท่าทางพวกมหาเคารพคงจะเห็นด้วยที่จะให้อิงซานเสวี่ยอิงผู้นี้รับตำแหน่งเค่อชิงระดับบนของสกุลฝาน ก็ดูมีเหตุผลอยู่” ฝานซานหยวนเอ่ยปาก เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว

“รอให้สงครามสามตระกูลเริ่มต้น ก็จะล่วงรู้พื้นฐานของเขาได้แล้ว” ฝานโม่จู๋พูดยิ้มๆ

“อืม เขาแข็งแกร่งก็ดี ก็เป็นเรื่องดีต่อสกุลฝานของข้า” ฝานซานหยวนพยักหน้าเบาๆ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเย่อหยิ่งเป็นที่สุด แต่เมื่อถูกแซงหน้าก็ได้แต่ยิ่งเคารพนับถือตงป๋อเสวี่ยอิง และคิดจะพากเพียรฝึกฝนเพื่อให้เหนือกว่าในเร็ววัน

โลกของผู้บำเพ็ญก็เป็นเช่นนี้ รัฐโบราณคิมหันตวายุไม่เห็นรัฐประเทศมากมายบริเวณรอบๆ อยู่ในสายตาเลย ทว่ามีบุคคลน้อยนักที่สสามารถเอาชนะจนพวกเขาเคารพนับถือได้! อย่างเช่น ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ เป็นต้น

******

“คราวนี้สงบแล้วสิ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงส่ายศีรษะเบาๆ  เขาก็ไม่อยากจะสร้างศัตรูมากมายเกินไปภายในสกุลฝาน

เพราะว่าในแผนการบำเพ็ญของเขา สกุลฝานนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง! เขาเป็นเทพจักรวาล ก็ย่อมสามารถส่งร่างแยกกลับไปยังอากาศอันสับสนอลหม่านซึ่งเป็นบ้านเกิดได้ ได้ทราบความเคลื่อนไหวทั้งหมดทั้งมวลของทางฝั่งบ้านเกิดนั้น แต่ไม่ว่าจะเป็น ‘ฝูงมารผลาญทำลาย’ ที่แกร่งกล้าขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน หรือว่า ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ ต่างก็กดดันเสียจนตงป๋อเสวี่ยอิงต้องเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

ต้องรู้ไว้ว่าการหลอมสมบัติลับล้ำค่าของทางด้านอากาศอันสับสนอลหม่านซึ่งเป็นบ้านเกิดนั้นหยาบกว่าเป็นอย่างมาก ไม่มีทางไปถึงระดับการต่อสู้ข้ามชั้นได้เลย!

ขั้นอลวน… ระดับสูงสุดก็ยังเป็นเพียงแค่ระดับชั้นที่เก้าขั้นสุดยอดเท่านั้น

เทพจักรวาล หากนึกอยากจะข้ามขั้น ทางด้านบ้านเกิดนั้นก็ยากเย็นเช่นกัน

“ที่บ้านเกิด อยากจะจัดการจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นยากเย็นนัก จำเป็นต้องอาศัยตำราล้ำค่าของสกุลฝาน จึงจะสามารถทำให้พลังยุทธ์ของข้ายกระดับได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น คราวนี้ยากนักกว่าจะได้โอกาสสร้างแต้มความดีความชอบนั้นมา ข้าจำเป็นจะต้องทำภารกิจให้สมบูรณ์แบบมากพอ” ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งอยู่ภายในชานเรือนชั่วขณะ ด้านนอกไม่มีผู้ใดมาเคาะประตูอีกแล้ว เขารู้ว่าศิษย์หัวแก้วหัวแหวนสามคนนั้นคงจะไม่มารบกวนอีกแล้ว

จากนั้นก็ลุกขึ้น

“มังกรมาร หากไม่มีเรื่องสำคัญ ก็อย่าได้รบกวนข้าเป็นอันขาด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดออกคำสั่ง

“ขอรับ เจ้านาย” แววตาที่มังกรมารรับใช้มองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยความเทิดทูน ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนสกุลฝานที่เอาชนะอ๋องส้าหลงผู้นั้นถึงกับถูกเจ้านายเอาชนะได้ในการเผชิญหน้าเพียงครั้งเดียว เจ้านายช่างร้ายกาจเกินไปเสียแล้ว

……

ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปภายในห้องเงียบของเรือนแห่งนี้แล้วบำเพ็ญอย่างเงียบสงบ

ที่พำนักที่สกุลฝานมอบให้กับยอดฝีมือห้าคนที่เข้าร่วมสงครามสามตระกูล ที่อื่นๆ ก็แล้วไปเถิด แต่ห้องเงียบที่จำเป็นต้องใช้ในการบำเพ็ญของที่นี่กลับยอดเยี่ยมเป็นที่สุด ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิลงที่นี่แล้วก็รู้สึกได้ว่าพลังของค่ายกลหุ้มห่ออยู่โดยรอบ หล่อเลี้ยงร่างกายและวิญญาณของตน ความยอดเยี่ยมขอ

ผลลัพธ์นี้เหนือกว่าเจดีย์เทพอากาศที่ตั้งอยู่ที่เมืองหิมะเหินซึ่งตนทุ่มเทเงินทองไปมหาศาลอยู่มากมายนัก

ช่วยไม่ได้ สกุลฝานลงมือ ก็ย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

เพียงแต่เสียดายที่ระยะเวลาที่ตนสามารถรั้งอยู่ที่นี่ได้นั้นไม่นานนัก!

