GGS:บทที่ 879 ซื้อ?

 

“จะซื้อต่อหรอ พวกเขาจะยอมขายหรอ” แอนนาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาๆ

“ในเมื่อพวกเขากล้าที่จะเอาของมีค่าขนาดนี้มาตั้ง พวกเขาสมควรจะไม่รู้คุณค่าของงานศิลป์อันล้ำค่าชิ้นนี้ พวกเขานั้นน่าจะยอมขายด้วยเงินที่เล็กน้อยเท่านั้น”

หลังจากที่ทั้งสองกลัวว่าจะมีคนมาแย่งงานสลักนี้ตัดหน้าพวกเขาไป พวกเขารีบตรงไปยังศูนย์จัดการของลานกิจกรรมแห่งนี้ในทันที

เขานั้นพยายามอธิบายสถานะของตัวเองและเสนอซื้องานแกะสลักหินอ่อนที่อยู่กลางสวนฟางหลิน ด้วยเงินสองหมื่นหยวน

แน่นอนว่าคุณค่าของงานศิลป์มากกว่าสองหมื่นหยวนนับสิบไม่สินับร้อยเท่าและเขาเองก็ยินยอมจ่ายอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อต้องซื้อจากคนที่ไม่เห็นคุณค่าทางศิลป์แบบนี้เขาจะยอมทุ่มทุนไปทำไม

คุณหวังที่ดำรงตำแหน่งผอ.ของส่วนจัดการกลางของสวนแห่งนี้เองถึงกับสงสัย ทำไมสองคนนี้ถึงอยากจะมาซื้องานสลักหินในสวนของเขาได้กัน

ราคาของพวกมันโดยเฉลี่ยแล้วอย่างมากสุดก็ควรจะอยู่ที่ห้าพันหยวนอีกด้วย แต่ต่างชาติสองคนนี้ต้องการซื้อด้วยเงินถึงสองหมื่นหยวน ตกลงว่าสองคนนี้จะซื้อไปทำอะไรกันแน่

“พวกเรานั้นมีความสนใจในงานแกะสลักหินของจีนมากๆ และต้องการซื้อหนึ่งในนั้นเป็นของที่ระลึกน่ะ” แอนนาพยายามสื่อสารออกมาด้วยน้ำเสียงจีนแปลกๆ

“ผมขอแนะนำว่าให้พวกคุณไปซื้ออะไรที่มันขนง่ายๆดีกว่านะ” ผอ.หวังเองก็แนะนำด้วยความหวังดี

“พวกเรานั้นชอบงานแกะสลักหินนั้นมากจริงๆ เราไม่ต้องการชิ้นอื่นนอกจากชิ้นนี้เลย” แอนนาพูดออกมา

“งานแกะสลักหินชิ้นไหนกันที่คุณต้องการจะซื้อ” ผอ.หวังถามออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เขานั้นคิดแต่ว่างานแกะสลักหินที่สองคนนี้ต้องการนั้นเป็นเพียงงานทั่วไปๆ ถ้าซื้อในราคานี้ตัวเขาก็สามารถหามาแทนได้ถึงสองสามชิ้นแน่นอน จึงไม่ได้เสียหายอะไร

“พวกเราต้องการอันนี้” อลันนำโทรศัพท์มือถือออกมาให้ มันเป็นรูปของงานแกะสลักหินของสาวงามที่อยู่ท่ามกลางหินประดับ เมื่อได้เห็นแล้ว ผอ.หวังเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรว่าทำไมทั้งสองถึงอยากได้มันนัก

“นี่มัน… สมควรจะเป็นคุณซูเป็นคนที่เพิ่มเข้ามาตอนปรับปรุงเมื่อสองวันก่อนแน่ๆ” แน่นอนว่า ผอ.เองก็รู้ดีว่าซูจิ้งนั้นเสนอตัวในการปรับปรุงสวนฟางหลินแห่งนี้

ด้วยการที่สำนักงานโยธาอนุญาตและการที่ไปคัดค้านคนใหญ่คนโตแบบซูจิ้งด้วยเรื่องแค่นี้ช่างไร้สาระเขาจริงไม่ได้ใส่ใจอะไร

เอาจริงๆหลังจากสวนปรับปรุงเสร็จแล้วเขาเองก็ได้ไปเยี่ยมชมจนตกตะลึงมาแล้วเหมือนกัน

เขานั้นทึ่งกับซูจิ้งมากนั่นก็เพราะว่าเขาไม่เหมือนคนรวยคนอื่นที่สักแต่จัดสวน

แต่ซูจิ้งนั้นนอกจากจะทำให้เปล่าๆแล้ว เขานั้นยังจัดแบบมีอารมณ์ศิลป์อย่างมาก แต่เขาเองก็แค่มองรูปแกะสลักนี้เท่านั้นไม่ได้เข้าถึงอารมณ์ศิลป์มากนัก