“พรึ่บ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงหลับตาลง เริ่มต้นรำลึกถึงสิ่งที่ได้รับมาจากการต่อสู้ทั้งหลายก่อนหน้านี้

แน่นอนว่ามิใช่การประมือกับฝานอีเชียน การประมือในครั้งนั้นง่ายดายเกินไป! หากแต่เป็นการเอาชนะร่างแปรของมหาเคารพกลืนเมฆาครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะครั้งที่แปด ตนเองโจมตีอย่างต่อเนื่องถึงหกครั้งจึงสามารถเอาชนะได้ เผชิญกับเคล็ดวิชาที่มหาเคารพกลืนเมฆาสำแดงต้านทาน เคล็ดผนึกห้าภาพของตงป๋อเสวี่ยอิงก็แปรผันไปเพราะสิ่งนี้ โคจรห้าภาพ เสาะหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำลาย

หกฝ่ามืออันต่อเนื่องนั้น ทุกฝ่ามือล้วนแปรผันไปทั้งสิ้น

“โคจรห้าภาพ…” ตงป๋อเสวี่ยอิงย้อนรำลึก เรียนรู้ข้อมูลเชิงลึกบางอย่าง

ถึงแม้ว่าเขาจะนึกถึงเคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุ

“โคจรหรือ”

ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวใจสั่นไหวคราหนึ่ง

ทันใดนั้นแสงทิพย์วิญญาณ์ก็ปรากฏขึ้น เขาหยั่งรู้เคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุ อันที่จริงก็หยั่งรู้มาเนิ่นนานเหลือเกินแล้ว ชาติก่อนวิชาลับผู้ท่องของเขาก็ไปถึงขั้นอลวนชั้นที่ห้าระดับสุดยอดแล้ว! เคล็ดวิชาสืบทอดสี่ภาพวาดของจักรพรรดิเก้าเมฆา การกลายเป็นอากาศธาตุก็บำเพ็ญไปจนถึงขีดสุดแล้ว เกราะของแม่ทัพโม่กู่นั้นเขาก็หยั่งรู้มาโดยตลอด…กลับชาติมาเกิดถึงยังดินแดนจิตโลกา ตอนแรกเขาก็บำเพ็ญร่างเมฆทักษิณาทิพย์ไปจนถึงชั้นที่สิบอันสมบูรณ์! บำเพ็ญ ‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ สำเร็จ ทำเอาเขาบำเพ็ญวิถีห้าสายทางห้วงอากาศจนล้ำลึกไปถึงขั้นอลวนระดับสุดยอดทั้งสิ้น ทั้งยังศึกษาความเร้นลับของพรสวรรค์ในการกลายเป็นอากาศธาตุของแมลงอสูรทางสายห้วงอากาศจำนวนมากอีกด้วย…

การสั่งสมอย่างไม่หยุดหย่อนทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงหลอมรวมเคล็ดวิชาจำนวนมากที่สั่งสมมาเข้าด้วยกันเป็นหนึ่งเดียว โดยมีความเร้นลับของชุดเกราะของแม่ทัพโม่กู่เป็นพื้นฐาน เพียงแต่เวลาที่หลอมรวมนั้นยังขาด ‘จังหวะ’ อยู่เล็กน้อย

ในขณะนี้!

ภายในห้องเงียบแห่งนี้ ยามที่รำลึกการโคจรห้าภาพ เขาได้ตระหนักรู้ถึงจังหวะที่เหมาะสม

“จำเป็นต้องฝืนหลอมรวมด้วยหรือ ก็ควรจะโคจร แข็งแกร่งหรืออ่อนแอก็สามารถแปรเปลี่ยนได้ตลอดเวลา”

ตงป๋อเสวี่ยอิงกระจ่างแจ้งแก่ใจ

“พรึ่บ!”

ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น ห้วงอากาศโดยรอบพลันบิดเบี้ยว แสงสีโดยรอบก็บิดเบี้ยว แสงสีที่บิดเบี้ยวก็ปนเข้าด้วยกันกลายเป็นหลุมดำ ตรงกลางหลุมดำก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งอยู่ที่นั่น

“ฟ้าดินสลายแต่ข้าไม่สลาย นอกเสียจากว่าจะมีพลังคุกคามที่ทลายเปิดกรงของโลกกำเนิด ไม่ทำร้ายโลกกำเนิด และไม่ทำร้ายข้า” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้ม ตอนนั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะจัดการจักรพรรดิเก้าเมฆามาโดยตลอด กระทั่งสงครามครั้งหลังสุดที่โลกทิพย์โบราณดั้งเดิมแหลกสลายไปครั้งนั้น เขาก็เสี่ยงชีวิตโดยไม่เสียดายสิ่งใดอย่างแท้จริง ก็ทำได้เพียงแค่ทำร้ายจักรพรรดิเก้าเมฆาอย่างหนักจนทำให้จักรพรรดิเก้าเมฆาหลบหนีอย่างรวดเร็ว ในท้ายที่สุดจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่ได้เตาสามขาเพลิงโลกันตร์มาครองอยู่ดี