“งานแกะสลักนี้เป็นงานแกะสลักที่คุณซูนำมา ผมไม่สามารถเป็นคนตัดสินใจขายได้หรอกนะ”

ผอ.หวังบอกออกไปแบบนั้นแต่ชาวต่างชาติทั้งสองก็ยังไม่ไปไหน เขาจึงให้ทั้งสองรอและได้โทรไปหาผอ.ของสำนักงานโยธาและเล่าสถานการณ์ให้ฟัง “ผอ.โจวครับ งานแกะสลักหินกลางสวนฟางหลินที่คุณซูเพิ่มเข้ามานั้นมีชาวต่างชาติต้องการจะขอซื้อในราคาสองหมื่นหยวนครับ”

หลังจากได้ยินดังนั้นปลายสายได้ตอบกลับมาว่า

“คุณซูไม่ได้รับเงินจากพวกเราสักแดงเดียว แถมเขานั้นยังยอมนำงานแกะสลักของเขามาวางไว้ในสวนแบบนี้อีก บอกเขาไปตรงๆเลยว่าพวกเรานั้นไม่มีสิทธิ์ขาย ถ้าอยากซื้อต้องไปคุยกับคุณซู”

ผอ.ของสำนักงานโยธาเองก็บอกออกมาแบบนั้น และเขาก็นึกสงสัยว่ารูปปั้นอะไรทำไมต่างชาติสองคนถึงสนใจขนาดต้องการซื้อด้วยเงินถึงสองหมื่นหยวน ผอ.หวังจึงได้ส่งรูปให้ดูในทันที

หลังจากผอ.สำนักงานโยธาได้เห็นรูปที่ส่งผ่านมาทางอีเมลล์แล้วสายตาของเขานั้นเป็นประกายในทันที เขาเองก็เคยเห็นสวนฟางหลินมาก่อนและจำได้ดี โดยทุกอย่างนั้นยังดูเหมือนเดิม

 

แต่เพิ่มเติมก็คือมีการปรับเปลี่ยนทางเดิน พื้นหญ้า จนทำให้ดูสดใสราวกับเป็นการยกระดับเลยทีเดียว

“คุณซูนี่ช่างมีฝีมือจริงๆ” ผอ.สำนักโยธาผู้นี้แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าทุกอย่างที่เปลี่ยนไปนั้นไม่ได้ใช้เงินในการปรับปรุงเยอะ เท่าที่ดูแล้วงบที่ใช้น่าจะน้อยกว่าโครงการที่พวกเขาตั้งไว้ซะด้วยซ้ำ

เพียงแค่เห็นนี่เขาอดจะคิดไม่ได้เลยว่าคงเป็นการดีหากซูจิ้งยินดีที่จะเป็นผู้ปรับปรุงลานกิจกรรมทั้งหมดของเมืองจงหยุนแห่งนี้ อย่างไรก็ตามเขาเองก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน

การที่ซูจิ้งลงมือเองในครั้งนี้นั้นหากเขาไม่ต้องการพื้นที่พักผ่อนดีๆไม่ก็สมควรจะมีความประทับใจบางอย่างในสวนฟางหลินแห่งนี้เท่านั้น

การที่จะปรับปรุงทั้งเมืองจงหยุนแบบที่เขาหวังไว้นั้นแน่นอนว่าต้องกินทั้งแรงงานและเสียเวลามาก คนแบบเขาจะยินยอมได้ยังไงกัน

เมื่อผอ.จ้าวได้เลื่อนมาดูถึงรูปสุดท้ายที่เป็นภาพรูปแกะสลักหินนั้น ผอ.ของสำนักงานโยธาผู้นี้ถึงกับตกตะลึงไปไม่น้อย เขานั้นนิ่งดูรูปถ่ายนี้อยู่นานสองนาน ยิ่งดูมากเท่าไหร่ก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น

ตอนนี้เขาไม่แปลกในแล้วว่าทำไมชาวต่างชาติสองคนนั่นถึงอยากได้งานแกะสลักหินถึงกับยอมจ่ายสองหมื่นหยวน

“เฮ้อออ ขนาดฉัที่ไม่รู้เรื่องงานศิลป์ก็ยังดูออกเลยว่างานแกะสลักนี้นั้นไม่ธรรมดาเลยสักนิด เพียงแค่ตั้งงานแกะสลักนี้ไว้ก็ทำให้สวนฟางหลินนั้นยกระดับได้แล้ว ราคาของสิ่งนี้ย่อมมากกว่าสองหมื่นหยวนอย่างแน่นอน”

ผอ.สำนักงานโยธาได้โทรหาซูจิ้งในทันทีและได้รายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เรื่องการจะยอมขายอะไรอย่างนี้เขานั้นย่อมต้องให้ซูจิ้งเป็นคนตัดสินใจอยู่แล้ว เขาก็แค่ต้องรายงานซูจิ้งเฉยๆเท่านั้นเอง

ซูจิ้งที่รับสายนั้นเมื่อเขาได้ยินมาว่ามีคนต้องการจะซื้องานแกะสลักหินของเขา เขาก็ไม่ได้ดีกระตือรือล้นอะไรนั่นก็เพราะเขาได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้อยู่แล้ว

เขาได้ถามสถานะของอีกฝั่งและได้ให้ซูฉือสืบค้นข้อมูลในทันที หลังจากอ่านข้อมูลและเขาได้ขับรถปอร์เช่ของเขาตรงไปยังสวนฟางหลินในทันที

“ผอ.หวัง คุณพอจะยืดหยุ่นธรรมเนียมและขายงานแกะสลักหินนี้ให้พวกเราหน่อยได้รึเปล่าคะ มันสามารถใช้ยกระดับชื่อเสียงให้กับที่นี่ได้เลยนะว่าเป็นพื้นที่แรกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศได้เลย มีแต่เรื่องดีๆทั้งนั้น” เมื่อเห็นผอ.หวังวางสาย แอนนาจึงรีบพูดเสนอดูอีกครั้ง

“งานแกะสลักหินชิ้นนั้นเป็นของคุณซู การจะขายหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเขา หากคุณอยากได้จริงๆก็รอหน่อยแล้วกันเพราะเขานั้นกำลังมาที่นี่ คุณก็ลองคุยกับเขาเองก็แล้วกัน” ผอ.หวังพูดออกมาแบบงงๆ

“งั้นพวกเราขอไปรอที่บริเวณที่ตั้งงานแกะสลักหินนั่นแล้วกัน” อลันนั้นกลัวว่าหากปล่อยให้งานแกะสลักหินนี้คลาดสายตาเป็นเวลานานอาจจะมีใครมือดีไปทำลายหรือไม่ก็มีคนขโมยมันไปก็ได้

“ก็ได้ เมื่อเขามาถึงผมจะพาเขาไปหาก็แล้วกัน” ผอ.หวังพยกหน้ารับ

 

หลังจากออกมาจากสำนักงานกลางของลานกิจกรรมแล้ว แอนนาได้คุยกับอลันด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “อลัน สงสัยว่าเราจะไม่สามารถซื้อได้ในราคาต่ำๆอย่างที่คิดซะแล้วล่ะ ดูเหมือนจะมีคนรู้คุณค่าของงานแกะสลักชิ้นนี้อยู่เหมือนกัน ไม่น่าจะยอมขายง่ายๆ” แอนนาพูดออกมา

“ฉันก็กลัวเหมือนกันว่าต่อให้เป็นเงินแสนหยวนก็ยังซื้อไม่ได้ แต่ในเมื่อพวกเขานั้นนำมาไว้ในสวนอย่างนี้ก็สมควรจะคิดเพียงว่ามันเป็นรูปปั้นที่ดูดีเท่านั้น

และดูจากท่าทีแล้วคนพวกนี้ไม่มีทางเข้าใจงานศิลป์ไปได้หรอก ราคาของมันไม่มีทางสูงอย่างแน่นอน

ฉันจะลองโทรหาภัณฑารักษ์ไว้ก่อน ดูสิว่าเขาจะยอมให้วงเงินเท่าไหร่” อลันพูดออกมาและได้ทำการโทรกลับไปยังอเมริการในทันที

เมื่อภัณฑารักษ์ของพิพิธภัณฑ์ที่อลันทำงานอยู่ได้เห็นรูปของงานแกะสลักหินนี้เขาเองก็อยากจะบินมาที่ประเทศจีนซะเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว แน่นอนว่าเขานั้นต้องการให้นำรูปสลักนี้กลับไปและจะให้การสนับสนุนเงินที่ต้องใช้อย่างแน่นอน

 

หลังจากอลันได้ไปถึงน้ำพุเรียบร้อยและกำลังจ้องมองไปยังงานแกะสลักหินอย่างสบายอารมณ์ได้พักใหญ่

ผอ.หวังและซูจิ้งได้เดินเข้ามาด้วยกัน โดยประชาชนชาวนึโดยรอบต่างกู่ร้องและส่งเสียกรี๊ดวี๊ดว้ายไปทั่ว ภาพนี้ทำให้ทั้งอลันและแอนนาตกตะลึงจนพูดไม่ออก หรือว่าคุณซูคนนี้จะเป็นคนดัง