นี่ก็คือเหตุผลที่การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดน่าหวาดหวั่น

มีพลังคุกคามทลายเปิดโลกกำเนิด จึงจะสามารถทำร้ายยอดฝีมือของการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอดได้! แล้วก็ได้แต่เพียง ‘ทำร้าย’ เท่านั้น ส่วนจะฆ่าให้ตายจริงๆ นั้นก็ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว!

อย่างเช่นทลายเวหาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดง ก็เพียงแค่ทลายอนุภาคทรงกลมหมอกดำไม่กี่อนุภาคเท่านั้น เคล็ดวิชาเช่นนี้ ถ้าหากจัดการตงป๋อเสวี่ยอิง ก็คงจะฝืนฆ่าตาได้เพียงแค่อณูเดียวเท่านั้น! ดังนั้น ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ จึงเป็นสิ่งที่ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากไล่ตาม กระทั่งปรมาจารย์กู่ฉีของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังไปไม่ถึงการกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด ทว่า ‘บรรพชนห้วงอากาศ’ ผู้คิดค้นวิถีผู้ท่องอากาศจึงจะสามารถทำได้

ย่างก้าวนี้ช่างยากเย็นนัก

สำเร็จเป็นเทพจักรวาลโดยอาศัยเส้นทางการกลายเป็นอากาศธาตุ ไม่ได้รับเคล็ดลับ มีบางส่วนที่ทำไม่สำเร็จ

ทว่าทำสำเร็จได้ตั้งแต่ยังเป็นขั้นอลวน! ก็ย่อมเหนือกว่าที่จะจินตนาการได้อยู่แล้ว!

ที่อากาศอันสับสนอลหม่าน ฝูงมารผลาญทำลายเพียงแค่อาศัย ‘พรสวรรค์ไร้เงา’ ก็สามารถทะลุผ่านขอบกั้นห้วงอากาศที่ทางฝั่งผู้บำเพ็ญวางเอาไว้ได้อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง ก่อให้เกิดมหันตภัยมากมาย เมื่อใดที่ไปถึง ‘การกลายเป็นอากาศธาตุขั้นสุดยอด’ นั่นก็คือการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริงแล้ว!

“การโคจรเก้าวิถีที่ไม่สลาย เคล็ดการกลายเป็นอากาศธาตุศาสตร์นี้ของข้า ก็เรียกว่าเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ก็แล้วกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้มน้อยๆ “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้าหากข้าบำเพ็ญเป็นระยะเวลายาวนาน ผ่านการกลับชาติมาเกิดจนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งยังมีการสั่งสมมากมาย ทั้งยังตระหนักรู้ที่คีรีมารสกุลฝานได้ในท้ายที่สุดด้วย”

ในขณะเดียวกันกับที่ตระหนักรู้ ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’

ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกได้ในทันทีว่าเขามีความรู้สึกอยากจะศึกษา ‘ทางสายห้วงอากาศ’ อีก ถึงขนาดที่สามารถเกิดความรู้สึกของการบรรลุเป็นเทพจักรวาลได้เลยทีเดียว

การสั่งสมของเขาแน่นหนาเหลือเกิน!

‘เคล็ดผนึกห้าภาพ’ และ ‘เคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์’ ที่ยากเย็นยิ่งกว่า อีกทั้งเคล็ดไร้ทลายเก้ากัณฑ์ยังเป็นสิ่งที่คิดค้นขึ้นเองอีกด้วย!

พื้นฐานเช่นนี้บวกกับการบำเพ็ญ การที่วิถีอากาศบรรลุไปถึงระดับเทพจักรวาลก็ย่อมผ่อนคลายเป็นธรรมดาอยู่แล้ว

“ไม่ต้องรีบร้อน”

“ข้ายังต้องเข้าร่วมสงครามสามตระกูลของสกุลฝาน ถ้าหากตอนนี้บรรลุไปถึงเทพจักรวาลแล้ว ก็จะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ “รอก่อนเถิด ไม่ว่าอย่างไรอีกไม่ช้าก็จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากที่สงครามสามตระกูลสิ้นสุดลง ข้าก็จะบรรลุเป็นเทพจักรวาล ถึงเวลานั้นก็ควรส่งร่างแยกกลับไปยังบ้านเกิดแล้ว! จิ้งชิว อวี้เอ๋อร์ ชิงเหยา…”

ขณะนี้ความคิดจิตใจทั้งหมดของตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นกังวลถึงภรรยาและเหล่าบุตรชายบุตรสาวของตน

จากบ้านเกิดมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ พวกเขายังสบายดีกันอยู่หรือไม่

“รอก่อน รอก่อนนะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงปลอบตัวเองอย่างเงียบๆ

………………………………………….